ไทยเนื้อหอม! ต่างชาติเกาะติดนักวิจัยลงพื้นที่เก็บตัวอย่างค้างคาวมงกุฎ 23 ชนิด วางแผนรับมือโควิดในอนาคต


เพิ่มเพื่อน    

ไทยเนื้อหอม หลายชาติส่งนักข่าวเกาะติดไทยทำวิจัยหาไวรัสโควิดในค้างคาวมงกุฎทั้ง 23 ชนิด องค์กรวิชาการต่างประสานขอผลการวิจัยจากไทย ใช้เป็นนโยบายป้องกันโควิด 19 ของประเทศตน หลายชาติเชื่อถืองานวิจัยไทยมาก ทั้งการตรวจหาไวรัส การถอดรหัสพันธุกรรมโควิด จนก้าวไปไกลมาก ล่าสุดทีมวิจัยยังเดินหน้าเก็บเลือด น้ำลาย มูลค้างคาวที่มีในไทย ยังไม่สรุปผลการวิจัย

8 ก.ค. 63 - นายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หรือ “หมอล็อต” สัตวแพทย์ประจำกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยว่า จากการที่ทีมวิจัยหาไวรัสโควิด 19 จากค้างคาวมงกุฏ ซึ่งในประเทศไทยมีทั้งสิ้น 23 ชนิด ประกอบด้วยตน , ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี จากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ คนไทยคนแรกที่ค้นพบเชื้อไวรัสโควิด 19 ในโลก และเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ช่วยกันหาเชื้อโควิด 19 จากค้างคาวพันธุ์มงกุฏ เป็นครั้งแรกของไทยที่มีการตรวจหาเชื้อไวรัสจากค้างคาวสายพันธุ์นี้ทั้ง 23 ชนิด ตามข้อมูลประเทศจีนว่า อาจเป็นสัตว์ที่ทำให้เกิดไวรัสโควิด 19  โดยเริ่มจากการเก็บเลือด น้ำลาย มูล ค้างคาวมงกุฎตั้งแต่วันที่ 11 มิ.ย. ที่ถ้ำสะดอ ต.ทับไทร อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี เรื่อยมาจนถึงถ้ำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอ่างฤาไน จ.ฉะเชิงเทรา และยังคงเก็บตัวอย่างไปเรื่อย ๆ อีกหลายแห่งทั่วทุกภาคของไทยต่อไป

ปรากฏว่า การวิจัยครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากองค์กรทางวิชาการจากชาติต่างๆ และสื่อหลายสำนักจากหลายชาติ อาทิ สำนักข่าวสกายนิวส์ อังกฤษ บีบีซี อังกฤษ สื่อจากญี่ปุ่น และสื่อชาติอื่นๆเข้ามาทำข่าวติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งแบ่งปันข้อมูลต่อกัน เพราะหลายชาติต่างเห็นว่าการวิจัยเรื่อง มีความสำคัญต่อการกำหนดนโยบายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด 19 รวมทั้งประเทศไทยด้วยจะนำผลการวิจัยที่จะได้มาวางแผนรับมือกับเรื่องนี้ด้วย

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้การวิจัยครั้งนี้ได้รับความสนใจมาก เพราะทั่วโลกต่างค้นคว้าวิจัยเรื่องโควิดโควิด 19 ส่วนการมุ่งมาสนใจการวิจัยของไทย เนื่องจากต่างชาติไม่มีค้างคาวมงกุฎหลายชนิด บางประเทศไม่มีความรู้ด้านการตรวจหาเชื้อไวรัส ขาดความพร้อมในการศึกษาวิจัย ที่สำคัญที่สุดหลายชาติเห็นว่าไทยมีความสามารถด้านการวิจัย มีความรู้การศึกษาเรื่องนี้ และมีความน่าเชื่อถือ เห็นได้ชัดเจนจากการเข้ามาทำข่าวเรื่องนี้ของสำนักข่าวต่างชาติเพราะเชื่อมั่นการทำวิจัยของไทย จึงพากันเดินทางมาทำข่าว

น.สพ.ภัทรพล เปิดเผยว่า มีไม่กี่ประเทศที่ศึกษาวิจัยหาเชื้อไวรัสโควิด 19 จากค้างคาวมงกุฎ ในขณะที่เรื่องนี้ประเทศไทยมีความก้าวหน้าไปมาก นับตั้งแต่ ดร.สุภาภรณ์ค้นพบผู้ป่วยจากไวรัสโควิด 19 รายแรกของโลก ด้วยเทคนิควิธีการของไทย จากนั้นมีการพัฒนาในเทคนิควิธีการเรื่อยมา ทั้งวิธีการตรวจหาไวรัส การถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส ไทยมีความก้าวหน้าไปมาก จนทำให้ต่างชาติเชื่อถือ ยอมรับไทย กระทั่งสนใจการวิจัยหาไวรัสโควิด 19 ครั้งนี้ในที่สุด เพื่อจะนำผลการวิจัยไปแผนมือรับมือไวรัสโควิด 19 ของประเทศนั้นๆต่อไป ในเบื้องต้นผลการวิจัยที่ได้คือพบว่าค้างคาวเป็นแหล่งรังโรคของเชื้อไวรัสหลายชนิด การไม่กิน ไม่ล่าสัตว์ป่า รวมทั้งค้างคาวด้วย จึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด

หมอล็อต กล่าวอีกว่า การจับค้างคาวมงกุฏนับตั้งแต่ที่ จ.จันทบุรี เรื่อยมาจนถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไน ยังคงมีการจับต่อไป และจะไปจับที่ป่าด้านตะวันตกของไทยในเร็วๆนี้ แต่ต้องสำรวจหาข้อมูลแหล่งอาศัยของค้างคาวชนิดให้ชัดเจนก่อน เพราะทุกวันนี้เส้นทางหากิน ที่อยู่อาศัยของค้างคาวมงกุฎเปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อม ซึ่งเป็นการทำงานที่ค่อนข้างยาก เพราะการเข้าไปเก็บตัวอย่างค่อนข้างยาก รวมทั้งความจำเป็นที่จะต้องมีการป้องกันการได้รับเชื้อมีความสำคัญมากอย่างยิ่งด้วย แต่ทุกคนต่างทำงานเป็นทีม ช่วยกันทำงานเต็มที่ จึงทำให้การเก็บตัวอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งนี้ ผลการวิจัยยังไม่สรุปเพราะยังจับค้างคาวมงกุฎทั้ง 23 ชนิดไม่ครบ และยังอยู่ระหว่างการวิจัย


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"