เปิดสถิติรกศาล คดีแหกเคอร์ฟิว ทำผิดหลักหมื่น


เพิ่มเพื่อน    

 ศาลเผยสถิติฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1-15 พ.ค. 8,990 คดี มีคนทำผิด 12,116 คน แนะเคารพกฎหมายและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด แม้จะมีการผ่อนปรนเพื่อไม่ให้ยอดสถิติคดีสูงขึ้น ขณะที่สถิติเดือนเมษา.ทะลัก 17,466 คดี  
    เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยข้อมูลสถิติคดีความผิดตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548, พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วประเทศ ซึ่งศูนย์ข้อมูลคดี สำนักแผนงานและงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รวบรวมสถิติคดีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ภายหลังรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. โดยไม่มีความจำเป็น เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยภาพรวมสถิติคดีสะสมตั้งแต่วันที่ 1-15 พ.ค.2563 มีจำนวนคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาล ดังนี้
    กลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง 1.จำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาทั้งหมด 8,990 คดี 2.จำนวนคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จ ทั้งหมด 8,756 คดี (คิดเป็นร้อยละ 97.40) 3.ข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุดคือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำนวน 12,116 คน 4.จังหวัดที่มีผู้กระทำความผิดสูงสุดในการฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 คือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 964 คน
    กลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว 1.จำนวนคำร้องที่ขอตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 496 คำร้อง 2.ข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุมสูงสุดคือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำนวน 530 คน
    นายสราวุธกล่าวว่า ภายหลังจากที่มีการบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อพิจารณาปริมาณคดีที่เข้าสู่ศาลตั้งแต่วันที่ 1-15 พ.ค.2563 มีจำนวนเฉลี่ย 599 คดี/วัน จังหวัดที่ยังพบว่ามีการกระทำผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินสูงสุด คือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 964 คน 
    ขณะที่ยอดคดีสะสมเดือนที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 3-30 เม.ย. 2563 พบว่า กลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง ปริมาณคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาทั้งหมด รวมทั้งสิ้น 17,466 คดี ปริมาณคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จทั้งหมด 17,039 คดี คิดเป็นร้อยละ 97.56 ส่วนข้อหาที่มีการกระทำความผิดสูงสุดคือ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีผู้กระทำผิดรวมทั้งหมด จำนวน 23,628 คน รองลงมาคือ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีผู้กระทำผิดสะสมทั้งหมด จำนวน 316 คน และ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มีผู้กระทำผิด 38 คน จังหวัดที่กระทำความผิดสูงสุดในฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 คือ กรุงเทพมหานคร จำนวน 1,829 คน
    กลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว 1.จำนวนคำร้องที่ขอตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 1,262 คำร้อง 2.ข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุมสูงสุด คือ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำนวน 1,360 คน
    ส่วนที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้มีมาตรการผ่อนปรนให้กิจการบางประเภทเปิดทำการเพิ่มเติมได้ (ผ่อนปรนเฟส 2) โดยเฉพาะอย่างยิ่งห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่งขนาดใหญ่และร้านอาหาร สถานที่ออกกำลังกาย ให้เปิดใช้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.2563 โดยให้มีมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งได้มีการปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00-04.00 น.นั้น ขอให้พี่น้องประชาชนและผู้ประกอบการศึกษาข้อกำหนดของมาตรการการผ่อนปรนอย่างละเอียด เคารพกฎหมายและปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้ยอดสถิติคดีสูงขึ้น.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"