ทุกจังหวัดทั่วไทย ตื่นป้องกันไวรัส!


เพิ่มเพื่อน    

  ทุกจังหวัดทั่วประเทศตื่นตัวป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 "เชียงใหม่" สั่งทำประวัติทุกคนที่มาจาก กทม.และปริมณฑล "พระสงฆ์" จ.พิษณุโลกสวมหน้ากากออกรับบิณฑบาต พร้อมวัดอุณหภูมิญาติโยมมาทำบุญ "โคราช" บวงสรวงย่าโมขอพรให้คนไทยปลอดภัย "บุรีรัมย์" จัดลงทะเบียนไลน์ Buriram Healthy Passport "ปัตตานี" ทหารร่วมทำความสะอาดมัสยิดกลาง  

    ตลอดวันจันทร์ที่ผ่านมา ทุกจังหวัดทั่วประเทศได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งการจัดทำฐานข้อมูลผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลตามนโยบายกระทรวงมหาดไทย การฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดหน่วยงานราชการ และคัดกรองตรวจวัดอุณหภูมิประชาชนตามสถานที่ต่างๆ รวมทั้งพระที่ออกบิณฑบาตช่วงเช้าก็สวมใส่หน้ากากอนามัย
    อาทิ จ.เชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ สั่งเพิ่มการคัดกรองและทำประวัติทุกคนที่เดินทางเข้ามาไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑลหรือต่างประเทศ ในพื้นที่เสี่ยงต่างๆ รวมทั้งใช้ทุกช่องทางในการป้องกันสร้างความรู้ความเข้าใจให้ประชาชนร่วมมือ เพื่อหยุดการแพร่ระบาด  
    นายเจริญฤทธิ์กล่าวว่า ได้แจ้งย้ำทุกหน่วยทุกอำเภอไปแล้ว ขอให้อดทนและร่วมมือกัน ระหว่างนี้ทั้งโรงพยาบาล สถานที่ต่างๆ ก็เริ่มทยอยประกาศมาตรการออกมาขอความร่วมมือ เช่น การงดเยี่ยมโดยตรง เนื่องจากเคสผู้ติดเชื้อเริ่มกระจายกลุ่มไม่เฉพาะแค่กรณีสนามมวยดังหรือสถานบันเทิงก่อนหน้านี้เท่านั้น ส่วนมาตรการทางกฎหมายก็ต้องบังคับใช้หากมีการฝ่าฝืน 
    "สิ่งสำคัญที่สุด ถ้าทุกคนเข้าใจและเริ่มดูแลจากตนเองและครอบครัว เชื่อมั่นว่าทุกอย่างจะดีขึ้น และระหว่างนี้ก็ให้เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำความสะอาดฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไปตามสถานที่ต่างๆ ในทุกๆ พื้นที่ทั่วเมือง ซึ่งวันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันเพิ่มอีก 1 ราย เป็นบุตรสาวของครอบครัวที่เดินทางกลับจากอังกฤษที่มารดาติดเชื้อ ส่วนผู้ป่วยก่อนหน้า 2 รายใกล้จะหายกลับบ้านได้ อาการผู้ป่วยทั้งหมดที่ติดเชื้อไม่น่าเป็นห่วงและดีขึ้น  โดยยอดสะสมตั้งแต่การระบาดมี 471 ราย ไม่เข้าข่าย 366 รายและรอดูอาการและผลตรวจ 105 ราย" ผู้ว่าฯ เชียงใหม่กล่าว
    จ.ลำปาง นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พร้อมด้วยนายพินิจ แก้วจิตคงทอง ปลัดจังหวัดลำปาง,  นายวาทิต ปัญญาคม นายอำเภอเมืองลำปาง, นายแพทย์ประเสริฐ กิจสุวรรณรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง และนางนพวรรณ ธนะสุวัตติ์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลนครลำปาง ลงพื้นที่ขนส่งผู้โดยสารจังหวัดลำปาง ติดตามการตั้งจุดตรวจคัดกรองประชาชนที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร เพื่อกลับภูมิลำเนาในพื้นที่ จ.ลำปาง 
    นายณรงค์ศักดิ์กล่าวว่า จริงๆ แล้วอยากให้ทุกคนอยู่ในบ้านถ้าเป็นไปได้ และก็เชื่อว่าเราไม่สามารถรณรงค์ให้ทุกคนอยู่ในบ้านได้ 100% ดังนั้นเราก็ต้องเตรียมมาตรการ โดยจุดเช็กพอยต์ที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง ยังจะมีการแจกแผ่นพับให้ความรู้ในการป้องกันตนเอง และการป้องกันโรคไม่ให้แพร่เชื้อสู่ผู้อื่น รวมถึงทำการให้สแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อจะได้บันทึกข้อมูลต่างๆ ในการติดตาม และใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขได้พัฒนาโปรแกรมขึ้นมาเพื่อนำมาใช้ในงานบันทึกข้อความของประชาชนที่เดินทางกลับมา จ.ลำปาง 
    จ.พิษณุโลก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องในวันพระ แรม 15 ค่ำ เดือน 4 วันนี้วันตรุษไทย วัดต่างๆ ในเขตจังหวัดพิษณุโลกมีประชาชน ญาติโยม มาทำบุญกันตามปกติ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ กลุ่มใหญ่ที่สุดที่มาร่วมทำบุญและเป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสในการรับเชื้อโควิด-19 หลายวัดให้ความร่วมมือกับทางการเป็นอย่างดี เตรียมมาตรการในการร่วมคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย เตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้ประชาชน รวมถึงขอความร่วมมือผู้มาทำบุญให้สวมใส่หน้ากากอนามัย
คุมเข้มคนกลับจาก กทม.
    ที่วัดเขื่อนขันธ์ ตำบลอรัญญิก อ.เมืองฯ จ.พิษณุโลก ผู้มาทำบุญส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และส่วนใหญ่ต่างสวมใส่หน้ากากอนามัยมาทำบุญ เช้านี้ทางวัดเริ่มมาตรการคัดกรอง มีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายผู้มาทำบุญทุกรายก่อนเข้าศาลาการเปรียญ   หากมีไข้สูงเกิน 37.5 องศา จะขอความร่วมมือผู้มาทำบุญให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน ไม่ให้เข้ามาภายในศาลา และเตรียมเจลแอลกอฮอล์ล้างมือให้ทุกคนล้างก่อนเข้าไปภายใน
    ส่วนตามถนนต่างๆ ในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก หลายคนนิยมใส่บาตรพระก่อนไปทำงาน บรรยากาศเช้านี้พระสงฆ์ที่ออกมาบิณฑบาตและประชาชนที่มาใส่บาตรต่างสวมหน้ากากอนามัยออกมาทำบุญ
    จ.นครราชสีมา บริเวณศาลาพิธีและบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธีทำบุญถวายเครื่องปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ 10 รูป ก่อนร่วมทำพิธีบวงสรวงสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี หรือคุณย่าโม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวไทยและชาวจังหวัดนครราชสีมา เนื่องในวันฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี ประจำปี 2563 พร้อมเปลี่ยนเครื่องทรงฤดูร้อนใหม่เป็นผ้าใหมสไบเฉียงสีส้ม (สีประจำจังหวัด) และนำส่วนราชการร่วมวางพวงมาลา 
    นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้นำกล่าวท่องคาถาขอพรจากคุณย่าโม ขอให้ชาวจังหวัดนครราชสีมา และคนไทยทั้งประเทศปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย  
    นายวิเชียรกล่าวว่า หลังกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีการประกาศปิดชั่วคราวสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 หรือล็อกดาวน์ ทำให้มีประชาชนที่ทำงานอยู่ใน กทม.เดินทางกลับภูมิลำเนา จึงได้สั่งการให้นายอำเภอ 32 อำเภอของจังหวัดนครราชสีมา ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่รับทราบว่า บ้านหลังไหนมีกลุ่มบุคคลกลับมาจาก กทม. ให้รีบแจ้งต่อกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือ อสม. ในพื้นที่ของตนเอง และให้มีการกักตัวอยู่บ้าน 14 วัน โดยไม่มีข้อยกเว้น หลังจากแจ้งแล้วทาง อสม.และฝ่ายปกครองแล้วจะเข้าไปวัดไข้และซักถามประวัติการเดินทางและประวัติการทำงาน ว่าเสี่ยงต่อการติดเชื้อหรือไม่ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะทำเป็นประวัติบันทึกเอาไว้ เพื่อตรวจสอบหากเกิดมีคนติดเชื้อโควิด-19 เพื่อเป็นการรับผิดชอบต่อสังคม ลดการแพร่ระบาดของโรค กลุ่มบุคคลที่เดินทางกลับภูมิลำเนานั้นจะต้องรายงานกับทางสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านให้ทราบทันที  
    จ.สุรินทร์ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ กล่าวในการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดสุรินทร์วันนี้ว่า ขอให้ทุกอำเภอจัดทำฐานข้อมูลเฝ้าระวังและควบคุมโรค ผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึงจากจังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ที่กลับสู่ภูมิลำเนา โดยให้แจ้งรายงานตัวต่อทีมอาสาโควิด ระดับอำเภอ-หมู่บ้าน และให้แยกตัวสังเกตอาการหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้อื่นในที่พำนักหรือที่พักอาศัยจนครบ 14 วัน นอกจากนี้ให้กวดขันงดการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่มีผู้คนไปรวมตัวกันจำนวนมากอย่างเคร่งครัด เช่น งานบุญ งานสังสรรค์ต่างๆ ในหมู่บ้านชุมชน โดยเฉพาะการมั่วสุม เล่นการพนัน จะต้องไม่มีโดยเด็ดขาด รวมถึงห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารต่างๆ ขอความร่วมมือซื้อไปรับประทานที่บ้านหรือใช้บริการส่งอาหารถึงบ้าน
    จ.บุรีรัมย์ สถานีรถไฟบุรีรัมย์ได้ร่วมกับสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด สาธารณสุขจังหวัด เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ฝ่ายปกครองอำเภอ และเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองเข้มผู้โดยสารทุกคน โดยเฉพาะประชาชนและกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ที่จะเดินทางมาจากกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล โดยมีการวัดอุณหภูมิในร่างกาย พร้อมให้ลงทะเบียนผ่านระบบแอปพลิเคชันไลน์ Buriram Healthy Passport เพื่อแจ้งข้อมูลสุขภาพและการเดินทางเข้า-ออกจังหวัด หากใครไม่มีแอปพลิเคชันไลน์ ก็ต้องกรอกข้อมูลประวัติส่วนตัว ข้อมูลสุขภาพ และประวัติการเดินทางทั้งจังหวัดต้นทางและปลายทางให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน ตามประกาศของคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อ
    นายรณชัย สุขสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 (บุรีรัมย์) นำคณะบุคลากร พนักงาน เจ้าหน้าที่ในสำนักงาน เร่งทำความสะอาดโต๊ะทำงาน รอบบริเวณของสำนักงาน ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยเน้นการเช็ดล้างทำความสะอาดบริเวณจุดสัมผัสร่วม เช่น บันได กลอนประตู ลูกบิดหน้าต่าง โต๊ะทำงาน โทรศัพท์ เครื่องถ่ายเอกสาร พร้อมกำชับให้ทุกคนเปิดหน้าต่างระบายอากาศและทำความสะอาดสัปดาห์ละ 1 วัน ทุกคนหมั่นล้างมือและสวมหน้ากากอนามัยเมื่อมาปฏิบัติงาน
ทำความสะอาดฆ่าเชื้อ
    จ.กาญจนบุรี นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นำทีม อส.พัฒนาเมืองกาญจนบุรี ฉีดพ่นฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่สำคัญของอำเภอเมืองกาญจนบุรี เริ่มจากศาลเจ้าพ่อหลักเมืองกาญจนบุรี โดยร่วมกันสักการะศาลเจ้าพ่อหลักเมือง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อเป็นสิริมงคลในการปฏิบัติงานในครั้งนี้ จากนั้นก็เริ่มฉีดฆ่าเชื้อรอบบริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เน้นจุดที่ประชาชนมีการสัมผัส ทั้งราวบันได บันได พื้นศาลาศาลหลักเมือง สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นจุดที่มีประชาชนมาใช้บริการเป็นจำนวนมาก ทั้งภายในจังหวัดและต่างจังหวัด เป็นสถานที่เสี่ยงอีกจุดหนึ่ง โดยทีมเจ้าหน้าที่ อส.ได้ระดมฉีดยาฆ่าเชื้อภายในอาคารขนส่งผู้โดยสาร รวมไปถึงในห้องน้ำ และบนรถโดยสารอีกด้วย
    จ.เพชรบุรี นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ได้เร่งกรองข้อมูลบุคคลที่จะเข้ามาในเขตพื้นที่เพชรบุรี จัดตั้งทีมอาสาโควิด-19 ระดับอำเภอ หมู่บ้าน จัดทำฐานข้อมูลของผู้เดินทางกลับจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล และให้หลีกเลี่ยงในการเข้าไปที่ชุมชน วัดอุณหภูมิร่างกาย หากพบว่า ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ เหนื่อยหอบให้รีบไปพบแพทย์ ยึดหลัก “ลด เลี่ยง ดูแล” คือลด ความเสี่ยงด้วยการล้างมือด้วยน้ำ และสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ให้บ่อยขึ้น สวมหน้ากากอนามัย 
    จ.พัทลุง บริเวณหน้าสวนกาญจนาภิเษก สามแยกท่ามิหรำ  อ.เมืองพัทลุง นายสุมเมธ บุญยก นายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง พร้อมคณะผู้บริหาร และกองสาธารณสุขเทศบาลเมือง จ.พัทลุง ได้ร่วมกันกำหนดจุดคัดกรอง และให้ความรู้การป้องกันโรค ตามมาตรสาธารณสุขแก่ประชาชนที่เดินทางเข้ามาเขตเทศบาลเมืองพัทลุง   จำนวน 3 จุด ประกอบด้วย จุดที่ 1 บริเวณหน้าสวนกาญจนาภิเษก ถนนราเมศวร์, จุดที่ 2 บริเวณร้านครัวสระแก้ว ถนนไชยบุรี และจุดที่ 3 บริเวณสามแยกศาลาโพธิ์ฉลอง โดยการดำเนินงานนี้ได้กำหนดขึ้นตั้งแต่วันที่ 23- 31 มีนาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. 
    สำหรับในการดำเนินงาน จะมีการให้บริการคัดกรองไข้ บริการเจลล้างมือแอลกอฮอล์และให้แจกแผ่นพับเพื่อสร้างความรู้ ความเข้าในมาตรการการเฝ้าระวัง การป้องกันรักษาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แก่ประชาชน และยังได้จัดโครงการ "อสม. เคาะประตูบ้าน"  เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในมาตรการการเฝ้าระวัง การป้องกันรักษาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  แก่ประชาชนตามชุมชนต่างๆ ทั้ง 45  ชุมชนเช่นกัน
    จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ขนส่ง เจ้าหน้าที่สาธารณสุข จังหวัดกระบี่ ตรวจคัดกรองวัดอุณหภูมิร่างกาย นักท่องเที่ยว ประชาชน ทยอยเดินทางกลับจากกรุงเทพมหานคร ประมาณ 200 คน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยที่ จ.กระบี่ พบผู้ป่วยสะสมเป็นจำนวน 2 คน เป็นชาวต่างประเทศ ในพื้นที่อำเภออ่าวลึก 1 คน ได้รับการรักษาหายป่วย และกลับบ้านแล้ว ตั้งแต่เดือนก.พ.2563 และขณะนี้มีผู้ป่วยยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 1 คน  เป็นชาวไทย ส่วนผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์สอบสวนโรครวมจำนวน 113 คน อยู่โรงพยาบาลเพื่อรอผลการตรวจจากห้องปฏิบัติการจำนวน 13 คน กลับบ้านแล้ว 100 คน
    จ.ภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 7/2563 เพื่อรับทราบการใช้หอประชุมศูนย์ราชการฯ หรือศาลากลางจังหวัดภูเก็ตแห่งใหม่ เพื่อเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับหากมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น และรับทราบสถานที่ที่เอกชน เสนอรองรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค หรือ PUI พร้อมทั้งร่วมกันพิจารณาร่างประกาศจังหวัดภูเก็ต เรื่องปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 เพิ่มเติม เพื่อยกระดับมาตรฐานในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา หรือโควิด-19 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด
    จ.ปัตตานี ที่มัสยิดกลาง จ.ปัตตานี พ.ท.ภาคภูมิ จันทรักษ์ ผบ.ฉก.ปัตตานี 25 มอบสิ่งของทำความสะอาดแก่โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิด ด้วยโครงการประชารัฐต้านภัยไวรัสโคโรนา 2019 พร้อมด้วย พ.ต.ท.เรวัฒน์ ศรีจันทร์ทับ รอง ผกก.ปราบปราม สภ.เมืองปัตตานี, ปลัดอำเภอเมืองปัตตานี, เจ้าหน้าที่สามฝ่าย ทหาร ตำรวจ อส., หน่วยดับเพลิงปัตตานี และเจ้าหน้าที่ สท.ปช. ได้มีการร่วมกันทำความสะอาดบริเวณภายในมัสยิดและภายนอก โดยมีผู้เข้าร่วม 300 คน
    สำหรับการทำความสะอาด ซึ่งได้มีการกวาด ขัดพื้น และล้างป้องกันการแพร่ระบาดของโคโรนา 2019 เนื่องจากมัสยิดเป็นพื้นที่เสียงต่อการแพร่ระบาด โดยเฉพาะวันศุกร์ ชาวไทยมุสลิมจะร่วมตัวละหมาดร่วมกันเป็นจำนวนมาก และมีประชาชนหนาแน่นในมัสยิดจึงมีความเสียงต่อการติดเชื้อได้ ทำให้หน่วยงานรัฐได้มีมาตรการทำความสะอาดมัสยิดทุกมัสยิดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยทำความสะอาดใหญ่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัฐได้มีการกำชับให้ทุกมัสยิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังทำการละหมาดเสร็จให้มีการถูพื้นเพื่อทำความสะอาด และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"