'ผบ.ทสส.'ลั่นร้านค้าได้ผ่อนคลายแล้วไม่ทำตามมาตรการคุมเข้มโควิดเตือนก่อนสั่งปิด


เพิ่มเพื่อน    

3 พ.ค.63-พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) แถลงว่า มาถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เห็นว่าควรมีมาตรการผ่อนคลายบางมาตรการ โดยวันที่ 3 พ.ค.นี้ เป็นวันแรกของการใช้มาตรการผ่อนคลาย ซึ่งแน่นอนว่าจะทำให้ชีวิตทุกคนเปลี่ยนแปลงไป ใน 2 ส่วนหลักการผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้กิจการบางประเภทที่เคยปิดให้กลับมาเปิดดำเนินการได้ โดยหมายถึงกิจการอันจำเป็นแก่การดำรงชีวิต เช่น การออกกำลังกาย ร้านเสริมสวย โรงพยาบาล ให้สัตว์ได้รับการรักษา

พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า 2 วันที่ผ่านมาเกิดการเดินทางเป็นจำนวนมาก เพราะอาจเกิดความคลาดเคลื่อนในการสื่อความหมายของการผ่อนคลาย ซึ่งการผ่อนคลายจากมาตรการที่เคยปิดให้มาเปิดได้ ไม่ใช่ให้เราผ่อนคลายความเข้มงวดที่เคยมีต่อตัวเอง รัฐบาลไม่เคยแนะนำให้เราการ์ดตก เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจ แต่อาจจะมีบางคนที่เข้าใจว่านั่นคือการพักผ่อน อาจจะเข้าใจว่าเราการ์ดตกได้บ้าง

“จึงต้องทำความเข้าใจกันใหม่ว่าเรายังการ์ดตกไม่ได้ ดังนั้นการเดินทางไม่ใช่คำแนะนำที่รัฐบาลประสงค์ให้ทุกคนปฏิบัติได้ในขณะนี้ ในข้อกำหนดที่ประกาศออกมายังระบุว่างดหรือลดการเดินทางข้ามเขตจังหวัด เว้นแต่มีเหตุจำเป็นและต้องแสดงหลักฐาน และเมื่อเดินทางไปแล้วจะต้องเจอกับจุดตรวจเข้มคนของจุดตรวจทั้งหลาย ก็ต้องยอมรับสภาพว่าทั้งเดินทางไปและกลับจะต้องพบกับความไม่สะดวกเหล่านั้น”

พล.อ.พรพิพัฒน์ กล่าวว่า ที่จะเปลี่ยนแปลงไปมากครั้งนี้คือ ผู้ประกอบการ ที่ต้องจัดให้มีการดำเนินมาตรการตามหลัก ที่กำหนดคือ 1.จะต้องจัดให้มีการทำความสะอาดพื้นผิวสัมผัส 2.ต้องจัดให้ทุกคนในสถานบริการนั้นมีหน้ากาก 3.ต้องจัดให้มีเจลสบู่หรือแอลกอฮอล์เพื่อล้างมือ 4.จะต้องจัดให้มีจัดมาตรการเว้นระยะ และ5.ต้องทำทุกวิธีเพื่อไม่ให้เกิดความแออัดในสถานบริการนั้น ภาระหนักจะตกอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าการกทม.ที่จะต้องจัดทีมลงไปตรวจ ให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำเป็นคู่มือออกมาแล้ว โดยศบค.ได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคงทำหน้าที่ไปตรวจ ให้เป็นไปตามหลักการใหญ่ของการผ่อนคลาย เช่น  เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวของคนส่วนใหญ่ที่เดินทางไปซื้อของ ไปร้านค้า ซึ่งนายกรัฐมนตรีเกรงว่าอาจจะมีการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามมาตรการที่กำหนดจึงมอบหมายตนไปดู และเมื่อได้ไปสุ่มตรวจในบางซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็พบว่าอาจจะมีความคลาดเคลื่อนหรือขาดความพิถีพิถันในการดำเนินการไปบ้างซึ่งก็ได้รับการแก้ไขแล้ว

“ชุดตรวจของฝ่ายความมั่นคง หากตรวจแล้วพบว่าสถานประกอบการนั้นไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดหลักก็ต้องตักเตือน ถ้าไม่ทำอีกก็ปิด เพราะเป็นความรับผิดชอบต่อคนในภาพรวมไม่ได้ประสงค์ต่อการกันแกล้ง เพื่อให้ทุกคนที่ไปใช้บริการเกิดความมั่นใจว่าสถานที่ที่เข้าไปนั้นปลอดภัยพอเพียง นี่คือความยืดหยุ่นผ่อนคลาย รัฐบาลคำนึงถึงว่าไม่สามารถไปตรวจจากทุกสถานประกอบการให้เป็นมาตรฐานได้ ดังนั้น จึงอาจมีช่องทางของการร้องเรียน เช่น ทำเนียบมีโทรศัพท์ 1111 ขอย้ำเป็นการผ่อนคลายมาตรการเพื่อให้กิจการบางประเภทกลับมาเปิดได้ แต่ไม่ใช่เราผ่อนคลายตัวเอง ขอให้การเดินทางไปที่ใดก็ตามของทุกคนคงเป็นไปตามคำแนะนำของรัฐบาลคือต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะ ทำความสะอาดมือ ต้องคงวินัยตัวเองอย่างนี้ตลอดไปยังไม่ถึงเวลาผ่อนคลาย ดังนั้น ถ้าใครเข้าใจผิดในช่วง 1 พ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเดินทางไปแล้วก็ต้องยอมรับมาตรการที่จะมีการตรวจสอบในการเดินทางขากลับ”
 
ผบ.ทสส. กล่าวว่า ในช่วงวันหยุดที่ 4 พ.ค., 6 พ.ค. และ 11 พ.ค.ถ้าไม่เดินทาง หยุดแล้วอยู่กับบ้าน หรือทำกิจกรรมอื่นที่มีการผ่อนคลายให้ และสนับสนุนให้ทำงานอยู่กับบ้าน ทำงานเหลื่อมเวลา ขอให้ยึดหลักเดิมไว้เพื่อประคองตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ให้น้อยอยู่เช่นนี้ ส่วนการตั้งจุดตรวจ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคง ทั้งจุดตรวจโควิด-19 ลดลงแล้ว เหลือ 312 จุด และจุดตรวจเคอร์ฟิว เหลือ 690 จุด และไปเพิ่มชุดออกสุ่มตรวจความพร้อมของสถานประกอบการ ที่จะดำเนินการจริงจังเข้มข้นในห้วง 28 วันจากนี้ไป

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"