4 พ.ค. 63 - พลตรีนายแพทย์เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ หนึ่งในคณะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "เรียนสื่อมวลชนและสาธารณชนทุกท่าน...นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่แสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจากไม่ต้องการให้ความคิดเห็นส่วนตัวของผมซึ่งเป็นแค่กรรมการคนหนึ่งเท่านั้นไปสร้างความเข้าใจผิดหรือสับสนว่าเป็นความคิดเห็นของคณะกรรมการที่ปรึกษาโดยรวม ซึ่งอาจทำให้คณะกรรมการที่ปรึกษาต้องถูกเข้าใจผิดไปด้วย

นอกจากนี้ผมขอเรียนว่าถึงแม้แนวทางต่างๆ ที่สมมติว่าผ่านคณะกรรมการที่ปรึกษาแล้ว แต่ก็ยังต้องถือเป็นความลับที่ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ เพราะยังจะต้องผ่านการพิจารณากลั่นกรองจากคณะกรรมการฝ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีกด้วย จนกว่าจะถึงขั้นตอนสุดท้ายโดยการตัดสินใจของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี ดังนั้นนับแต่นี้เป็นต้นไปผมจะไม่เสนอไอเดียและไม่แสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขผลกระทบจากโควิด-19 ใดๆ ต่อสาธารณะเพื่อไม่ให้ไอเดียหรือความเห็นส่วนตัวนั้นสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณะอันส่งผลเสียหายต่อการบริหารราชการแผ่นดินของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี

นับแต่นี้อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าทำไมผมจึงเงียบไป เพราะนี่คือบทบาทตามหน้าที่ซึ่งต้องมีมารยาทและจริยธรรมในการเป็นกรรมการคนหนึ่งครับ...พูดง่ายๆ คือถ้าจะ 'บุ๋น' ต้องอย่าพูดมาก อย่าแสดงตนมาก โดยเฉพาะในที่สาธารณะ จงไปพูดไปเสนอในที่ประขุมคณะกรรมการแล้วก็ให้เงียบเสีย...ถ้าจะพูด จะแสดงตนต่อสาธารณะ ก็ขอให้เป็นเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับแนวแก้ไขผลกระทบจากโควิด-19...ยกเว้นการรับทราบปัญหา ข้อเท็จจริง และข้อเสนอแนะจากสาธารณะยังคงสามารถกระทำได้และสมควรที่จะทำด้วย ...อย่าเข้าใจผิดว่าผมถูกสั่งให้นิ่งกันนะครับ...นี่คือบท 'บุ๋น' ของผมครับ จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอขอบพระคุณทุกท่านไว้ ณ โอกาสนี้ครับ

หมายเหตุ ในกรณีที่เป็นเรื่องส่วนตัว เช่น กรณีดัดสันดานเกเรของคุณหมอปรเมศวร์ วงศ์ประเสริฐ PORAMET WONGPRASERT กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด รพ.นพรัตน์ราชธานี เจ้าของคลีนิคเด็กดีรามอินทรา เด็กรุ่นหลานที่โพสต์ก้าวร้าวในหน้าเฟซของผมความว่า "โง่อย่างมึงทำอะไรเป็น" ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักหรือเป็นอริกันมาก่อน กรณีเรื่องส่วนตัวเช่นนี้ ผมยังทำได้และเป็นงานอดิเรกของผมในการอบรมสั่งสอนแทนบุพการีของคุณหมอท่านนี้ด้วย (ผมเคยเป็นหัวหน้ากองการปกครองนักเรียนแพทย์ทหาร วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฎเกล้าฯ มาก่อนก็อบรมฝีกน้องๆมาหลายรุ่นจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการกองกำลังพล กรมแพทย์ทหารบกที่มีหน้าที่ต้องควบคุมวินัยทหารเหล่าแพทย์ทั่วราชอาณาจักร ดังนั้นงานอบรมสั่งสอนวินัยจึงเป็นความเคยชินของผมสามารถตรวจสอบจากเหล่าทหารแพทย์ กองทัพบก ได้ว่า พี่เหรียญพูดจริงหรือโอ้อวด) ...ใครที่ทำงานกับคุณหมอปรเมศวร์ วงศ์ประเสริฐ กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด รพ.นพรัตน์ราชธานี เจ้าของคลีนิคเด็กดีรามอินทรา ผมขอฝากคำตอบนี้ให้กับคำถามของคุณหมอปรเมศวร์ด้วยครับว่า "โง่อย่างผม สร้าง รพ. 1,300 ล้านบาทได้ด้วยตัวผมเองตั้งแต่อายุ 31 ขวบ ผมไม่มีความสามารถเปิดคลินิคได้เหมือนคุณหมอคนรุ่นใหม่ที่เปิดคลินิคเมื่ออายุ 40 ปีนะครับ".