‘ฝ่ายค้าน’บี้เปิดวิสามัญ พปชร.แนะลงพื้นที่แทน


เพิ่มเพื่อน    

  6 พรรคฝ่ายค้านบี้บิ๊กตู่เปิดประชุมสภาวิสามัญพิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้-แนวทางแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 เด็กก้าวไกล-พลังประชารัฐซัดกันคนละหมัด เจอสวนช่วยลงพื้นที่ช่วยชาวบ้านมากกว่าดิ้นรนประชุม ขณะที่แม่น้องเกดบุก ทบ. จี้หยุดผลาญงบฯ ซื้ออาวุธช่วงวิกฤติคนไทย

    เมื่อวันศุกร์ ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงาน ก.พ. ตัวแทน 6 พรรคการเมืองฝ่ายค้าน จำนวน 8 คน นำโดย น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เพื่อขอให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อรับฟังแนวทางแก้ไข ปัญหา และผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (โควิด-19) จากสภา และพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงินโดยเร็ว มีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับเรื่อง
    โดยระบุใจความช่วงหนึ่งว่า ในนามของหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้านได้ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในการป้องกันและจำกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีเป็นจำนวนมาก และกระจายไปในทุกภาคส่วนของสังคม การเยียวยาจำเป็นต้องให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม และทั่วถึง ในส่วนของการแก้ปัญหาระบบเศรษฐกิจของประเทศที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่จำเป็นต้องมีมาตรการที่มีประสิทธิภาพเหมาะสม และก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรม 
    เพื่อการนี้ จำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเปิดโอกาสและรับฟังความเห็นจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มิใช่เลือกรับฟังเฉพาะกับบุคคลบางกลุ่มเท่านั้น โดยที่รัฐสภา ถือเป็นองค์กรฝ่ายนิติบัญญัติ โดยสมาชิกเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย สมควรอย่างยิ่งที่จะได้นำปัญหาดังกล่าวเข้าพิจารณาเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากที่ประชุมรัฐสภา ดังนั้นจึงกราบเรียนมายังนายกรัฐมนตรีได้โปรดปฏิบัติตามมาตรา 172 วรรคสาม ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ดำเนินการให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติพระราชกำหนดโดยเร็วต่อไป
    น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า ช่องทางที่ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ถือเป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุด จึงอยากเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีให้เร่งพิจารณา โดยไม่ต้องรอขั้นตอนทางเอกสาร เพราะหากรอขั้นตอนทางเอกสาร ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 15 วัน เกรงว่าจะล่าช้าเกินไป นอกจากนี้ ฝ่ายค้านยังดำเนินการรวบรวมรายชื่อสมาชิกรัฐสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เพื่อยื่นต่อประธานรัฐสภาคู่ขนานกันไปด้วย
    “จะต้องใช้เสียงของสมาชิกรัฐสภาไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 246 เสียง แต่ขณะนี้ฝ่ายค้านมีเสียงเพียง 213 เสียง ขาดอีก 33 เสียง จึงได้ประสานกับ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ขอให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลให้เอกสิทธิ์แก่ ส.ส. ในการลงชื่อดังกล่าว คาดว่าจะสามารถรวบรวมรายชื่อได้ภายในสัปดาห์หน้า” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
    ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอให้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับการรับฟังความเห็นจากสภาฯ ที่มีความเห็นอย่างรอบด้านในการพิจารณา พ.ร.ก.กู้เงิน และร่าง พ.ร.บ.การโอนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยเฉพาะกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวว่าจะมีการโอนงบประมาณจากหลักสุขภาพถ้วนหน้า หรือสิทธิ์บัตรทอง จำนวน 2,400 ล้านบาท เข้างบกลาง เพื่อเป็นค่าตอบแทนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการบรรจุใหม่
    “พ.ร.ก.กู้เงิน แม้จะมีผลใช้บังคับแล้ว แต่ยังขาดรายละเอียดการใช้งบประมาณ จึงกังวลว่าจะมีการนำงบประมาณไปใช้ผิดประเภท และตรวจสอบไม่ได้ หากนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา ก็จะมีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบการใช้งบประมาณคู่ขนานกันไป จะทำให้งบประมาณเข้าถึงประชาชนอย่างทั่วถึง” นพ.ชลน่านกล่าว
    ขณะที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ในแฟนเพจเฟซบุ๊ก ระบุข้อความช่วงหนึ่งว่า ข้ออ้างที่ว่าถ้ามีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ โดยมี ส.ส.มาประชุมกัน แล้วอาจจะเกิดการแพร่ระบาดแบบ Super Spreader เหมือนกับกรณีของสนามมวยลุมพินี ในวันที่ 6 มี.ค. ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการแสดงความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ชัดเจนออกมาแต่อย่างใดนั้น เป็นข้ออ้างที่จะเอามาเป็นเหตุในการไม่ยอมเปิดประชุม และเป็นการสะท้อนว่ารัฐบาลไม่มีความกระตือรือร้น เพื่อเร่งรัดการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนเลย 
    นายวิโรจน์ระบุด้วยว่า ทั้งที่ห้องประชุมสุริยันนั้น มีที่นั่งรองรับได้ถึง 1,209 ที่ ซึ่งหากมาประชุมกันในระดับ 244-260 คน กับที่นั่งที่มีอยู่ทั้งหมด 1,209 ที่นั่งในห้องสุริยัน ก็ยังคงสามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ หรือต่อให้จำเป็นต้องประชุมในห้องประชุมจันทรา ที่มีที่นั่ง 350 ที่ ก็ยังคงสามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้ อย่างไม่มีปัญหา กระบวนการคัดกรองต่างๆ ก็ยังสามารถทำได้
    “นอกจากนี้ ที่ยืนยันได้ว่าข้ออ้างของวิปรัฐบาลนั้นไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ ก็เพราะว่าจะอย่างไรก็ตามกำหนดการเดิม สภาผู้แทนราษฎรก็จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณฯ ทั้ง 3 วาระ ในวันที่ 28 พ.ค. ซึ่งในช่วงวันดังกล่าว สถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ก็ยังไม่หมดไปอยู่ดี เรื่องความกลัวการแพร่ระบาดของโรค หากใช้สติปัญญา โดยมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง และรู้จักที่จะถอดบทเรียนจากกรณีสนามมวย การวางแผนป้องกันการแพร่ระบาดนั้น ไม่เกินวิสัยที่สามารถทำได้อยู่แล้ว” นายวิโรจน์ระบุ  
        น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้พรรคฝ่ายค้านควรให้ ส.ส.ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อน เพราะ ส.ส.มีกลไกของผู้แทนชุมชน จะช่วยในการบรรเทาความเดือดร้อนได้มากและเข้าถึง เหมือนที่พรรคพลังประชารัฐกำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้ โดย ส.ส.และอดีตผู้สมัครของพรรคลงพื้นที่กันอย่างต่อเนื่อง
         “ทุกวันนี้แม้ไม่เปิดสมัยประชุมสภา ส.ส.ในซีกฝ่ายค้านก็แสดงความคิดเห็นต่างๆ ผ่านสื่อโซเชียลกันเป็นปกติอยู่แล้ว ที่ผ่านมา ข้อเสนอแนะที่ดี มีประโยชน์ และสามารถปฏิบัติได้ รัฐบาลก็พร้อมที่จะรับฟัง และนำไปดำเนินการปรับปรุงแก้ไข ฝ่ายค้านสามารถนำเสนอความเห็นผ่านช่องทางต่างๆ ที่ไม่ใช่การประชุมสภา ซึ่งยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่หากฝ่ายค้านยังดึงดัน แล้วเกิดปัญหาขึ้นมาในภายหลัง ฝ่ายค้านจะรับผิดชอบอย่างไร” รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐกล่าว
    วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อของนายสมาพันธ์ ศรีเทพ ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 53 และนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น้องเกด พยาบาลอาสา เดินทางมายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เรื่องขอให้ยุติการนำภาษีของประชาชนไปซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในช่วงวิกฤติโรคระบาดไวรัสโควิด-19 ซึ่งในจดหมายเปิดผนึกระบุช่วงหนึ่งว่า ทั้งที่ประเทศไม่ได้อยู่ในภาวะสงครามหรือมีภัยคุกคามอันถึงขนาดต้องตระเตรียมการรบแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในหลายรายการที่จัดซื้อก็เป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างสิ้นเปลือง ไม่สมเหตุสมผลในการจัดซื้อ ทั้งในแง่ราคาที่สูงเกินสมควรและความจำเป็นในการซื้อ ทำประหนึ่งว่าประเทศมีเงินมากมายมหาศาล 
    “ทั้งที่ประชาชนในประเทศยากแค้นแสนเข็ญ และกำลังประสบภาวะวิกฤติอย่างแสนสาหัส ในฐานะประชาชนมิอาจทนนิ่งดูพวกท่านผลาญงบประมาณแผ่นดินโดยมิคำนึงถึงประชาชนในชาติ จึงขอยื่นข้อเรียกร้องต่อกองทัพขอให้งดเว้นการจัดซื้ออาวุธตามงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 รวมทั้งงบผูกพันอันจะต้องจ่ายของกองทัพทั้งหมด” จดหมายระบุ
    ต่อมาทหารสิบเวรที่ปฏิบัติงานเป็นตัวแทนออกมารับหนังสือดังกล่าว ก่อนที่นายพันธ์ศักดิ์และนางพะเยาว์จะแยกย้ายกันเดินทางกลับด้วยความเรียบร้อย.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"