ว่าด้วย...ไวรัสทางความรู้สึก???


เพิ่มเพื่อน    

 

                                                       (1)

        คงต้องให้ เครดิต และ กำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล บุคลากรทางการแพทย์ ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ตลอดไปจนผู้คนพลเมืองไทยทั้งหลาย ที่ต่างก็มีส่วนช่วยให้ตัวเลขจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ในบ้านเรา ค่อยๆ ลดระดับ จนใครต่อใครเริ่มถอนหายใจ เริ่มโล่งอก โล่งใจ ได้มั่งแล้ว...

                                                        (2)

        แต่ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสแท้ๆ กำลังลดๆ ยังไงๆ...คงหนีไม่พ้นต้องหันไปมอง หันไปให้ความสำคัญกับบรรดาผู้ที่อาจติดเชื้อ ไวรัสทางความรู้สึก หรือผู้ที่ชักเริ่มหงุดหงิด งุ่นง่าน จะด้วยเหตุเพราะเรื่องเงินๆ-ทองๆ หรือเรื่องความอึดอัด ขัดข้อง ในรูปใด แบบใด ก็แล้วแต่ ที่มันอาจแพร่เชื้อ แพร่กระจาย ได้รวดเร็ว และกว้างขวาง ยิ่งกว่า ซูเปอร์สเปรดเดอร์ ในสนามมวยลุมพินีราชดำเนิน เอาเลยก็ไม่แน่ โดยเฉพาะถ้าหากโลกยุคหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 มันอาจไม่ใช่โลกแบบเดิม หรือเหมือนเดิมอีกต่อไป...

                                                     (3)

        ยิ่งถ้าเป็นโลกที่ต้องหวนกลับไปสู่ฉากสถานการณ์แบบเมื่อยุคเกือบ 100 ปีที่แล้ว อย่างที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ด้านเงินๆ-ทองๆ ในระดับโลก เขาอดไม่ได้ที่จะต้องนำไปเปรียบเทียบกับฉากเหตุการณ์ที่เรียกๆ กันว่า The Great Depression หรือเหตุการณ์วิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เมื่อช่วงปี ค.ศ.1930 โน่นเลย อันนี้...ก็ยิ่งน่าหนักใจ น่าห่วง น่ากังวล ยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะโอกาสที่ ไวรัสทางความรู้สึก มันจะแพร่กระจาย และแสดงตัวตนของมันออกมาในรูปแบบต่างๆ ที่ออกจะ อันตราย ต่อมวลมนุษยชาติ ต่อสังคม และประเทศต่างๆ ก็พอนึกภาพย้อนหลังกลับไปได้ไม่ยาก...

                                                      (4)

        เช่น นำไปสู่การปะทะ ขัดแย้ง กันในระดับโลก หรือนำไปสู่เหตุการณ์ สงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นมาจนได้ เล่นเอามวลมนุษยชาติต้องล้มตายไปไม่น้อยกว่า 75-80 ล้านคน ด้วยเหตุเพราะความพยายามดิ้นรนหาทางออก ทางไป ของรัฐบาลแต่ละประเทศ จากวิกฤตการณ์ที่เรียกขานกันในนาม The Great Depression นั่นเอง และก็ด้วยการอาศัย สงคราม เป็นทางออก ที่ทำให้ประเทศซึ่งถือเป็นต้นเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนั้น คือประเทศอเมริกา สามารถรอดพ้นจากวิกฤติที่ว่า โดยมีพลโลกนับสิบๆ ล้านราย ต้องกลายเป็น เครื่องเซ่นสังเวย ไปตามสภาพ...

                                                    (5)

        ส่วนบ้านเรานั้น...แม้โลกยุคนั้น ยังไม่ถึงกับ โลกาภิวัตน์ มากมายซักเท่าไหร่ แต่ก็ด้วยวิกฤติระดับ The Great Depression ต้องถือว่ามีส่วนเปิดช่อง เปิดทาง ให้เกิดการ ปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือการ ปฏิวัติ 2475 ตามมา ในช่วงประมาณ 2 ปีหลังจากนั้น หรือหลังจากสภาวะความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจ ทำให้ถึงกับต้อง ดุลข้าราชการ หรือต้องปลดบรรดาข้าราชการในกระทรวง ทบวง กรมต่างๆ ออกไปเป็นกะบิๆ ไวรัสทางความรู้สึก มันเลยแผ่ซ่าน แพร่กระจาย ชนิดหน้ากากอนามัยใดๆ ก็เอาไม่อยู่ ไม่อาจโซเชียล ดิสแทนซิง ฟิซซิเคิล ดิสแทนซิง ใดๆ ได้เลย ด้วยเหตุเพราะเป็นเรื่องของ ความรู้สึก ที่สามารถ ปรุงแต่ง ไปในแบบใด ลักษณะใด ได้เสมอๆ...

                                                       (6)

        คือเรื่อง ความรู้สึก หรือเรื่องของ อารมณ์ นั้น...มันเป็นเรื่องแทบไม่จำเป็นต้องอาศัยความมีเหตุมีผล ความเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ความสอดคล้อง-ไม่สอดคล้องกับกาลเทศะ หรือแม้กระทั่งความถูก-ผิด ฯลฯ มารองรับเอาไว้เลยก็ยังได้ เพราะเพียงแค่อาศัยความเป็น ตัวกู-ของกู มาใช้เป็นตัวปฏิสัมพันธ์กับสิ่งที่เข้ามากระทบต่อประสาทสัมผัสทั้ง 6 ไม่ว่าหู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ เดี๋ยวเดียว...มันก็สามารถ ปรุงแต่ง ทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามความปรารถนาและต้องการของ ตัวกู-ของกู ไปได้ด้วยกันทั้งสิ้น กว่าจะมาแยกแยะ วินิจฉัย ว่าอะไรถูก-อะไรผิด อะไรเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีอันต้องเป็นไปตามแบบฉบับ ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้ สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป นั่นแล...

                                                       (7)

        แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าว่ากันตามคำพูด แนวทาง ของบรรดาพระสงฆ์องค์เจ้าทั้งหลาย สิ่งที่สามารถนำมาใช้เป็น วัคซีน ในการรับมือ ป้องกัน กับเชื้อ ไวรัสทางความรู้สึก ใดๆ ก็แล้วแต่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลที่สุด โดยไม่ต้องเสียเวลาไปประดิษฐ์ คิดค้น กันใน ห้องแล็บ ณ ที่ไหนๆ ก็คือการหาทางฟื้นฟูสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะ ให้อุบัติขึ้นมาภายในหัวจิต หัวใจ ของผู้คนในสังคมนั้นๆ ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นั่นเอง เพราะมีแต่สิ่งที่ว่านี้เท่านั้น...ที่อาจพอช่วยให้ความเป็น ตัวกู-ของกู ของใครต่อใครก็แล้วแต่ มันพอคลายๆ จางๆ พอลดระดับลงมาได้มั่ง หรือพอช่วยให้เกิดพื้นที่ว่างสำหรับความถูก-ความผิด ความเหมาะ-ไม่เหมาะ ควร-ไม่ควร ความมีเหตุ-มีผล อันทำให้สังคมทั้งสังคม ย่อมมีโอกาส อยู่ร่วมกันโดยสันติ ได้อีกนานเท่านาน...

                                  ------------------------------------------------------                                                                                     

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"