เมื่อ “น้าหงา” ดันต้องเจอ “ทัวร์ลง”


เพิ่มเพื่อน    

 

                                                        (1)

                ใครที่ต้องเจอกับรายการที่เรียกๆ กันว่า ทัวร์ลง นั้น...คงต้องยอมรับว่า ออกจะเป็นอะไรที่หนักหนา สาหัส มิใช่น้อย อย่างเช่น คุณน้า หงา คาราวาน ของหมู่เฮาเป็นต้น ทั้งๆ ที่เคยเขียนเพลง วรรณกรรม บทกวี หรือแม้แต่บทความที่เล่นเอาเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า มิใช่น้อย ใน ไทยโพสต์ ช่วงก่อนๆ นับได้ว่ามี ผลงาน ในเชิงนฤมิตร สร้างสรรค์ ชนิดแทบจาระนัยไม่หวาด ไม่ไหว ก่อให้เกิด คุณูปการ ต่อผู้คนและสังคมไทย จนการได้มาซึ่งตำแหน่ง ศิลปินแห่งชาติ ย่อมไม่ได้ถือว่าเพราะโชคช่วยโดยเด็ดขาด...

                                                       (2)

                แต่เพียงเพราะแค่ไป ปรารภ-รำพึง เป็นบทกลอน บทกวี แค่ไม่กี่บรรทัดเท่านั้นเอง ตามประสาคนแก่ คนชรา ซึ่งไม่ได้ต่างอะไรไปจากบรรดาคนแก่ คนชรา โดยทั่วไปนั่นแหละ ถึงบรรดาพวก เด็กๆ เขา ก็เลยต้องเจอกับรายการ ทัวร์ลง เจอกับการรุมมือรุมตีน รุมสาดสากกะเบือบิน รองเท้าแตะ ฯลฯ เข้าใส่ ชนิดเป็นอะไรที่น่าสยดสยอง พองขน เอามากๆ ปานประดุจไม่ต่างอะไรไปจาก บอส กระทิงแดง เอาเลยถึงขั้นนั้น คือเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่าทุเรศ น่าขยะแขยง ไม่ได้หลงเหลือความดี ความงาม ใดๆ ที่เคยกระทำไว้ก่อน เอาเลยแม้แต่น้อย...

                                                     (3)

                เห็นอย่างนี้แล้ว...ต้องถือเป็น โชคดี ของ อันตัวข้าพเจ้าเอง ที่หันไปหา การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มานานแล้ว คือไม่ได้คิดจะมีเฟซบ๊ง เฟซบุ๊ก ไม่ได้คิดจะโพสต์ คิดจะแชร์ อะไรต่อมิอะไรกับใครเขา ไม่งั้น...ก็ย่อมมีสิทธิ์โดน ทัวร์ลง ไม่ต่างอะไรไปจากคุณน้า หงา คาราวาน ท่าน เพราะการรำพึง รำพัน อะไรต่อมิอะไรก็ตาม ย่อมถือเป็น ธรรมชาติ ของคนแก่ คนชรา โดยทั่วๆ ไปนั่นแหละ ถ้าหากบรรดาลูกๆ หลานๆ เขายังพอมีความกตัญญูรู้คุณ ไม่ได้คิดจะถือสา หาความ อะไรมากมาย ก็ดีไปอย่าง หรือถือเป็นเรื่องปกติ-ธรรมดา ในการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้คนในแต่ละรุ่น แต่ละวัย แต่ถ้าหากลูกๆ หลานๆ เขาดันเป็นประเภทมากับจานบิน มากับยานอวกาศ แบบประเภท กาเหว่าที่บางเพลง ทำนองนั้น อันนี้...ก็น่าหนักใจ หรือหนักหนา สาหัส เอามากๆ...

                                                     (4)

                ดูเหมือนว่า...ผู้ที่มักจะโดน ทัวร์ลง อยู่บ่อยๆ ในแวดวงศิลปิน แวดวงนักคิด-นักเขียน นอกเหนือไปจากคุณน้า หงา คาราวาน แล้ว ก็คงหนีไม่พ้น น้าเนาว์ ของเราเอง หรือคุณน้า เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ อีกราย ที่ต้องกลายสภาพเป็น วัดร่องขุ่น ของอาจารย์ เหลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ เขานั่นแหละ หรือเป็นสถานที่ขี้ ที่เยี่ยว ยอดนิยม ของบรรดา นักท่องเที่ยวเมืองจีน ทั้งหลาย อันเนื่องมาจาก ทัศนคติทางการเมือง ที่มันอาจเป็นคนละเรื่อง คนละม้วน กับผู้คนอีกกลุ่มหนึ่ง ซีกหนึ่ง โดยเฉพาะผู้ที่ถือว่าตัวเองเป็น นักประชาธิปไตย และสามารถแสดงออกถึงความสูงส่ง วิเศษวิเสโส เหล่านี้ ด้วยกรรมวิธีที่ไม่ถึงกับลำบากยากเย็นอะไรมากมาย นั่นคือ...ด้วยการหันมา ด่าเผด็จการ ให้มากๆ เข้าไว้ หนักๆ เข้าไว้ ไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์ คิดค้น ประดิดประดอยอะไรมาก ไม่ต้องอาศัยการนฤมิตร สร้างสรรค์ พรสวรรค์ หรือพรแสวง ใดๆ เอาเลยก็ยังได้...

                                                     (5)

                ส่วนใครถูก-ใครผิด ใครดีกว่า-เลวกว่า สำหรับในแง่ ทัศนคติทางการเมือง นั้น...คงต้องขออนุญาต งดให้สัมภาษณ์ หรือคงไม่คิดจะออกความเห็นก็แล้วกัน เพราะขึ้นชื่อว่า การเมือง ซะอย่างแล้ว!!! ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มันดิ้นได้ แปรเปลี่ยน แปรสภาพ ไปได้ด้วยกันทั้งนั้น ฝ่ายขวา สามารถกลายสภาพเป็น ฝ่ายซ้าย และ ฝ่ายซ้าย อาจตีลังกากลับมาเป็น ฝ่ายขวา ได้ทุกเมื่อ ไม่ก็อาจกลายสภาพเป็น ซ้าย-ขวา-ซ้าย หรือเป็น ซ้ายในขวา และ ขวาในซ้าย ฯลฯ จนยากที่จะขีดเส้นแบ่งใดๆ ได้ง่ายๆ เพราะท่ามกลางความเป็นไปของกาล-เวลา ย่อมต้องมี ความเปลี่ยนแปลง อันเป็นนิรันดรไป...

                                                    (6)

                ด้วยเหตุนี้...แม้ว่า น้าเนาว์ หรือ น้าหงา ท่านอาจต้องกลายเป็น วัดร่องขุ่น ตามมาตรฐานทางการเมือง หรือตามทัศนคติทางการเมืองของฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด กลุ่มหนึ่ง กลุ่มใด ก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ ก็คือทั้ง 2 น้า ที่ว่านี้ท่านออกจะเป็น ของจริง-ของแท้ ไม่ใช่ ของปลอม โดยเด็ดขาด ในแง่ของฝีไม้-ลายมือ และขีดความสามารถ ในการนฤมิตร สร้างสรรค์ สิ่งที่ยากแสนยาก ระดับที่อาจต้องเรียกว่า พรสวรรค์ หรือพรที่เกิดจากฟ้าประทานไปโน่นเลย หรือถึงจะเรียกว่า พรแสวง ก็ต้องถือเป็นพรที่เกิดจากการลงทุน ลงแรง เกิดจากความเหนื่อยยาก ลำบาก ในการฝึกปรือ การประพฤติ ปฏิบัติ การสั่งสมความรู้ ความเข้าถึง-เข้าใจ ในแต่ละระดับ จนสามารถแปรสภาพให้กลายมาเป็นบทกลอน บทกวี เป็นวรรณกรรม เป็นบทเพลง ที่สามารถชำแรกแทรกซึมเข้าไปสร้างความดื่มด่ำ ความประทับใจ ภายในหัวจิต-หัวใจ ภายใน จิตวิญญาณ ของใครต่อใคร ชนิดบรรดาผู้ที่ถนัดในการใช้ ตีนเขี่ย ทั้งหลาย มิอาจลอกแบบ ลอกเลียน ได้โดยเด็ดขาด...

                                                      (7)

                อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ไม่ว่า ทัวร์ลง ซักกี่ครั้ง ต่อกี่ครั้ง กี่รอบ ต่อกี่รอบ ยังไงๆ...น้าหงา ก็ยังคงเป็นน้าหงา น้าเนาว์ ก็ยังคงเป็น น้าเนาว์ อย่างแทบไม่มีทางเปลี่ยนแปรไปเป็นอื่น เป็นอะไรที่เคยฝากสิ่งดีๆ ฝาก รอยเท้า เอาไว้ให้กับยุคสมัย ไม่ว่ายุคนั้นยุคนี้ หรือยุคโน้น จะเปลี่ยนแปลงไปในสภาพใด หรือในลักษณะใดๆ ก็ตาม เพียงเท่านี้...ก็ย่อมต้องถือเป็น คุณูปการ เป็นสิ่งที่บรรดาผู้ซึ่งยังคงหลงเหลือความ กตัญญูรู้คุณ ทั้งหลาย พึงต้องหัดรู้จักอั้นขี้ อั้นเยี่ยว เอาไว้มั่ง ไม่ใช่พอลงจากสนามบิน แล้วเป็นอันต้องตรงดิ่งไปยัง วัดร่องขุ่น อย่างชนิดหื่นกระหายและกระเหี้ยนกระหือรือเป็นอย่างยิ่ง...

                              ----------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"