คุณูปการของ Covid-19


เพิ่มเพื่อน    

               ก็ยังต้องถือเป็น โชคดี เล็กๆ น้อยๆ...ที่ตัวเองยังไม่ได้ถึงกับอยู่ในข่ายบุคคลตามมาตรา 9 ข้อ 8 วงเล็บ 1 ของ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน หรืออยู่ฐานะ ควร หรือ ให้ ต้องกักตัวเองเอาไว้ในบ้าน ไม่ออกมาเพ่นพ่านไปไหนต่อไหน อันเนื่องมาจากเป็นผู้มีอายุ 70 ปีขึ้นไป คือยังต้องรอฤดูหนาวอีกซักประมาณ 6 รอบ 7 รอบ ถึงจะเข้าข่ายที่ว่า...

                  --------------------------------------------

                แต่สำหรับ ป๋าเปลว สีเงิน ของเรานี่สิ...งานนี้คงจะไปชี้ชวน เชิญชวน ให้ออกมาแอ่นเบียร์ แอ่นไวน์ เหมือนก่อนๆ คงเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแว้วว์ว์ว์ ยิ่งโดยแนวโน้มที่อาจต้องเกิดการยกระดับจาก ควร หรือ ให้ เป็น ต้อง ขึ้นมาเมื่อไหร่ อย่างที่ท่านรองนายกฯ วิษณุ ลิงคืนกล้วย ท่านแจกแจงให้เห็นเป็นข้อๆ บรรดาผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น ส.ว. (ผู้สูงวัย) หรือบรรดาคนแก่ คนชรา ทั้งหลาย ย่อมหนีไม่พ้นต้องถูก โซเชียล ดิสแทนซิ่ง หรือต้องถูก เว้นระยะห่างทางสังคม โดยจะต้องนั่งปอกกล้วยเปลี่ยวในบ้านร้างอยู่ตามลำพัง หรือยังมีลูกๆ หลานๆ สวมหน้ากาก คอยประคองหน้า ประคองหลัง อันนั้น...คงต้องขึ้นอยู่กับบุญและวาสนาที่เคยสั่งสมกันมาแต่ชาติปางก่อน...

                         -------------------------------------------

                ทำไงได้ล่ะทั่น!!!...ในเมื่อ ข้อเท็จจริงทางสังคม มันย่อมต้องเป็นไปในแนวนี้ ด้วยเหตุเพราะเจ้า Covid-19 ตัวเดียวแท้ๆ ที่ทำให้พฤติกรรม การใช้ชีวิตของผู้คน ไม่ว่าเด็ก ผู้ใหญ่ คนแก่ มีอันต้องปรับเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่มากก็น้อย อะไรต่อมิอะไรที่เคยตามใจ ตามสบาย คือไทยแท้ มาถึงทุกวันนี้ คงหนีไม่พ้นต้องปรับเปลี่ยนคุณลักษณะ ความเป็นไทย ในบางด้าน บางประการ โดยเฉพาะด้านที่มันออกจะแย่ๆ มาโดยตลอด นั่นคือความไม่มีระเบียบ วินัย ไม่รู้จัก กระทั่งหัดเข้าแถว เข้าคิว อย่างที่ใครต่อใครเขาว่า แต่เมื่อเจอกับโคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ อย่างเจ้า Covid-19 เข้าแบบจะจะจังๆ ถ้ามัวแต่ถนอม รักษา ความเป็นไทย ในด้านที่แย่ๆ อีกต่อไป โอกาสที่ต้องกลับไป เกิดใหม่ เป็นชาติใด ภาษาใด ก็ยังไม่รู้ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                            ---------------------------------------------

                ถ้ามองในแง่นี้...ต้องถือเป็น คุณูปการ ของเจ้า Covid-19 อยู่บ้างเหมือนกัน ที่อาจมีส่วนช่วยดัดอุปนิสัย วาสนาและสันดานของบรรดาคนไทย หรือทวยไทยทั้งหลาย ให้เข้าที่ เข้าทาง ขึ้นมามั่ง และยิ่งถ้าหากนำไปบวกกับ ความเป็นไทย ในด้านที่น่าทึ่งน่าประทับใจ หรือด้านที่ใครต่อใครเขาเคยยกย่อง ชื่นชม กันมาโดยตลอด นั่นคือความมีน้ำใจ ไมตรี ความรักและความปรารถนาดีต่อผู้อื่น อันนี้...ก็น่าจะยิ่งดูเก๋ ดูเท่ หรือดูดี ยิ่งขึ้นไปใหญ่ โอกาสที่ ความเป็นไทย จะออกไปทางเพียบพร้อม สมบูรณ์แบบ ไม่ขาดตก บกพร่อง ในด้านหนึ่ง ด้านใด ยิ่งย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                   ----------------------------------------------

                และถ้าเมื่อไหร่ที่ ความเป็นไทย เป็นอะไรที่เพียบพร้อม สมบูรณ์ ในทุกๆ ด้าน ชนิดสามารถนำไปอุปมาอุปไมย เทียบเคียงกับ ความเป็นธรรม เอาเลยก็ยังได้ อันนั้นนั่นแหละ...รับรองว่า ไปโลด ไปแบบไม่ต้องเสียเวลามาหันรี หันขวาง กับการเขียน-ไม่เขียน แก้-ไม่แก้ รัฐธรรมนูญ ให้ต้องเมื่อยเนื้อ เมื่อยตัว โดยใช่เหตุ ไม่ต้องวนไป-วนมากับการพายเรืออยู่ในอ่าง ประมาณเกือบร่วมๆ ศตวรรษเข้าไปแล้ว หรือไม่ต้องหมุนเคว้งๆ คว้างๆ อยู่ภายใต้วัฏจักร วงจร ที่เรียกๆ กันว่า วงจรอุบาทว์ อย่างชนิดไม่คิดจะไปไหนซักกะที เพราะถ้าหาก ความเป็นไทย มีคุณค่า ราคา เทียบเท่ากับ ความเป็นธรรม กันจริงๆ แล้ว สิ่งที่เรียกว่า ความเป็นประชาธิปไตย ในระดับของจริง-ของแท้ ไม่ใช่ ของปลอม อย่างเท่าที่เห็นและเป็นอยู่ ย่อมต้องบังเกิดและอุบัติขึ้นมาเองอยู่แล้วแน่ๆ โดยแทบไม่ต้องเสียเวลาไปร่างกฎหมายใดๆ เอาเลยก็ยังได้...

                  -----------------------------------------------

                เพราะอย่างที่ อภิมหาพระ ผู้มีฉายาว่า ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านได้ชี้แนะ ชี้นำ มาโดยตลอดนั่นแหละว่า เนื่องจากสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ นั้น มันมี ความเป็นประชาธิปไตย อยู่ภายในตัวของตัวเองอยู่แล้ว หรือเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึง ความไม่เห็นแก่ตัวอยู่โดยธรรมชาติ และด้วย ความไม่เห็นแก่ตัว ที่ว่านี่เอง ที่จะกลายเป็นพื้นฐาน หรือเป็นตัวรองรับความเป็นประชาธิปไตย ได้ดีที่สุด แท้จริงที่สุด และเหมาะสมที่สุด หรือทำให้ประชาธิปไตยที่ถือเป็นของประชาชน โดยประชาชน และเพื่อประชาชนนั้น เป็นไปโดยธรรม หรือโดยครรลอง คลองธรรม ด้วยเหตุเพราะประชาชนมีธรรม หรือด้วยเหตุเพราะ ความเป็นไทย สามารถนำไปเทียบเคียงกับ ความเป็นธรรม ได้ยิ่งๆ ขึ้นไป นั่นเอง...

                     ---------------------------------------------

                แต่ถ้าหาก ความเป็นไทย มันยังคงเป็นไปในแบบ ตามใจ ตามสบาย คือไทยแท้ อยู่เช่นเดิม ไม่ได้คิดจะปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ชนิดระดับเจ้า Covid-19 ยัง เอาไม่อยู่ ไม่สามารถดัดนิสัย วาสนาและสันดานของ ความเป็นไทย ในบางด้าน บางประการได้เลยแม้แต่น้อย อันนี้...คงหนีไม่พ้นต้องกลับไปพายเรือวนไป-วนมาอยู่ในอ่าง กันอีกประมาณซักศตวรรษเป็นอย่างน้อย และแน่นอนนั่นแหละว่า...ย่อมหนีไม่พ้นต้องเจอกับ บิ๊กตู่ หรือ บิ๊ก อะไรก็แล้วแต่ ที่อาจน่าเกลียด น่ากลัว ไม่น้อยไปกว่าเจ้า Covid-19 ไปเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ ในแต่ละครั้ง แต่ละรอบ ที่ วงจรอุบาทว์ ได้หวนกลับมาบรรจบครบรอบกันใหม่ แบบชนิดคราวแล้ว คราวเล่า ดังนั้น...ถ้าเกลียดเผด็จการและรักประชาธิปไตยกันจริงๆ แล้ว ก็คงต้องเริ่มต้นด้วยการหันมาดัดนิสัย วาสนาและสันดานของตัวเองให้มากๆ เข้าไว้ ให้ ความเป็นธรรม กับ ความเป็นไทย กลายเป็นสิ่งเดียวกันยิ่งๆ ขึ้นไป มีทั้งความมีระเบียบ วินัย ความรัก ความเมตตา ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น อันเป็นคุณสมบัติของบรรดา คนดี ทั้งหลาย นั่นแล...

                      -----------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก P.J. Baily”... He most lives who thinks most, feels noblest, acts the best. - ผู้ใดมีความคิดดี มีความรู้สึกดี อีกทั้งมีการกระทำที่ดี ผู้นั้นได้ชื่อว่า...มีชีวิตดีที่สุด...”.

                     ------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"