‘โควิด-19’ส่งชีวิตเปลี่ยนติดโซเชียล-ช็อปออนไลน์


เพิ่มเพื่อน    

  โพลชี้ประชาชนเฮผ่อนคลายล็อกดาวน์ แต่กังวลระบาดรอบ 2 เพราะเดินทางข้ามจังหวัดจากพื้นที่เสี่ยงมาติด คาด 3-6 เดือนสิ้นสุด ขณะที่โควิดทำชีวิตเปลี่ยนเป็นซื้อของออนไลน์-ติดโซเชียลเพิ่มขึ้น หวังรัฐบาลพัฒนาประเทศไปในแนวทางใช้พลังงานสะอาด

    เมื่อวันอาทิตย์ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนเรื่อง “การผ่อนคลายมาตรการ Lock Down” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 4-7 พฤษภาคม 2563 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้นจำนวน 1,259 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการผ่อนคลายมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์
    จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการผ่อนคลายมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบว่า 34.39% ระบุว่าเห็นด้วยมาก เพราะ จำนวนผู้ติดเชื้อน้อยลงมาก ช่วงเวลาที่ผ่านมาประชาชนให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามคำเเนะนำของสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี และกลับมาประกอบอาชีพได้หลังจากบางอาชีพสั่งปิดทำการชั่วคราว, 49.56% ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย เพราะผู้ติดเชื้อน้อยลง ประชาชนได้ผ่อนคลายบ้าง มีการรับมือทางการแพทย์ที่ดี ประชาชนให้ความร่วมมือค่อนข้างดี ประชาชนดำรงชีวิตสะดวกมากขึ้น และประกอบอาชีพหารายได้ได้เหมือนเดิม ขณะที่ 9.93% ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังไม่พ้นวิกฤติ หากมีการกลับมารวมตัวกันของประชาชนมากขึ้น เกรงว่าจะกลับมาเเพร่ระบาดรอบ 2 
    ด้านความเชื่อของประชาชนต่อผู้ใช้บริการและร้านค้าว่าจะสามารถปฏิบัติตามคำแนะนำด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากมีการผ่อนปรนให้เปิดกิจการร้านค้าได้ พบว่า 18.19% ระบุว่าเชื่อมาก เพราะประชาชนส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการทำตามคำเเนะนำด้านสาธารณสุขเป็นอย่างดี และผู้ประกอบการก็พยายามทำตามมาตรการเพื่อป้องกันการสั่งปิดทำการชั่วคราวอีก และ 48.77% ระบุว่าค่อนข้างเชื่อ เพราะผู้ประกอบการทำตามคำสั่งด้านสาธารณสุขเป็นอย่างดี และประชาชนส่วนใหญ่มีการดูแลและรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น
    ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความกังวลของประชาชนว่าจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 หลังจากมีการผ่อนคลายมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พบว่า 15.33% ระบุว่ากังวลมาก เพราะการกลับมาเดินทางและการรวมตัวของประชาชนเพิ่มมากขึ้นทำให้ละเลยในการเว้นระยะห่างทางสังคม อาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 
     47.58% ระบุว่าค่อนข้างกังวล เพราะคนที่เดินทางข้ามจังหวัดอาจจะไปในพื้นที่เสี่ยงแล้วกลับมาในพื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาด ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบที่ 2 ได้,  25.73% ระบุว่าไม่ค่อยกังวล เพราะประชาชนส่วนใหญ่ป้องกันตัวเองมากขึ้น จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงมาก และมั่นใจในการทำงานของรัฐบาลเเละบุคลากรทางการเเพทย์ ไม่น่าจะเกิดการเเพร่ระบาดรอบ 2 
    ขณะที่สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ กรณีกิจกรรม “ยอดฮิต” ยุคโควิด-19 ระบาด จำนวนทั้งสิ้น 1,242 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 5-8 พฤษภาคม 2563 สรุปผลได้ ดังนี้ 1.“15 กิจกรรม” ที่ประชาชนนิยมทำในช่วงหยุดอยู่บ้านเพราะการระบาดของโควิด-19 โดย 3 อันดับกิจกรรมยอดฮิต คือ 1.เล่นเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ไลน์ อินสตาแกรม 84.34% 2.นอนพักผ่อน 83.11% 3.ทำงานที่บ้าน (WFH) 78.04%
    วันเดียวกัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ เสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง จริตใหม่ประชาชนหลังพ้นโควิด-19 กรณีศึกษาจำนวน 1,255 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 6-9 พฤษภาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา พบว่าประมาณ 1 ใน 3 หรือ 33.9% คาดว่าจะพ้นภัยโควิด-19 ได้ในระยะเวลา 3-6 เดือน รองลงมาคือ 32.2% คาดว่าจะพ้นภัยโควิด-19 ได้ในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน, 21% คาดว่ามากกว่า 9 เดือนขึ้นไป และ 12.9% คาดว่าอยู่ระหว่าง 6-9 เดือน ตามลำดับ
    เมื่อสอบถาม ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ส่วนใหญ่หรือ 77.5% ระบุมาตรการห้ามขายเหล้า เบียร์ ไวน์ ช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดโควิด-19 ได้ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด ในขณะที่ 22.5% ช่วยได้ค่อนข้างน้อยถึงไม่ช่วยเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐผ่อนปรนให้ขายเหล้า เบียร์ ไวน์ได้ มาตรการเสริมในทรรศนะของประชาชนคือ ส่วนใหญ่หรือ 83.4% ระบุห้ามดื่มในที่สาธารณะโล่งแจ้ง 
    ที่น่าสนใจคือ จริตใหม่ (New Normal) ของประชาชน หลังผ่านพ้นโควิด-19 ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่ 86.2% ระบุสั่งสินค้าเดลิเวอรีมากขึ้น รองลงมาคือ  83.7% พูดคุย ติดโลกโซเชียลมากขึ้น,  81.5% ใช้เทคโนโลยีสื่อสาร โซเชียลมีเดีย มากขึ้น
    ที่น่าพิจารณาคือ ความต้องการของประชาชนให้พัฒนาประเทศไปทางไหน หลังพ้นภัยโควิด-19 พบว่า ส่วนใหญ่หรือ 93.6% ระบุให้ส่งเสริมพลังงานสะอาด พลังงานแสงอาทิตย์ ลดมลภาวะ ปัญหาฝุ่น PM 2.5 รองลงมาคือ 90% ระบุเพิ่มความปลอดภัย ปราบปรามอาชญากรรมด้านเทคโนโลยี ระบบออนไลน์ และ 86.5% ระบุฟรีสร้างอาชีพ ฟรีอินเทอร์เน็ตไฮสปีด ฟรีพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งภาคเกษตรและอื่นๆ.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"