มาด้วยกันก็ไปด้วยกัน 'สุวิทย์' เคลียร์กระแส กอดคอ 4 กุมารไขก๊อกพ้นรมต.


เพิ่มเพื่อน    

8 มิ.ย.63 - นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และรักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำคณะผู้แทนภาคเอกชน เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือประเด็น BCG หรือ Bio – Circular- Green Economy ถึงกระแสข่าวเตรียมนัดหารือนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และรักษาการหัวหน้าพปชร.และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ รมว.พลังงาน และรักษาการเลขาธิการพปชร.เกี่ยวกับการลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่า วันนี้ตนยังทำงานอยู่ ตอนนี้ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน ต้องช่วยนายกฯนำพาวิสัยทัศน์ของประเทศไปข้างหน้า ในช่วงหลังวิกฤติโควิด-19 ที่หลายคนมองว่าจะเป็นวิกฤติ แต่ตนมองว่าประเทศไทยมีโอกาส เหตุการณ์นี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เรามี

จุดแข็งอยู่เยอะมาก เช่นการบริหารสถานการณ์ ทั้งการแพทย์ และเรื่องการอุปโภค บริโภค หลังจากนี้ทุกคนมีหน้าที่มองในด้านบวก และประเทศไทยมีศักยภาพในการตอบโจทย์โลกหลังโควิด-19 อย่างไร หน้าที่ของตนในฐานะรัฐมนตรี คือเข้าไปเยียวยาฟื้นฟูทั้งภาคเอกชน และประชาชน โดยเฉพาะเอสเอ็มอี

"ส่วนที่ผมโพสต์เฟซบุ๊คถึงเรื่องการปล่อยวางนั้น เป็นการเตือนตัวเอง ไม่ได้ปลงกับปัญหา วันนี้นายกฯให้โจทย์มาอีกเยอะ ตอนนี้มีหน้าที่ทำงาน และแม้ผมจะเป็นรองหัวหน้าพปชร.แต่ไม่ค่อยคุ้นชินกับงานการเมือง และเมื่อเป็นรมว.อว. ก็มาช่วยนายกฯในการขับเคลื่อนหลายเรื่อง และปกติผมก็โพสต์ข้อความในวันอาทิตย์ที่เป็นเรื่องสบายๆ"นายสุวิทย์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าถอดใจหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า เราทำงาน ทำจนวินาทีสุดท้าย ตอนนี้แม้มีความคิดหลากหลายก็ต้องมาคุยกันว่า การเมืองหลังโควิด-19 ควรจะเป็นอย่างไร รูปแบบการเมืองที่ทำกันอยู่แบบเดิมๆตอบโจทย์หรือไม่

เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุว่า 3 กุมารจะนัดคุยนั้น นายสุวิทย์ กล่าวว่า ก็เพราะเราเป็นคู่กรณี ถ้ามีโอกาสต้องคุยกัน ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องสปิริต เรามาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน แต่ไม่เกี่ยวกับการทำงาน ก่อนหน้านี้พวกตนคือ 4 กุมารลาออกจากรัฐบาล คสช.เพื่อไปตั้งพรรคใหม่ เป็นอารมณ์ของการที่มาด้วยกันก็ต้องไปด้วยกัน ต้องคุยกัน การตัดสินใจจะไม่ใช้อารมณ์ และเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แต่เป็นเรื่องภายในพรรค 4 กุมารเป็นกรรมการบริหาร แต่นายสมคิดเป็นอาจารย์ของตน และให้การสนับสนุน 4 กุมารมาตลอด ก็แล้วแต่ท่าน แต่ถ้าแยกให้ออกเรื่องนี้เป็นเรื่องภายใน ต้องมาคุยกัน  ซึ่งจริงเท็จไม่รู้ แต่มีการพูดกันว่าการปรับเปลี่ยนผู้บริหารพรรคเชื่อมโยงกับการปรับเปลี่ยนครม. แต่ข้อเท็จจริงการปรับครม.เป็นเรื่องของนายกฯ ต้องเคารพนายกฯ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตามต้องหารือนายกฯก่อน และการลาออกจากครม.หรือไม่หลังการหารือทั้งสามคน ต้องให้เกียรตินายกฯ เพราะท่านเป็นคนเลือกเรามา

“ผมถือว่าภารกิจผม ท่านนายกฯไว้วางใจ ให้มาตั้งกระทรวงใหม่ ตั้งไข่มาระดับหนึ่งหากลาออกเลยจะหาว่าทิ้งกระทรวง ตอนนี้เป็นเวลากว่าหนึ่งปี ถือว่าสร้างฐานรากมาพอสมควร ก็เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีใหม่ แต่ส่วนนายกฯจะให้ผม และอีกสองกุมารอยู่ต่อหรือไม่ ก็เป็นดุลยพินิจของท่านนายกฯ และวันนี้นายกฯไม่ได้ส่งสัญญานอะไร ซึ่งท่านมองว่าควรมองประเทศไทยไปข้างหน้า อย่ามัวเสียเวลามองแต่ปัญหา ”นายสุวิทย์ กล่าว

ต่อข้อถามว่า ที่นายสุวิทย์ระบุว่า ไม่ได้ใกล้ชิดกับพรรค ตรงนี้เป็นปัญหาใช่หรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นข้อบกพร่องของตน ในช่วงที่ผ่านมาตนไม่มีส.ส. และตามรัฐธรรมนูญ ตนก็เป็นส.ส.ไม่ได้ และงานในกระทรวงอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรงส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย และงานวิจัย ยอมรับว่า ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีก็ทำงานอยู่แต่ที่กระทรวง เพราะจำเป็นต้องขึ้นรูปกระทรวงใหม่

เมื่อถามว่า การเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่ จะสมัครเป็นรองหัวหน้าพรรคอีกหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า”พอแล้ว อันนี้เดี๋ยวค่อยมาว่ากัน การทำหน้าที่รักษาการตรงนี้ ผมไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการทำงานให้เต็มที่ ส่วนช่องโหว่ความสัมพันธ์กับส.ส.นั้น หากยังทำงานในฐานะรัฐมนตรีคือสิ่งที่ผมต้องปรับปรุง เพราะเรื่องนี้เป็นจุดอ่อนที่ให้เขามาตีเราได้ เรื่องนี้ผมไม่ปฏิเสธ แต่จะปรับปรุงเพื่อไปบริหารพรรคใหม่หรือไม่นั้น ต้องขอคิดอีกที และตั้งแต่มีประเด็นนี้ พวกผมทั้งสามคนยังไม่ได้คุยกัน ต้องคุยกัน ต่างคนต่างคิดไม่ได้ และ

เมื่อคุยกันแล้วต้องเรียนผู้ใหญ่ อย่างน้อยท่านนายกฯ และนายสมคิด ต้องรับทราบในสิ่งที่พวกเราหารือกัน และคิดอ่านอย่างไร ซึ่งเราต้องรักษาภาพใหญ่ให้ได้ เพราะนายกฯยังต้องอยู่ในภาวะต้องขับเคลื่อนวิกฤติ ไม่อยากให้ท่านปวดหัว ซึ่งในการประชุมครม.วันที่ 9มิ.ย. เมื่อเจอกันทั้งสามคน คงได้คุยกัน“

ถามว่า นายสมคิดได้ส่งสัญญานอะไรมาหรือไม่ นายสุวิทย์ กล่าวว่า ท่านก็ส่งสัญญานเหมือนที่ถามกับสื่อว่าเบื่อหรือไม่ ซึ่งตนบอกว่าสู้อยู่ ไม่ได้สู้ทางการเมือง แต่สู้ในเนื้องานของกระทรวง แต่ตนรับรู้ว่ามีสิ่งนี้เกิดขึ้น จะไปนิ่งนอนใจไม่ได้

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"