รัฐบาลสิงคโปร์ขู่ลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 โดยผู้ที่จงใจอยู่ใกล้กับบุคคลอื่นในรัศมี 1 เมตรอาจถูกลงโทษหนักถึงขั้นจำคุก 6 เดือน

แฟ้มภาพ ลูกค้าซึ่งมีไม่กี่คนที่สวมหน้ากากอนามัย ต่อแถวรอซื้อสินค้าในตลาดสุดที่สิงคโปร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศกฎข้อบังคับใหม่นี้เมื่อวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม 2563 หลังจากสิงคโปร์ตรวจพบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่จากต่างแดนมากขึ้น และเมื่อต้นสัปดาห์นี้ กระทรวงสาธารณสุขประกาศว่า สิงคโปร์จำต้องใช้มาตรการรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อลดกิจกรรมและการรับเชื้อให้เหลือน้อยที่สุด

    ถึงวันพฤหัสบดี สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว 683 คน โดยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 73 คนเมื่อวันพุธ และอีก 52 คนเมื่อวันพฤหัสบดี ส่วนผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 2 ราย

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสิงคโปร์ใช้มาตรการควบคุมแล้วหลายด้าน รวมถึงการปิดบาร์และโรงภาพยนตร์ ไปจนถึงการห้ามจัดกิจกรรมขนาดใหญ่ แต่มาตรการใหม่นี้เพิ่มความเข้มงวดยิ่งขึ้นอีก เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนจะ "เว้นระยะห่างทางสังคม" ซึ่งเป็นวิธีการที่ใช้การทั่วโลกเพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายเชื้อไวรัส โดยห้ามบุคคลอยู่ใกล้กันในระยะไม่ถึง 1 เมตร (3 ฟุต) ในบางสภาพแวดล้อม และห้ามการรวมตัวกันภายนอกสถานที่ทำงานเกิน 10 คน

    กฎข้อบังคับใหม่ของสิงคโปร์กำหนดห้ามประชาชนยืนเข้าแถวใกล้กันเกิน 1 เมตร หรือนั่งบนที่นั่งที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ในสถานที่สาธารณะโดยเว้นระยะห่างไม่ถึง 1 เมตร ผู้ที่เจตนาฝ่าฝืนกฎนี้อาจถูกลงโทษสูงสุดจำคุก 6 เดือน หรือปรับสูงสุด 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 227,300 บาท) หรือทั้งจำทั้งปรับ มีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 30 เมษายน

    เจ้าของธุรกิจก็ต้องปฏิบัติตามกฎนี้เช่นกัน ด้วยการจัดที่นั่งที่เคลื่อนย้ายได้และเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร และต้องควบคุมให้ผู้เข้าแถวรอยืนห่างกันด้วย หากไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกลงโทษแบบเดียวกัน

    รัฐบาลฝรั่งเศสก็กำหนดโทษปรับและจำคุกสำหรับความผิดฐานละเมิดคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ โดยยกเว้นการเดินทางที่จำเป็น, การออกมาซื้อของ และการออกกำลังกายคนเดียว ส่วนอังกฤษกำหนดโทษปรับ 30 ปอนด์ (ราย 1,200 บาท) กับผู้ที่ละเมิดคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถาน