อึ้ง!พิชัยแช่งผู้นำตายเรารอด


เพิ่มเพื่อน    

  ไวรัสโควิด-19 น่ากลัวน้อยกว่าปากนักการเมือง "พิชัย" ใช้โซเชียลมีเดียทำลายความเป็นคนของตัวเอง โพสต์ข้อความผู้นำตายเราจะรอดกันหมด #ผนตรจรกม. "ธนาธร" สมมติถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเปิดข้อมูลให้คนรู้ เพื่อไทยเอาแต่ด่า "บิ๊กตู่" หมดสภาพแล้ว "สิระ" เสนอ "ชวน" เลิกประชุม กมธ.ทุกชุด พท.โวยกระทบชำเรา รธน.
    สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 ในประเทศไทย ที่ล่าสุดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 33 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 147 คน ไม่เป็นที่พอใจของนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ แต่พบว่าเป็นการแสดงความเห็นที่ขาดความรับผิดชอบจำนวนมาก 
    เช่นนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ผู้นำตายเราจะรอดกันหมด #ผนตรจรกม."
    ทั้งนี้ นายพิชัยเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในช่วงที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรบริหารประเทศ ปี 2554 และได้เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่ ขณะที่รัฐบาลยืนยันว่า "เอาอยู่" แต่ไม่ยอมพูดความจริงกับประชาชน อีกทั้งน้ำท่วมจากสาเหตุการบริหารจัดการน้ำที่ผิดพลาด มีการปล่อยน้ำจากเขื่อนภูมิพลปริมาณมหาศาล ส่งผลให้ที่ราบลุ่มภาคกลางประสบอุทกภัยในวงกว้าง 
    น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 มีผู้เสียชีวิตถึง 813 คน ใน 44 จังหวัด มีความร้ายแรงที่สุดทั้งในแง่ของปริมาณน้ำและจำนวนผู้ได้รับผลกระทบ
    ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุว่า เราทุกคนทั้งภาครัฐและประชาชนทั่วไปควรเริ่มใช้มาตรการเสมือนว่าเราอยู่ในเฟส 3 อย่างเป็นทางการแล้ว เพื่อที่จะจำกัดการระบาดให้ได้มากที่สุด หากตนเป็นรัฐบาลจะเปิดเผยบันทึกการสอบสวนโรคในส่วนของรายละเอียดการเดินทาง การใช้ชีวิตในวัน เวลา และสถานที่ต่างๆ ของผู้ที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้ เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบจริงๆ และประเมินได้ถูกต้องว่าแต่ละคนมีความเสี่ยงเข้าใกล้ผู้ติดเชื้อมากน้อยแค่ไหน
    "ผมขอเสนอตัวเพื่อช่วยกระทรวงสาธารณสุขในการนำเสนอรายละเอียดพวกนี้ด้วยอีกแรงหนึ่ง เรามีทีมงานที่พร้อมนำข้อมูลมาเสนอให้คนทั่วไปเข้าใจง่าย หากท่านสนใจก็สามารถติดต่อเข้ามาได้เลย ผมยินดีเป็นอย่างยิ่ง"
    เขาแนะนำประชาชนว่าให้เริ่มใช้มาตรการ Social Distancing หรือการรักษาระยะห่างทางสังคมอย่างเป็นทางการ การกักตนเอง ไม่จำเป็นต้องกักตุนสินค้า แต่ต้องลดความถี่ในการไปจับจ่ายใช้สอยลงเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
    "ผมไม่สามารถพูดได้ว่าตระหนักแต่ไม่ตระหนก เพราะคนเราจะตระหนกหรือไม่นั้นเป็นเรื่องส่วนตัวของบุคคลในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร แต่สำหรับผม การที่เราจะใช้มาตรการเข้มงวดจริงจังตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น น่าจะเป็นผลดีมากกว่าในการควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปจนเราควบคุมไม่อยู่" นายธนาธรระบุ
    ที่พรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย คณะแกนนำพรรค ส.ส. พร้อมด้วยสมาชิกพรรคที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ร่วมกันแถลงข่าวเปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและติดตามการแก้ไขปัญหาการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 โดยมี นพ.ทศพร เสรีรักษ์ เป็นประธานศูนย์ โดยการแถลงข่าวครั้งนี้ได้เชิญผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ ในฐานะกลุ่มที่มีความใกล้ชิดกับประชาชนเข้ามาร่วมรับฟังการแถลงข่าวด้วย
ให้เลิกขู่ดำเนินคดี
    นายสมพงษ์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยตระหนักถึงความวิตกกังวลของพี่น้องประชาชน จึงได้เปิดศูนย์รับเรื่องร้องเรียนและติดตามการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะช่วยรับฟังปัญหา และเป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลไปยังภาครัฐ รวมถึงการติดตามมาตรการต่างๆ เพื่อให้สถานการณ์อันวิกฤตินี้คลี่คลายไปได้โดยเร็วที่สุด วิกฤตการณ์ครั้งนี้ พวกเราคนไทยทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน ด้วยความสามัคคีและความเอื้ออาทรต่อกัน ที่สำคัญต้องสร้างจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้พี่น้องประชาชนคนไทยปลอดภัย เพื่ออนาคตที่ดีของประเทศ
    คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมสนับสนุนทุกมาตรการในการป้องกันและควบคุมโรคของภาครัฐ ที่แสดงออกซึ่งการดูแลควบคุมและป้องกันโรคให้ประชาชนทุกกลุ่มอย่างแท้จริง รัฐต้องเปิดเผยข้อมูลทางระบาดวิทยาที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคลให้ประชาชนรับทราบเพื่อเฝ้าระวังตัวเอง รัฐต้องเพิ่มมาตรการรองรับการเข้าถึงการคัดกรองเชื้อในกลุ่มเสี่ยงโดยปราศจากค่าใช้จ่าย พร้อมยกเลิกมาตรการขู่หรือแจ้งความดําเนินคดีประชาชนที่ออกมายืนยันว่าตนเองติดเชื้อ ยกเว้นกรณีตั้งใจก่อกวนซึ่งรัฐสามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว
    "พรรคเพื่อไทยได้ระดมบุคลากรที่มีความรู้ทางการแพทย์และสาธารณสุขของพรรคมาทํางานภายในศูนย์ดังกล่าว พรรคพร้อมในการให้ความร่วมมือและช่วยเหลือประชาชนเต็มศักยภาพ โดยเบื้องต้น เราได้ดําเนินการเชื่อมโยงฐานข้อมูลความรู้ สถานการณ์โรค และอื่นๆ ที่จําเป็นมาขยายและส่งผ่านไปยังเครือข่ายของพรรค มีการเปิดช่องทางรับเรื่องจากประชาชน" คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ขณะนี้มีการส่งต่อข้อมูลข่าวสารว่าไทยได้เข้าสู่การแพร่ระบาดระยะที่ 3 แล้วหรือยัง แต่ระยะ 1-2-3 ไม่กระทบเท่าวิกฤติภาวะผู้นำ ถ้าผู้นำสามารถทำให้ประชาชนเชื่อได้ระยะใดย่อมไม่มีปัญหา แต่วันนี้ประชาชนไม่มีความเชื่อมั่น อะไรที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมพูด ประชาชนจะทำตรงกันข้าม เช่นบอกอย่ากักตุนอาหาร อย่าตื่นตระหนก  ประชาชนก็แห่กันไปซื้อกักตุน  
    เขาบอกว่าพรรคเพื่อไทยขอเสนอแนะสิ่งที่เป็นประโยชน์ คือเร่งสร้างภาวะผู้นำ รัฐบาลต้องจัดระเบียบข้อมูลข่าวสารให้ถูกต้องและเป็นประโยชน์ต่อประชาชน รัฐต้องยกระดับข้อมูลข่าวสารให้ถูกต้อง เชื่อถือได้ ถึงเวลาที่รัฐต้องยอมรับความจริงกับประชาชนและสื่อสารความจริงกับประชาชน สะท้อนข้อมูลอย่างเป็นปัจจุบัน และรัฐต้องไม่แสวงหาประโยชน์หรือทำกินบนความเป็นความตายของพี่น้องประชาชน นอกจากนี้รัฐต้องจัดการกับการทุจริตและพร้อมถูกตรวจสอบ
    นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงความคืบหน้าการล่ารายชื่อเพื่อขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญว่า ช่วงเย็นวันที่ 16 มี.ค.หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคจะร่วมพูดคุย เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้มีการลงรายชื่อโดยเร็วที่สุด คาดว่าภายในสัปดาห์นี้จะจบแน่นอน พรรคฝ่ายค้านไม่ใช้เวทีนี้หลอกด่ารัฐบาล ขอให้รัฐบาลคิดว่าปัญหาโควิด-19 เราให้โอกาสรัฐบาลทำ แต่เชื่อว่ารัฐบาลไม่น่าจะรับมือได้ ดังนั้นเราต้องช่วยกัน โดยใช้กลไกสภาเพื่อขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญ เดิมก็รออยากให้รัฐบาลเปิดประชุมเอง แต่เมื่อไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ฝ่ายค้านจำเป็นต้องทำ
    "ไม่ต้องกลัวว่าเราจะด่า เราด่าอยู่แล้ว แต่วันนี้ประชาชนก็ด่า เมื่อรัฐบาลมีมือมีคนมากกว่าเราอีก  ไม่ควรกลัว" นายสุทินกล่าว
เสนอ 'ชวน' เลิกประชุม กมธ.
    ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตอนนี้ปัญหาโควิดเป็นวิกฤติชาติ ต้องอาศัยกลไกสภาแก้ปัญหา ไม่อยากให้ใช้กลไกอื่นนอกสภาแก้ปัญหา ปัญหาโควิด-19 กระทบในวงกว้าง  หลายคนวิตกกังวล สถานการณ์ในประเทศเข้าใกล้สู่ระยะที่ 3 คือการติดภายในจากคนไทยสู่คนไทย โดยไม่สามารถสืบเสาะได้ว่าไม่ได้ติดมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง และระยะ 3 คือติดได้อย่างรวดเร็ว กว้างไกล หาก กทม.เป็นเมืองเสี่ยง แหล่งแพร่เชื้อสำคัญจะอยู่ที่ กทม.และสงกรานต์คนจะกลับชนบทมากน้อยแค่ไหน คือการนำเชื้อเข้าสู่ชนบทอีก นอกจากนี้ปัญหาภัยแล้ง เศรษฐกิจตกต่ำ ข้อเรียกร้องจากนักศึกษาก็ยังมีปัญหาอยู่เช่นกัน
    นพ.ชลน่านกล่าวว่า มีข่าวรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้ให้สภาสั่งงดการประชุมสภาทุกรูปแบบ ทั้งกรรมาธิการสามัญหรือวิสามัญก็อาจจะมีการสั่งงด ก็อยากฝากดูด้วยว่าการประชุมบนพื้นฐานป้องกัน จะแก้ไขปัญหาให้ประเทศได้ ส่วนข้อเสนอที่จะงดประชุมทุกคณะตนไม่เห็นด้วย เพราะมีกรรมาธิการที่มีความสำคัญยังต้องพิจารณาอยู่ เช่นการพิจารณาศึกษาวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าหยุดหมดอาจมีผลกระทบ แต่ถ้าเปิดช่องภายใต้การดูแลมีการระมัดระวังน่าจะดีกว่า
    นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคฝ่ายค้านควรหาทางออกที่ดีที่สุดกว่านี้ ซึ่งมีอยู่หลายช่องทางที่น่าจะเหมาะสมกว่าการเปิดประชุมสภา เพราะการไปรวมตัวประชุมสภาผู้แทนราษฎรในคนหมู่มากก็ต้องป้องกันระมัดระวังอย่างเต็มที่ เพราะมีข่าวในต่างประเทศมีระดับรัฐมนตรีหรือ ส.ส.ก็ติดเชื้อไวรัสนี้ได้ เพราะสาเหตุการประชุมร่วมกันในคนหมู่มาก เชื้อไวรัสนี้ไม่ได้เลือกระดับชั้นเลือกคนที่จะต้องติดเชื้อ ดังนั้นการประชุมอาจจะมีใครคนใดคนหนึ่งนำมาแพร่กระจายติดต่อกันในห้องประชุมเหมือนกรณีในสนามมวยลุมพินีได้
    "เราไม่ต้องไปเสียเวลาเชิญรัฐมนตรีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปชี้แจงที่สภา ไม่ต้องเสียเวลาที่ท่าน ส.ส.แต่ละท่านต้องมาประชุม เอาเวลาอันมีค่ารีบเร่งลงพื้นที่เข้าไปดำเนินการช่วยกันจัดการป้องกันให้พี่น้องประชาชนทุกคนในพื้นที่ของท่านปลอดภัย ขวัญกำลังใจจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีค่าสูงยิ่งสำหรับพี่น้องประชาชนที่เลือกท่านเข้ามาเป็นตัวแทนครับ" นายสุภรณ์กล่าว
    นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้กรรมาธิการอีก 35 คณะงดการประชุมและกิจกรรมทั้งหมดด้วย เนื่องจากกรรมาธิการแต่ละคณะจะต้องมีการเรียกผู้เกี่ยวข้องจากส่วนต่างๆ มาชี้แจง ซึ่งอาจจะก่อให้เกิดการระบาดได้เพราะหาก ส.ส.สักคนหนึ่งติดไวรัสโควิด-19 ไป เวลาไปลงพื้นที่ประชาชนก็จะได้รับความเสี่ยงไปด้วย
    นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นที่ 6 ผู้นำเหล่าทัพไม่รับเงินเดือน ส.ว.เป็นการส่งสัญญาณจะมีการเปลี่ยนม้ากลางศึกว่า  เป็นการทำลายความเชื่อถือของบุคคลที่เขาพูดถึง ซึ่งตอนผู้นำเหล่าทัพเป็น ส.ว.รับเงินเดือนสองทางก็วิจารณ์ตลอด แต่พอมาประกาศรับเงินเดือนทางเดียวก็มาวิจารณ์อีก อย่างไรก็ตามบางเหตุผลที่พูดก็สมเหตุสมผลเหมือนกัน เพราะในโลกประชาธิปไตยคนมีตำแหน่งไม่ควรรับเงินเดือนสองทาง ซึ่งตอนที่ยึดอำนาจมีอำนาจเบ็จเสร็จจะรับเงินเดือนสองทางก็ว่ากันไป แต่ความจริงแล้วไม่ควรรับเงินเดือนสองทางตั้งแต่ต้น ดังนั้นผู้นำเหล่าทัพจะต้องยอมรับการถูกวิจารณ์
    "การที่ออกมาโหนกระแสเปลี่ยนม้ากลางศึกนั้นผมไม่เห็นด้วย ซึ่งปัญหาโควิด-19 นั้นทั้งโลกก็กำลังเผชิญวิกฤติอยู่ ดังนั้นการจะมาเปลี่ยนม้ากลางศึกในขณะนี้คิดว่าชาวบ้านไม่ยอมรับแน่ ขณะนี้ใครมีหน้าที่อะไรโดยเฉพาะผู้แทนก็ขอให้ทำให้ดีที่สุดก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของชาวบ้าน และให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการต่อสู้วิกฤติครั้งนี้ดีกว่า การพูดก็พูดได้และควรเป็นไปในแนวทางแนะนำ ติติงหรือชี้ช่องทางที่ดีกว่า ไม่ควรพูดอะไรหรือทำอะไรให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเสียกำลังใจโดยไม่เกิดประโยชน์  เช่นถ้าพูดเป็นการเมืองไปหมด ชาวบ้านจะรับไม่ได้" นายนิพิฏฐ์กล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"