โลกสังเวยโควิด ทะลุ3แสนราย! ทรัมป์เพ้อหนัก


เพิ่มเพื่อน    

  ยอดสังเวยโควิด-19 ทั่วโลกเกิน 300,000 คนแล้ว "โดนัลด์ ทรัมป์" พาลจีนไปไกลถึงขั้นขู่ตัดความสัมพันธ์!

    ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่ก่อโรคโควิด-19 พบแพร่ระบาดครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่นของจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว และเริ่มแพร่กระจายไปยังหลายประเทศเมื่อต้นปีนี้ ถึงขณะนี้มีผู้ติดเชื้อในมากกว่า 188 ประเทศและดินแดนแล้ว 4,444,670 รายตามข้อมูลอย่างเป็นทางการที่รวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ถึงช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม 2563 โดยมีผู้เสียชีวิต 302,493 ราย 
    ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 1 แสนราย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 1,417,889 ราย, รัสเซีย 252,245 ราย, สหราชอาณาจักร 234,441 ราย, สเปน 229,540 ราย, อิตาลี 223,096 ราย, บราซิล 203,165 ราย, ฝรั่งเศส 178,994 ราย, เยอรมนี 174,478 ราย, ตุรกี 144,749 ราย และอิหร่าน 114,533 ราย
    เมื่อวันพฤหัสบดี สหรัฐมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกภายใน 24 ชั่วโมง 1,754 ราย โดยยอดรวมในวันศุกร์ของสหรัฐเพิ่มเป็น 85,906 ราย สหราชอาณาจักรมีผู้เสียชีวิตมากรองลงมาที่ 33,693 ราย แต่เมื่อวันศุกร์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (โอเอ็นเอส) เปิดเผยข้อมูลใหม่ว่า มีผู้เสียชีวิตภายในบ้านพักคนชราที่อาจเชื่อมโยงกับการติดเชื้อไวรัสนี้ถึง 12,526 คน ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายน และเตือนว่าจำนวนที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้ด้วย หากดูจากจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ซึ่งมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 23,136 คน
    ด้านชาติยุโรปที่สถานการณ์หนักสุดก่อนหน้านี้และปัจจุบันรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เป็นลำดับ อิตาลีมีผู้เสียชีวิตแล้ว 31,368 คน, ฝรั่งเศส 27,428 คน และสเปน 27,321 คน ส่วนเยอรมนีเสียชีวิต 7,884 คน ขณะที่ประเทศนอกเหนือยุโรปและอเมริกาเหนือ บราซิลมีสถานการณ์หนักสุดที่มียอดเสียชีวิตเกินหมื่น โดยมีคนเสียชีวิตแล้ว 13,999 ราย สำหรับจีน ซึ่งเป็นชาติแรกที่พบการระบาดนั้น มีผู้เสียชีวิต 4,637 ราย จากผู้ติดเชื้อสะสม 84,029 ราย
    ช่วงหลายสัปดาห์มานี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวโทษจีนว่าปิดบังข้อมูลสถานการณ์ที่แท้จริงหลังพบไวรัสนี้ระบาดที่เมืองอู่ฮั่นเมื่อปลายปีที่แล้ว และยังพยายามปลุกกระแสทฤษฎีเรื่องไวรัสจากแล็บอู่ฮั่น รวมถึงล่าสุดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐยังกล่าวหาว่าจีนแฮ็กข้อมูลการพัฒนาวัคซีนและยาของสหรัฐ ซึ่งจีนปฏิเสธทั้งหมด 
    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาทรัมป์ให้สัมภาษณ์ออกรายการของสถานีฟอกซ์บิสสิเนสเน็ตเวิร์ก บอกว่า เขาผิดหวังมากกับความล้มเหลวในการควบคุมโรคของจีน และโรคระบาดนี้ส่งผลต่อความรู้สึกนึกคิดของเขาเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าที่เขาทำไว้กับจีนเมื่อเดือนมกราคม ซึ่งคราวนั้นเขายกย่องว่าเป็นข้อตกลงการค้าที่ดีมาก แต่ตอนนี้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว หมึกที่ลงนามยังไม่ทันแห้งดี แล้วโรคระบาดก็เกิดขึ้น
    ผู้นำสหรัฐกล่าวด้วยว่า ณ เวลานี้เขาไม่ต้องการพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์เคยบอกว่าพวกเขามีสัมพันธไมตรีอันดีต่อกัน ยิ่งกว่านั้น ทรัมป์ขู่ด้วยว่าเขาอาจตัดความสัมพันธ์กับจีนไปเลย "มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราทำได้ เราทำได้หลายอย่าง เราอาจตัดความสัมพันธ์ทั้งหมด" ทรัมป์กล่าวเมื่อถูกตั้งคำถามเรื่องที่ ส.ว.รีพับลิกันรายหนึ่งเสนอให้ปฏิเสธวีซ่านักศึกษาจีนที่ศึกษาในภาคที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ เช่น ปัญญาประดิษฐ์และควอนตัมคอมพิวเตอร์ 
    จ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน กล่าวที่กรุงปักกิ่งเมื่อวันศุกร์ว่า การรักษาความสัมพันธ์ทวิภาคีอย่างมั่นคงเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ และจะเป็นประโยชน์ต่อสันติภาพและเสถียรภาพของโลกด้วย
    "ตอนนี้ทั้งจีนและสหรัฐควรร่วมมือกันมากขึ้นด้านการต่อสู้กับไวรัสนี้ด้วยกัน, การรักษาผู้ป่วย และการฟื้นฟูการผลิตของภาคเศรษฐกิจ แต่จำเป็นต้องให้สหรัฐอยากทำงานร่วมกับเราในเรื่องนี้ด้วย" โฆษกจีนกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"