'หมอธีระ'ห่วงโควิดระบาดซ้ำหลังคลายเฟส4 เตือนอย่ารีบเปิด'ทราเวลบับเบิล'


เพิ่มเพื่อน    

14 มิ.ย. 63 - รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ช่วงนี้ได้ข่าวจากประเทศจีน เรื่องการกลับมาระบาดในปักกิ่ง ฟังข่าวแล้วเป็นห่วง มีติดเชื้อแบบมีอาการหลายสิบคน และอีกหลายสิบคนยังไม่มีอาการ ประวัติมาจากตลาดสด เอาใจช่วยทางการจีนให้จัดการควบคุมโรคได้โดยเร็ว และปลอดภัยทุกคน

วันนี้ไทยเรามีรายงานติดเชื้อรายใหม่ 1 คน เป็นน้องนักศึกษากลับจากอเมริกา ขอให้หายไวไวและปลอดภัยครับจากประสบการณ์ส่วนตัว เมื่อเช้าไปซื้ออาหารเช้าที่ร้านขายข้าวหมูแดง ซาลาเปา ติ่มซำเจ้าดัง มีเจล มีตำแหน่งระบุให้ยืน แต่ไม่มีการตรวจคัดกรองไข้ ยังดีที่กระจกตรงประตูทางเข้ามีป้ายคิวอาร์โค้ดให้สแกนไทยชนะเห็นสะดุดตา เลยเช็คอินเช็คเอ้าท์ได้

ไปร้านสะดวกซื้อเจ้าดัง มีเจล แต่ก็ไม่มีการคัดกรองไข้ ในขณะที่กวาดตาหาคิวอาร์โค้ด หาไม่เจอ ดูไปดูมา เห็นป้ายเล็กๆ วางไว้ตรงพื้นข้างประตู หลบมุมไว้ ประเมินแล้วคงยากที่จะมีคนสแกน ไปร้านกาแฟชื่อดังราคาย่อมเยาในละแวกเดียวกัน (เพราะทุกร้านอยู่ในปั้มน้ำมันเดียวกันหมด) มีจุดยืนระบุไว้ตรงพื้น ห่างกันครึ่งเมตร มีเจล แต่ป้ายคิวอาร์โค้ดก็สังเกตลำบาก และที่เหมือนกันกับอีกสองร้านแรกคือ ไม่มีคัดกรองไข้ จากที่พบเห็นมาในช่วงนี้ การ์ดของธุรกิจห้างร้านค่อนข้างหย่อนไปมากทีเดียว

ทำให้นึกถึงสักสองสัปดาห์ก่อน ได้มีโอกาสนั่งคุยกับหนึ่งในคีย์แมนของงานภาคสนาม มีสาระสำคัญว่า ในความเป็นจริง เค้ายอมรับว่า มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ทำการเช็คอินเช็คเอ้าท์ และมีกิจการจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทำตามมาตรการที่รัฐกำหนด ไม่ว่าจะเป็นการจัดสิ่งแวดล้อม หรือการคัดกรองไข้ รวมถึงการบันทึกรายชื่อและเบอร์ติดต่อของคนมารับบริการ

ดังนั้นเวลาเกิดจับพลัดจับผลูมีเหตุการณ์ติดเชื้อขึ้นมา การจะไปตามตัวคนให้ครบทุกคนจริงๆ นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย หากเป็นเช่นที่กล่าวมา เคยย้ำไปหลายครั้งหลายหนผ่านสื่อสาธารณะว่า ยังไม่เห็นประเทศไหนเลยที่ปลดล็อกแล้วไม่มีโรคระบาดกลับมา ทำให้เชื่อว่า มาแน่ แต่จะมาช้ามาเร็ว มาน้อยหรือมามาก ก็เท่านั้น

ตัวตัดสินคือ การปฏิบัติตัวของประชาชนทุกคน และกิจการห้างร้านต่างๆ ถ้าเราเคร่งครัด มีวินัย ความปลอดภัยก็จะมาก เคสใหม่ก็จะน้อย ดังที่เราเห็นในไต้หวัน ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่ทำได้ดีมากในเรื่องการควบคุมป้องกันโรคอย่างพร้อมเพรียง
ปลดล็อกระยะที่ 4 เริ่มพรุ่งนี้แล้ว โอกาสระบาดซ้ำก็มีมากกว่าเดิม แต่ยิ่งกว่านั้น ที่น่าเป็นห่วงคือ กระแสกดดันให้รีบเอานักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา จะอ้างชื่อโมเดลเก๋ๆ บับบ้งบับเบิ้ลอะไรก็ตามแต่ แถมออกข่าวกันแบบโยนหินถามทางกันเสร็จสรรพว่า เจรจากันไปกับหลายประเทศแล้วที่คุมได้ดี สร้างความหวังและกิเลสในการจะเอาเงินจากการท่องเที่ยวได้อีกโข

ใครฟังแต่ข่าวดังกล่าว แต่ไม่ติดตามสถานการณ์ ก็จะหลงเชื่อโดยง่าย แต่อย่างที่เกริ่นไปตอนต้นว่า ขนาดประเทศที่เคยคุมโรคได้แล้วอย่างจีน ยังกลับมาระบาดซ้ำ นับประสาอะไรกับประเทศอื่นๆ รวมถึงไทยเราด้วย ดังนั้นหากมุ่งแต่จะเอาเงินเข้าประเทศจากการทำท่องเที่ยวต่างชาติอย่างที่กำลังจะผลักดันกันสุดลิ่มทิ่มประตู ก็โปรดระลึกถึงความเสี่ยงให้ดี

หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ศบค. และหน่วยงานความมั่นคง จะระมัดระวัง อย่าไว้ใจอิทธิพลการเมือง ที่ทำให้เราเคยประสบเหตุการณ์แบบในช่วงแรกของโรคระบาดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นโยบายเกี่ยวกับสุขภาพ ท่องเที่ยว และเดินทางนั้น ไม่ควรมอบให้นักการเมืองมามีอิทธิพลในช่วงวิกฤติโรคระบาดเช่นนี้ครับ

เอาใจช่วยทุกคน ประเทศไทยต้องทำได้... สู้ๆ ครับ...".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"