6 เม.ย.61 - เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2561 สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ โดยนายอนันต์ ไววิทยะ หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายกฎหมาย ได้ส่งหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่า และขอให้ส่งมอบสถานที่เช่า ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ หรือ” สนามม้านางเลิ้ง” และขอให้ส่งมอบพื้นที่คืนภายใน180วัน

โดย หนังสือบอกเลิกสัญญาเช่า  และขอให้ส่งมอบสถานที่เช่า  เรียนประธานกรรมการอำนวยการ ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์  อ้างถึง
1.สัญญาเช่าอาคาร (ชั่วคราว) ฉบับที่ 2976  ลงวันที่  29  กันยายน  2542   
2.สัญญาเช่าอาคาร (ชั่วคราว) ฉบับที่  2977  ลงวันที่  29  กันยายน  2542  
3.สัญญาเช่าอาคาร (ชั่วคราว) ฉบับที่ 2978  ลงวันที่  29  กันยายน  2542 

หนังสือระบุว่า ตามที่ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นผู้เช่าอาคารและที่ดินเดิมกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์บริเวณสนามม้านางเลิ้ง ดังมีรายละเอียดของสัญญาต่อไปนี้

1.สัญญาเช่าอาคาร (ชั่วคราว)ฉบับที่ 2976/2542 ลงวันที่ 24 กันยายน 2542  เช่าอาคารจอดรถ 6 ชั้น 2 หลัง อัฒจันทร์ดูม้าแข่ง 5 ชั้น 1 หลัง รวมกับอาคารและที่ดินเดิม ซึ่งตั้งอยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่   557,558,566,567,586และ587  ตำบลดุสิต อำเภอดุสิต กรุงเทพมหานคร ตามทะเบียนของสำนักงานทรัพย์สินฯใช้หมายเลข1,2,3 ตำบลริมถนนพิษณุโลก ตามสัญญาเช่าที่อ้างถึง 1
2.สัญญาเช่าอาคาร (ชั่วคราว) ฉบับที่ 2977/ 2542 ลงวันที่ 24 กันยายน 2542  เช่าตึกอำนวยการ 5 ชั้น 1 หลัง (ตามทะเบียนของสำนักงานทรัพย์สินฯ ใช้หมายเลข 4 ตำบลริมถนนพิษณุโลก ตามสัญญาเช่าที่อ้างถึง 2
3.สัญญาเช่าอาคาร (ชั่วคราว) ฉบับที่  2978 /2542  ลงวันที่ 24 กันยายน  2542 เช่าอาคารชั้นเดียว อาคารสโมสรพร้อมสระว่ายน้ำ (ตามทะเบียนของสำนักงานทรัพย์สินฯ ใช้หมายเลข 5  ตำบลริมถนนพิษณุโลก ตามสัญญาเช่าที่อ้างถึง 3 

ทั้งสามสัญญามีกำหนดอายุสัญญาเช่า 6 เดือน นับแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2542 เป็นต้นไป ในอัตราค่าเช่าเดือนละ 30,000 บาท10,000 บาท และ 10,000  บาท ตามลำดับ ซึ่งรายละเอียดและเงื่อนไขสัญญาเช่าราชตฤณมัยสมาคมฯได้ทราบดีอยู่แล้วนั้น 

ปัจจุบันสัญญาเช่าทั้งสามฉบับดังกล่าว ได้ครบกำหนดอายุสัญญาเช่ามานานแล้ว สำนักงานทรัพย์สินฯมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินและอาคารดังกล่าวข้างต้น จึงไม่สามารถให้ราชตฤณมัยสมาคมฯเป็นผู้เช่าได้อีกต่อไป ซึ่งสำนักงานทรัพย์สินฯได้ประสานและได้แจ้งให้ราชตฤณมัยสมาคมฯทราบในเบื้องต้นแล้ว โดยราชตฤณมัยสมาคมฯ ยินดีให้ความร่วมมือกับสำนักงานทรัพย์สินฯทุกประการนั้น

ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและถูกต้องสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงขอบอกเลิกสัญญาเช่าอาคาร(ชั่วคราว)ฉบับที่ 2976/2542,2977/2542,2978/2542  ลงวันที่ 29  กันยายน 2542  ตามที่อ้างถึง 1 ถึง 3 กับราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยขอให้ราชตฤณมัยสมาคมฯทำการขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากอาคารและที่ดินทั้ง 6 โฉนดดังกล่าวข้างต้น และขอให้ส่งมอบสถานที่เช่าทั้งหมดคืน พร้อมชำระค่าเช่าหรือค่าภาษีค้างชำระถึงวันส่งมอบคืนสถานที่เช่า (หากมี) แก่สำนักงานทรัพย์สินฯ ทั้งนี้ให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด  180 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือหรือถือว่าได้รับหนังสือฉบับนี้ 

สำนักงานทรัพย์สินฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความร่วมมือจากราชตฤณมัยสมาคมฯในการส่งมอบพื้นที่คืนในครั้งนี้เป็นอย่างดี และขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ 

จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดดำเนินการ
ขอแสดงความนับถือ 
ลงนามโดย นายอนันต์ ไววิทยะ 
หัวหน้าฝ่ายอาวุโส ฝ่ายกฏหมาย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

สำหรับประวัติ  ราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (Royal Turf Club of Thailand under the Royal Patronage) หรือ ที่นิยมเรียกกันว่าสนามม้านางเลิ้ง เป็นสถานที่จัดแข่งขันม้าในพระบรมราชูปถัมภ์ ตั้งอยู่เลขที่ 183 ถนนพิษณุโลก แขวงสวนจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

จุดกำเนิดราชตฤณมัยสมาคมฯ เริ่มขึ้นจากในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จ พระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินกลับจากการเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ 1 เมื่อเดือนธันวาคม ร.ศ. 116 ( พ.ศ. 2440 )ทางฝ่ายราชการจัดพระราชพิธีรับเสด็จ และ กลุ่มผู้เคยผ่านยุโรปมาจำนวนหนึ่ง จึงมีแนวคิดที่จะจัดแข่งม้าถวาย โดยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตใช้สนามทุ่งพระเมรุ หรือ เรียกในปัจจุบันว่า "ท้องสนามหลวง" เป็นสนามแข่งม้าชั่วคราว 
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 พระยาประดิพัทธภูบาลได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดินของกรมอัศวราชมี เพื่อขอพระบรมราชานุญาตตั้งสโมสรสนามม้า “สนามไทย” แข่งเพื่อให้บริการแข่งม้าสำหรับคนไทยและนำรายได้มาใช้บำรุงพันธุ์ม้าจากประเทศออสเตรเลียและอังกฤษ โดยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ เปิดสนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2459 และพระราชทานนามว่า ราชตฤณมัยสมาคม 

ภาพจากเฟซบุ๊ก:ราชตฤณมัยสมาคมฯ ในพระบรมราชูปถัมภ์