เคอร์ฟิวขลัง!ฝ่าฝืนลดวูบ คดีแจกของให้ใช้ดุลพินิจ


เพิ่มเพื่อน    

 "เคอร์ฟิว" เริ่มขลัง! "โฆษก ศบค." เผยหลัง ตร.ปรับใช้สายตรวจแทนตั้งด่าน ส่งผลยอดผู้ฝ่าฝืนต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ เหลือเพียง 482 ราย มั่วสุมแค่ 39 ราย "อสส." ห่วงคนเจตนาดีแจกของ แจ้งอัยการทั่ว ปท.ใช้ดุลพินิจสั่งคดี "บิ๊กต่อ" นำทีมทลายโกดังเจล-หน้ากากไม่ได้มาตรฐาน ยึดของกลางมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท

    เมื่อวันที่ 24 เม.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการปฏิบัติการด้านความมั่นคงช่วงเคอร์ฟิว คืนวันที่ 23 เม.ย. ต่อเนื่องเช้าวันที่ 24 เม.ย.2563 ว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจปรับเปลี่ยนมาตรการจากการตั้งด่านตรวจมาเป็นสายตรวจ ทำให้ตัวเลขของการดำเนินคดีลดลง โดยมีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 482 ราย ลดลงจากคืนก่อน 135 ราย ชุมนุม มั่วสุม 39 ราย ลดลงจากคืนก่อน 67 ราย ถือเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบสองสัปดาห์ 
    โฆษก ศบค.กล่าวว่า จังหวัดที่มีผู้ฝ่าฝืนมากที่สุดคือปทุมธานี รองลงมาได้แก่ กทม. ภูเก็ต สงขลา ปัตตานี นนทบุรี กระบี่ ลพบุรี สระบุรี และสุรินทร์ โดยพบกลุ่มก้อนใหญ่ที่กระทำผิดรวมกลุ่ม ชุมนุมมั่วสุมตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย. มีทั้งสิ้น 1,972 ราย เพศชายมากกว่าเพศหญิง ส่วนใหญ่อายุไม่เกิน 18 ปี และอายุ 19-30 ปี
    ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติสรุปผลการปฏิบัติในช่วงเคอร์ฟิวระหว่างวันที่ 23-24 เม.ย. เรียกตรวจรถยนต์ 20,682 คัน, ประชาชน 26,766 คน ดำเนินคดี 485 คน แยกเป็นออกนอกเคหสถานไม่มีเหตุสมควร 446 คน รวมกลุ่มมั่วสุมในเคหสถานเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 จำนวน 39 คน นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ปรับลดจำนวนจุดตรวจทั่วประเทศ ซึ่งจุดตรวจเคอร์ฟิวลดเหลือเพียง 739 จุด ส่วนจุดตรวจโควิด-19 ลดเหลือ 331 จุด
    ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด สรุปการดำเนินคดีผู้ที่ทำการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินของสำนักงานอัยการต่างๆ ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 3-23 เม.ย.2563 ภาพรวมทั้งประเทศมีการดำเนินคดีผู้ฝ่าฝืนพระราชกำหนดฯ ทั้งสิ้น 12,927 คดี มีผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีจำนวน 17,284 คน
    นายประยุทธกล่าวด้วยว่า นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อัยการสูงสุด ได้มีหนังสือ อส 0001/ว188 ลงวันที่ 24 เม.ย. แจ้งพนักงานอัยการทั่วประเทศ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติการดำเนินคดีที่มีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 
    โดยหนังสือดังกล่าวมีประเด็นที่น่าสนใจคือ อัยการสูงสุดได้เน้นย้ำว่า ตามปรากฏเป็นข่าวในสังคมว่ามีประชาชนผู้ประสงค์ดีได้นำปัจจัยต่างๆ ที่สำคัญในการดำรงชีวิต เช่น ยา อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค อุปกรณ์ป้องกันการแพร่ระบาด เป็นต้น ไปมอบแจกจ่ายให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จนบางครั้งอาจมีการรวมตัวและแก่งแย่งสิ่งของกัน การกระทำดังกล่าวหากมีการจับกุมดำเนินคดี อัยการสูงสุดได้ให้พนักงานอัยการใช้ดุลยพินิจพิจารณาพยานหลักฐานประกอบพฤติการณ์แห่งการกระทำโดยรอบคอบ ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดในทางอาญา เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ดังกล่าวหรือไม่ จึงจะมีความเห็นคำสั่งว่าสามารถสั่งฟ้องได้หรือไม่เพียงใด ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
    ในกรณีที่มีการกระทำในลักษณะการมอบและการแจกจ่ายสิ่งของต่างๆ ดังกล่าวนั้น อัยการสูงสุดให้สำนักงานคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน และสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัด ประชาสัมพันธ์และให้ความรู้ทางกฎหมายแก่ประชาชนว่า ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรการของทางรัฐบาลในการยับยั้งการแพร่ระบาดของการติดเชื้อ และไม่เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
    วันเดียวกัน พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบช.ก., พล.ต.ต. ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พร้อมเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายใน และสำนักงานอาหารและยา นำกำลังเข้าตรวจค้นโกดัง 5 โกดัง หลังโรงพยาบาลแพทย์รังสิต หมู่ 8 ถ.พหลโยธิน 76 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี  หลังสืบทราบว่าโกดังดังกล่าวเป็นแหล่งพักสินค้าจำพวกหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์
    จากการตรวจค้นโกดังจำนวน 2 โกดัง พบหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เจลแอลกอฮอล์ แอลกอฮอล์ ที่ซุกซ่อนอยู่ภายในโกดังทั้งสอง โดยแยกเป็นทั้งหมด 8 ประเภท ทั้งที่มีฉลากและยังไม่มีฉลาก รวมมูลค่าทั้งหมดกว่า 60 ล้านบาท 
    เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า สินค้าที่สามารถตรวจยึดไว้ได้ตรวจสอบแล้วเป็นของที่นำเข้าจากประเทศจีน ซึ่งพบว่าเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน เพราะสินค้าเหล่านี้ไม่มีเครื่องหมายของ อย.
    ส่วนนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ร้องทุกข์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการตั้งศูนย์เฟกนิวส์ว่า เพื่อที่จะให้ประชาชนได้รับข้อมูลจริง จะได้ไม่ต้องสับสนกับข้อมูลเท็จหลอกลวงประชาชน พร้อมดำเนินการในหลายเรื่องหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการชักชวนร่วมลงทุน หรือการให้ข้อมูลที่ทำให้ประชาชนสับสน ยิ่งในช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องควรดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อจะทำให้การแพร่ระบาดโควิด-19 อยู่ในกรอบที่คุมได้ 
    "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการภายใต้กฎหมาย การสร้างความมั่นคงในข้อมูลข่าวสาร การให้ข้อมูลกับประชาชนที่เป็นความจริงเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง" นายสามารถกล่าว.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"