ด่านคัดกรองเข้ม‘ชัยนาท’มีเครื่องวัดอันเดียว


เพิ่มเพื่อน    

  ทั่วประเทศตั้งด่านคัดกรองโควิด-19 เข้มข้น "กทม." วาง 7 จุดรอบกรุง "บิ๊กแป๊ะ" ลงพื้นที่ตรวจการปฏิบัติงาน กำชับ ตร.ใช้วาจาสุภาพขอความร่วมมือจาก ปชช. "ชัยนาท" วุ่น! จุดตรวจมีเครื่องวัดอุณหภูมิเครื่องเดียว "กระบี่" ก็ป่วนทั่ว จว.ผู้ป่วยโควิดหนีจาก รพ. เร่งตามหาทั้งเมืองก่อนเจอที่สถานีขนส่ง เดือดร้อนผู้สัมผัสระหว่างทางถูกกักตัว 14 วัน จนท.แจ้งเอาผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อทันที 

    เมื่อวันที่ 26 มี.ค. ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่ กทม., ตำรวจ, ฝ่ายปกครองและสาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มดำเนินการตั้งด่านตรวจ 7 จุดสำคัญ ในพื้นที่รอยต่อระหว่างกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตามประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค.-30 เม.ย.63 
    โดยด่านตรวจทั้ง 7 จุด ประกอบด้วย 1.สะพานข้ามคลองประปา ถนนแจ้งวัฒนะ เขตรอยต่อจังหวัดนนทบุรี 2.ใต้ทางด่วนมหานคร ถนนสุวินทวงศ์ เขตรอยต่อจังหวัดฉะเชิงเทรา 3.ถนนคู่ขนานกาญจนาภิเษก ซอย 39 เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ 4.หน้าปั๊มเอสโซ่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง  ถนนสุขุมวิท เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ 5.หน้าศูนย์โตโยต้า ถนนราชพฤกษ์ เขตรอยต่อจังหวัดนนทบุรี 6.ใต้สะพานภูมิพล ถนนสุขสวัสดิ์ เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ และ 7.หน้าปั๊ม ปตท. ซอยพระราม 2 ซอย 92 ถนนพระรามที่ 2 เขตรอยต่อจังหวัดสมุทรปราการ 
    ช่วงเช้า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และคณะ เดินทางมาตรวจความพร้อมของจุดตรวจควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 บริเวณจุดตรวจแยกใต้ด่วนมหานคร ถนนสุวินทวงศ์ขาเข้า ในพื้นที่รับผิดชอบของ สน.ลำผักชี พร้อมได้นำหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ล้างมือ มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่อีกด้วย 
    จากนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์เดินทางต่อไปที่บริเวณด่านตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโควิด-19 ใต้บีทีเอสแบริ่ง นำอุปกรณ์เวชภัณฑ์ อาทิ หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ถุงมือ มามอบให้เจ้าหน้าที่พร้อมให้กำลังใจในการปฏิบัติงาน
    พล.ต.อ.จักรทิพย์ยอมรับยังมีปัญหาอุปสรรคบางอย่างที่เจ้าหน้าที่ยังไม่เข้าใจในการปฏิบัติงาน จึงได้ให้คำแนะนำในการปฏิบัติให้ถูกต้องไปแล้ว ซึ่งเมื่อช่วงเช้าในพื้นที่ บก.น.4 มีผู้ที่มีอุณหภูมิสูง 37.5 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจึงแนะนำและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 หรือไม่ 
    "การตั้งด่านอาจจะส่งผลให้ผู้ที่สัญจรผ่านไปมาไม่ได้รับความสะดวกบ้าง แต่เชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่เข้าใจและพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีการทำความเข้าใจในเรื่องหน้าที่และบทบาทของตัวเองแล้ว หากพบประชาชนที่มีอุณหภูมิร่างกายเกิน 37.5 ก็จะให้สาธารณสุขเข้าดำเนินการ ส่งตัวไปตรวจเพิ่มที่โรงพยาบาล แต่หากประชาชนขัดขืนเจ้าหน้าที่ก็จะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปได้" ผบ.ตร.กล่าว
    ส่วน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ในการตั้งจุดตรวจเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ควบคุมคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงไม่ให้ออกนอกพื้นที่ และขอความร่วมมือประชาชนให้อยู่ในพื้นที่ หลีกเลี่ยงการเดินทางข้ามรอยต่อจังหวัด หัวเมืองใหญ่ หรือสถานที่ที่มีประชากรหนาแน่น เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส, ควบคุมการแพร่กระจายตามสถานีขนส่งสาธารณะ รถไฟ ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า สวนสาธารณะ สนามกีฬา ชุมชนแออัด เป็นต้น 
ทุก จว.ตั้งด่านเข้มข้น
    "ผบ.ตร.ได้กำชับผู้บังคับบัญชา หัวหน้าชุดที่ควบคุมการปฏิบัติทุกพื้นที่ กำกับดูแลในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ใช้กิริยาวาจาโดยสุภาพ และให้ความร่วมมือกับ กอ.รมน.จังหวัด และหน่วยร่วมปฏิบัติที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มกำลังความสามารถ" รองโฆษก ตร.กล่าว 
    จ.สมุทรปราการ นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ มีหนังสือสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกพื้นที่ทำการตั้งจุดตรวจคัดกรองตามถนนที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด โดยกำหนดไว้ 4 จุด ประกอบด้วย จุดแรกบริเวณถนนสุขุมวิท หน้าศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.สำโรงเหนือ, สภ.เมืองสมุทรปราการ และ สภ.บางปู พร้อมเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเทศบาลเป็นกำลังหลักของการตั้งจุดตรวจคัดกรอง จุดที่ 2 บริเวณหน้าร้านไทยวัสดุ ถนนบางนา-ตราด ขาเข้านครบาล เลยห้างเมกาไปเล็กน้อย  ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บางแก้ว, สภ.บางพลี และ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนจุดที่ 3  บริเวณสามแยกบางบ่อ ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.บางบ่อ, สภ.บางเสาธง และ สภ.คลองด่าน  และจุดที่ 4 บริเวณสามแยกพระประแดง ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.พระประแดง, สภ.พระสมุทรเจดีย์ และ สภ.สาขลา เป็นกำลังหลักในการตรวจคัดกรอง
    จ.ชัยนาท มีการตั้งจุดตรวจคัดกรองคนเดินทางเข้าออกจังหวัดจำนวน 2 จุด โดยจุดแรกบริเวณหน้าสวนนกชัยนาท ถนนพหลโยธิน อ.เมืองชัยนาท เพื่อคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากถนนสายเอเชีย ผ่านเข้าเมืองชัยนาท ส่วนจุดที่ 2 บริเวณสามแยกวังกระชาย ถนน 340 อ.หันคา จ.ชัยนาท เพื่อคัดกรองผู้ที่เดินมาจากจังหวัดสุพรรณบุรีเข้ามาจังหวัดชัยนาท 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การตั้งจุดตรวจที่เร่งด่วนทำให้เกิดปัญหาขาดแคลนเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ  เพราะทั้งด่านมีเครื่องวัดอุณหภูมิเพียงเครื่องเดียว จึงทำให้การคัดกรองรถแต่ละคันต้องใช้เวลานาน   เบื้องต้น พ.ต.อ.ปฏิกรณ์ หาญหัตถกิจ ผู้กำกับการ สภ.เมืองชัยนาท ได้แก้ปัญหาด้วยการตรวจคัดกรองรถที่เป็นทะเบียนต่างจังหวัดก่อน ส่วนรถทะเบียนจังหวัดชัยนาทซึ่งเป็นคนชัยนาทจะปล่อยให้ผ่านไปก่อน หากได้เครื่องตรวจวัดอุณหภูมิมาเพิ่มเติมมากกว่านี้จึงจะทำการตรวจรถทุกคันอย่างเข้มข้นต่อไป    
    จ.พิษณุโลก เริ่มมาตรการตั้งจุดคัดกรองก่อนเข้าจังหวัดพิษณุโลกก่อนเข้าสู่ตัวเมืองพิษณุโลก  กำหนด 4 จุดบนถนนสายหลัก ประกอบด้วย จุดตรวจบ้านกร่าง ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ถนนพิษณุโลก-สุโขทัย ทางหลวงหมายเลข 12 จุดตรวจท่างาม อ.วัดโบสถ์ ถนนพิษณุโลก-อุตรดิตถ์ ทางหลวงหมายเลข 11 จุดตรวจวังเป็ด อ.บางระกำ ถนนพิษณุโลก-นครสวรรค์ ทางหลวงหมายเลข 117  และจุดตรวจหน้าศูนย์ปฏิบัติการสายตรวจ สภ.วังทอง อ.วังทอง ถนนพิษณุโลก-หล่มสัก ทางหลวงหมายเลข 12
    จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ, สาธารณสุข, ขนส่ง, ฝ่ายปกครองและ กอ.รมน. ตั้งด่านตรวจคัดกรองรถยนต์ทุกคันที่เดินทางเข้ามาในเขต จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นจุดตรวจคัดกรองแบบถาวรทั้งหมด 9 จุดตรวจหลัก ประกอบด้วย หน้า สภ.พล, สภ.แวงน้อย, บนถนนแจ้งสนิท เส้นทางบ้านไผ่-บรบือ, ตู้ยาม  ต.01 สภ.หนองเรือ, สภ.ชุมแพ, สภ.เขาสวนกวาง, บนถนนสายขอนแก่น-ยางตลาด บริเวณรอยต่อห้วยสามบาตร และแยกหมู่บ้านทางพาด ถ.เจนจบทิศ พื้นที่ สภ.หนองสองห้อง
    จ.สุรินทร์ ผู้ว่าฯ จังหวัดสุรินทร์ สั่งการให้ทุกอำเภอที่มีพื้นที่รอยต่อติดกับจังหวัดข้างเคียงและอำเภอชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางรอยต่อระหว่างประเทศ เส้นทางการเดินทางจากกรุงเทพฯ  จังหวัดปริมณฑลและจังหวัดต่างๆ มายังจังหวัดสุรินทร์ ตั้งด่านคัดกรองประชาชนตามเส้นทางรอยต่อจังหวัดสุรินทร์กับจังหวัดข้างเคียง โดยในเขตพื้นที่อำเภอเมืองสุรินทร์กำหนดจุดตรวจคัดกรองจำนวน 3  จุด ได้แก่ ถนนทางหลวง หมายเลข 226 หน้า อบต.คอโค, สถานีรถไฟสุรินทร์ และสถานีขนส่งผู้โดยสารเทศบาลเมืองสุรินทร์
กระบี่ป่วนไล่จับผู้ป่วย
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการตรวจคัดกรองในวันนี้พบประชาชนที่ขับขี่รถผ่านบริเวณถนนดังกล่าวมีการใส่หน้ากากอนามัย และให้ความร่วมมือในการตรวจคัดกรองของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังตรวจพบมีผู้ที่อุณภูมิสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียสจำนวน 3 คน จึงได้ให้ลงจากรถมานั่งพักและซักประวัติ พร้อมวินิจฉัยอาการและสอบสวนโรคต่อไป
    จ.กระบี่ นพ.สุพจน์ ภูเก้าล้วน ผอ.โรงพยาบาลกระบี่ ได้แจ้งประสานไปยัง พ.ต.อ.ณรงค์ ลักษณะวิมล ผกก.สภ.เมืองกระบี่ ให้ช่วยติดตามตัวผู้ป่วยชายรายหนึ่ง อายุประมาณ 20-25 ปี หลบหนีออกจาก รพ.กระบี่ โดยเป็นผู้ป่วยที่ถูกกักตัวไว้รักษา หลังตรวจพบผู้ป่วยชายรายดังกล่าวมีเชื้อไวรัสโควิด-19
    เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยทีมแพทย์และพยาบาลของ รพ.กระบี่จึงเร่งออกติดตามตัว ต่อมารับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ บขส.กระบี่ พบชายไทยคนหนึ่งเข้ามายังจุดตรวจคัดกรองของ บขส.แล้วเจ้าหน้าที่ตรวจพบร่างกายมีอุณหภูมิสูงผิดปกติ ตำรวจพร้อมด้วยแพทย์และพยาบาล รพ.กระบี่จึงเร่งเดินทางไปตรวจสอบ พบเป็นผู้ป่วยที่หลบหนีออกจาก รพ. จึงรีบนำตัวกลับไปกักตัวเพื่อรักษา เบื้องต้นทราบว่าชายคนดังกล่าวพยายามจะเดินทางกลับไปบ้านในพื้นที่ จ.ตรัง แต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจคัดกรอง และได้ตัวก่อนจะขึ้นรถโดยสารกลับบ้าน 
    สำหรับผู้ป่วยชายรายนี้ รพ.กระบี่รับตัวเข้ามารักษาอาการป่วยตั้งแต่วันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยทราบว่าเดินทางมาจากเกาะพีพี ถูกนำตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจหาเชื้อ พบว่ามีเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงกักตัวไว้รักษาในห้องความดันลบชั้น 1 อาคาร 45 ปี รพ.กระบี่ กระทั่งช่วงเย็นเจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังจะเข้าไปตรวจวัดไข้ แต่ไม่พบผู้ป่วยในห้อง คาดว่าผู้ป่วยน่าจะหลบหนีออกทางระเบียงหลังห้อง กระโดดออกจากตัวอาคารไป     ทั้งนี้ นิติกรของโรงพยาบาลกระบี่ได้ดำเนินการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ป่วยรายดังกล่าวแล้วด้วย ตามความผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝากถึงผู้ที่ป่วยด้วยไวรัสโควิด-19 ทุกคน ขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการเก็บตัวรักษา เพราะผู้ติดเชื้อมีโอกาสที่จะรักษาให้หายได้ แต่ต้องให้ความร่วมมือกับทีมแพทย์ด้วย กรณีดังกล่าวจึงต้องดำเนินคดีให้เป็นตัวอย่าง
    นอกจากนี้ ทีมสอบสวนโรคสาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ได้ออกติดตามบุคคลกลุ่มเสี่ยงทั้งหมดที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย ทั้งคนขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างที่รับผู้ป่วยจากหน้าโรงพยาบาลกระบี่ คนขับรถแท็กซี่ป้ายเขียวที่รับผู้ป่วยจาก บขส.ไปส่งยังท่าเรือ คนขับรถตู้โดยสารสายตรัง-กระบี่ หมายเลข 8 ทะเบียน 10-1790 ตรัง ที่รับผู้ป่วยมาจาก จ.ตรัง พ่อค้าแม่ค้าที่สถานี บขส.กระบี่ ประสานให้กักตัวดูอาการ 14 วัน และประชาสัมพันธ์แจ้งให้ผู้โดยสารจำนวน 8 คนที่เดินทางมากับรถตู้โดยสารคันดังกล่าว ออกจากจังหวัดตรังเวลาประมาณ 08.30 น.เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา และผู้ใกล้ชิดให้ติดต่อเจ้าหน้าที่สาธารณสุขใกล้บ้านทันทีเพื่อกักตัวดูอาการ
    จ.นครศรีธรรมราช นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช สั่งตั้งด่านตรวจคัดกรองจำนวน 5 ด่านหลัก ประกอบด้วย 1.ด่านตรวจบ้านเขาฝ้าย ตำบลทุ่งใส อำเภอสิชล 2.ด่านตรวจบ้านฉิมหลา ตำบลหน้าสตน อำเภอหัวไทร 3.ด่านตรวจบ้านคอกวัว ตำบลนาหมอบุญ อำเภอจุฬาภรณ์  4.ด่านตรวจสี่แยกกะปาง ตำบลกะปาง อำเภอทุ่งสง และ 5.ด่านตรวจถนนสาย 41 (ขาล่อง) อำเภอถ้ำพรรณรา สำหรับการตรวจจะดูรถที่มีป้ายทะเบียนต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานคร จังหวัดต่างๆ หรือสถานที่เสี่ยงอื่นๆ หากใครไม่ใส่หน้ากากก็จะแนะนำให้ใส่ทุกราย 
    จ.สงขลา หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงพรุพ้อ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายเอเชีย พื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.ป่าบอน จ.พัทลุง กับ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ตั้งจุดตรวจคัดกรองโควิด-19   เพื่อจัดระเบียบการเดินทาง การจราจร การเฝ้าระวังหรือสังเกตผู้เดินทางและพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการติดต่อโรค โดยเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจพรุพ้อเริ่มมาตรการเข้มข้นในการตรวจรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารประจำทาง มีการใช้เครื่องตรวจวัดอุณภูมิของร่างกาย และหากพบกรณีต้องสงสัยอยู่ในกลุ่มเสี่ยงเข้าข่ายติดเชื้อโควิด เจ้าหน้าที่จะแยกมาคัดกรองและซักประวัติอย่างละเอียด โดยปฏิบัติตามขั้นตอนการส่งตรวจและการรักษา.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"