ไทยป่วยพุ่งแตะพันคน


เพิ่มเพื่อน    

 

กระทรวงสาธารณสุขแถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่ม 107 ราย สะสมรวม 934 ระบุต้นเดือนเม.ย. ไทยจะได้ยาเพิ่ม 2 แสนเม็ดจากจีน-ญี่ปุ่น โอดประชาชนกลับต่างจังหวัดยังตั้งวงก๊งเหล้า ไม่ให้ความร่วมมือ เตือนถ้าทำแบบนี้แม้แต่เตียง-เครื่องช่วยหายใจก็อาจจะไม่พอ

     เมื่อวันที่ 25 มีนาคม นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ว่า มีผู้ป่วยเพิ่ม 107 ราย รวมยอดสะสม 934 ราย กลับบ้านได้ 13 ราย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.1 ผู้ที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยหรือเกี่ยวข้องกับสถานที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้จำนวน  27  ราย 1.1 สนามมวย 4 ราย เป็นพนักงานขับรถ บขส.รับจ้าง อยู่กทม. และสมุทรสาคร 1.2 สถานบันเทิง 5 ราย 
    เป็นนักท่องเที่ยว นักร้อง นักดนตรี ประชาสัมพันธ์ รวมถึงเจ้าของ 1.3 สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาก่อนหน้านี้ 14 ราย ทำอาชีพรับจ้าง ค้าขาย พนักงานบริษัท นักศึกษา คนขับรถแท็กซี่ ผู้ต้องขัง และตำรวจ อยู่พื้นที่ จ.เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรี ชลบุรี ภูเก็ต และ กทม. 1.4 ผู้ที่ร่วมพิธีทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย 4 ราย โดยอยู่ในสงขลาและยะลา
     กลุ่มที่ 2 รายใหม่จำนวน 13 ราย 2.1 เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยเป็นคนไทยและชาวต่างชาติ รวม 6 ราย โดยชาวต่างชาติมีอังกฤษ ฟินแลนด์ เยอรมนี และสหรัฐอเมริกา 2.2 ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัด 5 ราย พนักงานบริษัท พนักงานร้านนวด แคชเชียร์ และเจ้าหน้าที่สนามบิน 2.3 แพทย์ 2 ราย พบว่าเป็นแพทย์ใช้ทุน และทำงานอยู่โรงพยาบาล และมีบุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสร่วมกันจำนวนรวม 25 คน โดยต้องสั่งให้พักงานก่อน และกลุ่มที่ 3 ผู้ที่แพทย์พบเชื้อซึ่งต้องรอสอบประวัติและแต่ต้องรอสอบสวนโรคจำนวน 67 ราย ในส่วนผู้ป่วยที่มีอาการหนักจำนวน 4 ราย ซึ่งยังคงต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ โดยสรุปภาพรวมมีผู้ป่วยที่ติดสะสมจำนวน 934 ราย กลับบ้านได้แล้ว 70 ราย กำลังรักษาอยู่ 860 ราย และเสียชีวิต 4 ราย
     นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ในขณะนี้ประชาชนที่ทำงานใน กทม.และปริมณฑลมีการเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนา ท่านมีโอกาสนำโรคไปแพร่กระจายกับคนใกล้ชิด โดย สธ.ได้สั่งการให้ นพ.สธ.จังหวัด  ให้เจ้าหน้าที่ สธ.สำรวจ ผู้ที่เดินทางจากภูมิลำเนา ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว แยกตัวเองอยู่บ้าน 14 วัน และเว้นระยะห่างทางสังคมประมาณ 1-2 เมตร และสวมหน้ากากอนามัย 
    อย่างไรก็ตาม คนที่ไปงานเลี้ยงสังสรรค์ พบปะ เป็นเหตุให้มีรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 100 ราย ท่านต้องงดการรวมกลุ่มกิจกรรมต่างๆ หากพบผู้ป่วยให้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน หรือเจ้าหน้าที่ สธ. ส่วนคนที่ไปทำงาน มีโอกาสรับเชื้อจากนอกบ้าน ให้เว้นระยะห่างในครอบครัว โดยเฉพาะบ้านที่มีผู้สูงอายุหรือเด็กอยู่ ถ้าป่วยให้พบแพทย์ทันที อย่าปกปิดข้อมูล เพราะจะส่งผลต่อการวินิจฉัยรักษาโรค เกิดความเสี่ยงต่อบุคลากรทางการแพทย์ หากติดเชื้อจะส่งผลต่องานบริการ และจะส่งผลต่อระบบสาธารณสุขเป็นอย่างมาก
     “ประชาชนที่กลับไปแล้วยังมีชุดพฤติกรรมนั่งตั้งวงก๊งเหล้า เฮฮา กอดรัด โดยข้อมูลมีอยู่แล้วว่าให้มีการเว้นระยะห่าง แต่ท่านไม่ได้ทำเลย ถ้าเกิดป่วยขึ้นมาท่านจะต้องเสียใจว่านอกจากท่านป่วยแล้ว คนที่ใกล้ชิดท่านและชุมชนท่านจะลำบากด้วย ทำให้เห็นความร่วมมือที่ย่อหย่อน อีกประเด็นคือการทำงานเจ้าหน้าที่อาสาสมัครสาธารณสุข เขาไปเคาะถึงประตูบ้าน เรียกได้ว่า 1 ต่อ 10 ครอบครัว เป็นเหมือนญาติ ต้องให้ความสำคัญพวกเขา เราจึงต้องขอความร่วมมือประชาชน แต่กลับได้ภาพสะท้อนกลับซึ่งความไม่ร่วมมือ ไม่พอใจ เราทำงานยากมากขึ้น ไม่ยากที่ประชาชนจะช่วยแค่เข้าใจ รับฟัง และปฏิบัติ จากกราฟในพื้นที่ต่างจังหวัดจะพุ่งขึ้น ถ้าทำไม่ทำเตียงจะไม่พอ ไอซียูจะไม่พอ เครื่องช่วยหายใจก็จะไม่พอ แต่ถ้าร่วมมือกันก็จะไม่เกิดภาพนั้นขึ้นมา” 
ยังไม่เข้าระยะ 3 
    นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของยาฟาริพิราเวียร์ ถ้ามีการคาดการณ์ว่ามีผู้ป่วย 5,000 คน จะต้องมีการใช้ยานี้ 3.5 แสนเม็ด โดยเรามีสต๊อกไว้ครึ่งแสน ซึ่งประเทศไทยได้มีการสั่งซื้อจากประเทศจีนและญี่ปุ่น โดยประมาณต้นเดือนเม.ย.จะได้มา 2 แสนเม็ด น่าจะเพียงพอในการใช้ในช่วงนี้ ในส่วนของการบริจาคจากภาคเอกชน ถ้ามีคุณภาพและอยู่ในมาตรฐานให้ทุกโรงพยาบาลเปิดรับการรับบริจาค อย่างไรก็ตาม อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยืนยันว่าน้ำยามีการผลิตที่เพียงพอ แต่สำหรับคนที่ไม่ป่วยไม่มีอาการแต่สงสัยให้อยู่บ้าน เราต้องสะสมให้กับคนที่ป่วยจริง ถึงแม้จะมีเพียงพอ แต่ถ้าท่านแห่มาก็จะไม่เพียงพอ
    เมื่อถามว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อจะมีการกักตัวอย่างไรกับคนที่ใกล้ชิด หรืออันตรายอย่างไรกับผู้ต้องขัง นพ.ทวีศิลป์ตอบว่า ผู้ต้องขังเรามีการตรวจโรคติดต่อของผู้ต้องขัง เรามีห้องแยก เรื่องการดูแลสาธารณสุขในเรือนจำ ผู้ต้องขังรายใดถ้ามีอาการป่วยต้องมีพื้นที่แยก ถ้าหนักก็นำไปสู่การรักษาในโรงพยาบาล 
    ซักว่าขณะนี้เข้าสู่ระยะที่ 3 หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์แจงว่า เรามีระยะของการสอบสวนโรค ถ้ากรณีที่เราเห็นว่ามีต้นทางของโรคก็ยังอยู่ในระยะที่ 2 ถ้ามีการกระจายไปเป็นกลุ่มที่ 4 โดยไม่ทราบสาเหตุก็จะเข้าสู่ระยะที่ 3 แต่ไม่ว่า 2 หรือ 3 มาตรการในตอนนี้เกินกว่าระยะที่ 2 ไปแล้ว โดยคณะกรรมการวิชาการจะมีการประชุมอีกรอบ ถ้าเข้าสู่ระยะที่ 3 ก็คงจะต้องประกาศ
    ด้าน นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลก มีจำนวนผู้ป่วยยืนยันทั้งสิ้น 407,670 ราย หายดีแล้ว 104,673 ราย ผู้มีอาการรุนแรง 12,547 ราย เสียชีวิต 18,250 ราย ประเทศที่พบผู้ป่วยสูงสุดประกอบด้วย ประเทศจีน อิตาลี สหรัฐอเมริกา สเปน เยอรมนี อิหร่าน โดยประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 32 และมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  
    รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวว่า สธ.ให้ความสำคัญกับการควบคุมโรค โดยกรมควบคุมโรคร่วมกับกรมราชทัณฑ์ ได้มีการหารือกำหนดมาตรการงดเยี่ยมผู้ต้องขัง กรณีผู้ต้องขังรายใหม่กับผู้ต้องขังที่ย้ายเรือนจำ จำเป็นจะต้องมีการคัดกรองว่ามีความเสี่ยงหรือไม่ เพื่อไม่ให้ติดต่อไปสู่ผู้ต้องขังรายอื่น
    นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในส่วนของผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 มีความเป็นไปได้ที่จะติดจากบุคคลที่ไปเยี่ยม ในระยะนี้จึงแนะนำให้งดการไปเยี่ยมผู้ต้องขัง เนื่องจากคนที่ไปเยี่ยมอาจจะติดเชื้อแต่ยังไม่มีอาการ ทุกคนจะต้องเข้าใจว่าแม้จะคิดถึง ต้องการที่จะไปเยี่ยมบุคคลอันเป็นที่รัก แต่ในระยะนี้การแสดงความห่วงใยต่อคนที่รัก จะต้องแสดงความห่วงใยด้วยการอยู่ห่างๆ จากกัน  
    ทั้งนี้ ที่ผ่านมากรมควบคุมโรคได้ร่วมมือกับกรมราชทัณฑ์ในการดำเนินการมาตรการต่างๆ ในการลดความเสี่ยงการติดเชื้อในกลุ่มผู้ต้องขัง ตั้งแต่การคัดกรองผู้ที่เข้าเยี่ยม ไม่ให้มีการเยี่ยมในลักษณะที่มีการสัมผัสตัวกัน ส่วนผู้ต้องขังรายใหม่จะต้องแยกขังกับรายเก่าจนครบ 14 วัน จนแน่ใจแล้วว่าผู้ต้องขังใหม่ไม่มีอาการป่วย จึงจะนำเข้าสู่เรือนจำ รวมถึงการคัดกรองเจ้าหน้าที่เรือนจำด้วย เพราะอาจนำโรคเข้าไป 
นายกฯ เสียใจกับผู้เสียชีวิต
    ขณะที่ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้กรมราชทัณฑ์ยังไม่มีรายงานผู้ต้องขังป่วยติดเชื้อโควิด-19 แต่เมื่อมีข้อมูลจากทางการแพทย์ออกมา ก็จะเร่งตรวจสอบข้อมูลโดยละเอียด เบื้องต้นยังไม่ปรากฏข้อมูลชัดเจนว่าเป็นผู้ต้องขังในการควบคุมของหน่วยใด อยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจ หรือเรือนจำ
    นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเสียกับญาติและครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั้งสิ้น 4 ราย ขอให้มั่นใจว่าทีมแพทย์ให้การดูแลรักษาอย่างเต็มที่แล้ว และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปให้คำแนะนำ ช่วยเหลือ เยียวยาแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว
    เธอกล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นในการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และขอประชาชนปฏิบัติตามมาตรการและดูแลตนเองอย่างเข้มงวด สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ ผู้ติดเชื้อ ทางสาธารณสุขและการแพทย์ให้การรักษาดูแลอย่างเต็มที่ ที่สำคัญขอให้ประชาชนติดตามรับฟังข่าวสารผ่านช่องทางประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล เช่น การแถลงข่าวประจำวันที่ศูนย์แถลงข่าวโควิด-19 ทำเนียบรัฐบาล ที่มีข้อมูลเผยแพร่รอบด้าน ทันสถานการณ์ และทางช่องทางอื่นของรัฐบาลที่เชื่อถือและถูกต้อง
     พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มาตรวจเยี่ยม สน.เตาปูน พร้อมนำสเปรย์แอลกอฮอล์มามอบให้ หลังพบว่ามีตำรวจติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หลายนาย พร้อมกับให้สัมภาษณ์ว่าได้รับมอบหมายจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจนครบาล มาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจ ทั้งในส่วนของ สน.เตาปูน, สน.ท่าเรือ, สน.ลุมพินี และ สน.พระราชวัง ที่พบว่ามีตำรวจติดเชื้อโควิด-19
    ล่าสุด เฉพาะตำรวจ สน.เตาปูน ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 7 นาย ประกอบด้วย ฝ่ายสืบสวน 4 นาย, ตำรวจฝ่ายปราบปราม 1 นาย และตำรวจจราจร 2 นาย มีตำรวจอยู่ระหว่างกักตัวเฝ้าระวัง 14 วัน อีก 18 นาย ขณะเดียวกันยังมีครอบครัวของตำรวจ สน.เตาปูน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก 2 คน
    อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการดูแลประชาชนและการปฏิบัติหน้าที่ โดยเตรียมกำลังตำรวจนครบาล 2 ไว้คอยสนับสนุนกรณีมีเหตุหรือคดีสำคัญ 
    ขณะเดียวกัน ได้ปรับปรุงพื้นที่บนโรงพักให้ปลอดภัยสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาด โดยทำการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อไปแล้ว 3 ครั้ง จัดระเบียบที่นั่งเข้าพบพนักงานสอบสวน ให้มีระยะเพิ่มมากขึ้น จัดที่พักระหว่างรอแจ้งความ จัดทำแผ่นใส บริเวณโต๊ะรับแจ้งความ เพื่อป้องกันละอองฝอยจากน้ำลาย โดยเตรียมติดตั้งให้ครบทั้ง 88 สน. ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาลสั่งการไปตั้งแต่เมื่อวานนี้
        ที่จังหวัดสงขลาน่าเป็นห่วง เพราะพบผู้ป่วยพุ่งพรวด 18 คน ทางจังหวัดได้ขยายพื้นที่ล็อกดาวน์แหล่งท่องเที่ยว ทั้งชายหาดแหลมสมิหลา น้ำตกทุกแห่ง ปั๊มน้ำมัน ส่วนโรงพยาบาลหาดใหญ่ก็ขอความร่วมมืองดเยี่ยมผู้ป่วยทุกกรณี และให้เฝ้าได้เพียง 1 คน
ภูเก็ตเพิ่มอีก 3 ราย
    ล่าสุด ยังคงมีการขยายพื้นที่ปิดสถานที่ไม่เว้นแม้แต่บริเวณชายหาดแหลมสมิหลา ซึ่งมีการปิดบริเวณลานและที่นั่งริมชายหาดชั่วคราว ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปนั่งเล่นหรือรับประทานอาหารอย่างเด็ดขาด ในขณะที่สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น น้ำตกโตนงาช้าง และน้ำตกโตนปลิว ก็ปิดชั่วคราวแล้วเช่นกัน รวมทั้งในปั๊มน้ำมันบรรดาผู้ประกอบการ เช่น ร้านนวด ร้านตัดผม ก็ให้ความร่วมมือปิดบริการชั่วคราว รวมถึงโรงพยาบาลหาดใหญ่ก็ได้ออกประกาศขอความร่วมมือประชาชนงดเยี่ยมผู้ป่วยทุกกรณีในช่วงนี้และให้ญาติผู้ป่วยเฝ้าได้เพียง 1 คนเท่านั้น
    นายแพทย์ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต  กล่าวว่า ข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดภูเก็ต ประจำวันที่ 25 มี.ค. พบผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันเพิ่มขึ้น 3 ราย รวมผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันสะสม 29 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 2 ราย ยังคงเหลือรักษาที่โรงพยาบาล 27 ราย ตรวจเชื้อทั้งหมด 718 ราย ไม่พบ 618 ราย พบเชื้อ 29 ราย รอผล 71 ราย สรุปจำนวนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 98 ราย ทุกรายไม่มีอาการรุนแรง
    ขณะที่สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ป่วยยืนยันโรคสะสม 5 คน ในจำนวนนี้ได้รับการรักษาและตรวจไม่พบเชื้อแล้วและอนุญาตให้กลับบ้านได้ จำนวน 1 คน และยังพักรักษาตัว จำนวน 4 คน ส่วนยอดการคัดกรองพบผู้ป่วยเข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง จำนวนสะสมรวม 51 คน กลับบ้านแล้ว 49 คน และยังรักษาอยู่ จำนวน 2 คน
    นายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์, นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบุรีรัมย์ และผู้แทนจากมณฑลทหารบกที่ 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ได้ร่วมกันแถลงข่าว “ข้อเท็จจริงการติดเชื้อโควิด-19” ที่ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กรณีที่มีกระแสข่าวว่า มีบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อโควิด-19 
    โดยนายธัชกร หัตถาธยากูล ผู้ว่าฯ บุรีรัมย์ ยืนยันว่าได้มีวิสัญญีแพทย์ที่โรงพยาบาลบุรีรัมย์ติดเชื้อโควิดจริง แต่ไม่ใช่ผู้ป่วยรายใหม่ เป็น 1 ในผู้ป่วย 5 รายที่แถลงยืนยันผลตรวจไปก่อนหน้านี้ คือเป็นชายชาวต่างชาติ 2 ราย หญิงไทย 3 ราย ซึ่งเป็นวิสัญญีแพทย์ด้วย 1 ราย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กส่วนตัวของนายไกรสร กองฉลาด ผวจ.สุรินทร์ ได้ลงข้อมูลที่พบว่า ขณะนี้ จ.สุรินทร์มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย รวมทั้งหมด 4 รายแล้ว โดยเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า "ไกรสร กองฉลาด" ระบุข้อความว่า "สุรินทร์มีผู้ติดเชื้อ Covid-19 เพิ่มอีก 1 ราย รวมติดเชื้อแล้วถึงวันนี้ 24 มีนาคม 2563 ทั้งสิ้น 4 ราย (3 รายแรก ติดเชื้อจากเวทีมวยลุมพินี อาการดีขึ้นตามลำดับ).


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"