ต้องบอก “ทัวร์” ลงรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” และ “ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” (ศบค.) อย่างยิ่ง สำหรับ กรณีอภิสิทธิ์ชนอย่าง “ทหารอียิปต์” และ “ลูกอุปทูตซูดาน” ที่ได้รับข้อยกเว้นตามพระราชกำหนดบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งก็ไม่น่าแปลก เพราะผลกระทบต่อเรื่องดังกล่าวเรียกว่า สั่นสะเทือนเหลือเกิน ...๐

ปกติสังคมไทยมักให้อภัยกับการยอมรับผิด แต่กรณีดังกล่าวขนาด “ลุงตู่” หรือแม้แต่ “นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน” โฆษก ศบค. ออกมายอมรับผิดและขอโทษประชาชนและชาวระยองแล้ว แต่เสียงก่นด่าดูเหมือนไม่สร่างซา ซึ่งประเด็นหลักนอกเหนือจากเรื่อง ภาครัฐ ซึ่งเป็นผู้ออกกฎเสียเองกลับการ์ดตก แล้ว อีกประเด็นหนึ่งคือกรณีการหมั่นไส้พวกอภิสิทธิ์ชนทั้งหลายนั่นแล ...๐

ที่สำคัญต้องไม่ลืมว่ารัฐบาลและ ศบค.เพิ่งปลดล็อกเฟส 5 มาไม่นาน เรียกว่าประชาชนทั้งหลายที่อัดอั้น โดยเฉพาะบรรดาพ่อค้าแม่ขายที่เพิ่งได้รับลิ้มรสเงินทองไหลมาเทมาจากการค้าขาย โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนและเกาะแก่งทั้งหลาย แต่กลับต้องกลับมามลายหายศูนย์แบบต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ในพื้นที่ จ.ระยอง และในหลายจังหวัดที่เริ่มเกิดอาการ “โฟเบีย” กันตามๆ กันมา ...๐

ต้องบอกกันว่า “เหรียญ” มี 2 ด้าน ในขณะที่อีกฟากฝั่งหนึ่ง โดยเฉพาะชาวระยองที่เกิดอาการ “เซ็งเป็ด” อย่างมากกับ “อียิปต์เอฟเฟ็กต์” แต่ในซีกฝ่ายแค้นและฝ่ายค้านต่างเฮโลพร้อมใจออกมาถล่ม “พล.อ.ประยุทธ์” และ “ศบค.” กันอย่างถ้วนทั่ว โดยเฉพาะการเรียกร้องความรับผิดชอบจากความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งก็ไม่น่าแปลก แต่ที่ต้องตำหนิติติงและประณามอย่างมากคือ “ทั่นผู้ทรงเกียรติ” บางคนบางพรรคที่กลับเอาเรื่องดังกล่าวมาปั้นมาเสกว่ามีคนไทยติดโควิดภายในประเทศแล้ว!!! ซึ่งพฤติกรรมอย่างนี้ไม่น่าจะเรียกว่าเป็นผู้แทนปวงชนได้เลย  เพราะ นอกจากไม่ช่วยเหลือแล้ว ยังมาสร้างความตระหนกและซ้ำเติมความรู้สึกคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง ...๐

แหม! ข่าว “อียิปต์-ซูดาน” เอฟเฟ็กต์ นึกว่าจะทำให้ข่าวการเมืองสร่างซาลงไป แต่ที่ไหนได้ “อุตตม สาวนายน” รมว.การคลังออกมาบอกว่าก๊วน 4 กุมาร ซึ่งนอกจากตนเอง “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมว.พลังงาน, “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ “กอบศักดิ์ ภูตระกูล” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี จะไปยื่นใบลาออกจากรัฐมนตรีในวันที่ 16 ก.ค.ในเวลา 08.00 น. และอาจไปแถลงข่าวความชัดเจนเรื่องนี้ด้วย …๐

ส่วนกรณีผู้นำก๊วน 4 กุมารอย่าง “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีนั้น คงต้องลุ้นกันแบบตาไม่กะพริบว่า เมื่อน้องๆ 4 กุมารออกไปแล้วจะไขก๊อกตามหรือไม่อย่างไร …๐

ต้องบอกว่าเล่นบท “ชิงซีน” โควิด-19 กันแบบเห็นๆ ซึ่งหากเป็นรายการทีวีก็ต้องบอกว่าประชาชนกดรีโมตสลับกันไปมาแบบฉากต่อฉากแบบตาไม่กะพริบกันเลยทีเดียว เพราะต้องบอกว่าเมื่อรวมกับกรณีลาออกจากหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล แม้ยังไม่ลาออกจากเก้าอี้ รมว.แรงงานก็ตามที แต่ต้องบอกว่าเพลานี้สุกงอมอย่างยิ่งที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซ้ำร้ายอาจเป็นการเขย่าใหญ่ โดยเป็นโฉมหน้าทีมเศรษฐกิจยุคโควิด-19 ก็เป็นได้ ...๐

เอ่ยอ้างถึงเวทีใหญ่ไปแล้ว ก็มาดูเวทีเล็กอย่างการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกันบ้าง ซึ่งดูเหมือนที่คึกคักมากที่สุดคงไม่มีใครเกิน “คณะก้าวหน้า” ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่และอดีต กก.บห.อนาคตใหม่ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง เพราะนอกจากปูดว่าจะมีการเลือกตั้งครั้งแรกในวันที่ 13 ธ.ค.แล้ว ล่าสุดยังเปิดรับผู้เสนอตัวเข้าคัดเลือกเป็นนายกฯ อปท.ผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น ซึ่งจะประกาศรับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.-15 ส.ค.นี้ ...๐

ในขณะที่ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ภายใต้บังเหียน “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ก็มีการประชุม ส.ส. และมีคำสั่งแต่งตั้ง 10 หัวหน้าภาค ซึ่งครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมรองรับการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่นและการเลือกตั้งใหญ่ระดับชาติที่จะมีขึ้นในอนาคตด้วย ซึ่งเป็นการล้อเลียนการแบ่งภาคของตำรวจ ที่ “บิ๊กป้อม” เคยกำกับดูแลกันเลยทีเดียว ...๐

ทิ้งท้ายด้วย ข่าวปลุกผี “นิรโทษกรรม” ซึ่ง “คำนูณ สิทธิสมาน” ส.ว. เป็นผู้จุดพลุขึ้นมาล่าสุด และดูเหมือนมีการรับลูกกันอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็น ส.ส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล หรือแม้แต่ “ไพศาล พืชมงคล” อดีตกรรมการผู้ช่วย พล.อ.ประวิตร ก็โดดมาขอเป็นกาวใจกับเขาด้วย ...๐

...ท.ศักดิ์