รัฐวิกตอเรียประกาศ'ภัยพิบัติโควิด' เมลเบิร์นเคอร์ฟิว


เพิ่มเพื่อน    

คุมไวรัสไม่ได้ รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียประกาศภาวะภัยพิบัติโควิด-19 เมื่อวันอาทิตย์ พร้อมบังคับใช้เคอร์ฟิวยามวิกาลในนครเมลเบิร์น ห้ามเดินทางไกลจากบ้านเกิน 5 กม. รื้อฟื้นการเรียนทางไกล ขณะทั่วโลกติดเชื้อใกล้ 18 ล้าน สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ผ่านหลัก 5 แสนแล้ว

ถนนคอลลินส์ในเมืองเมลเบิร์นร้างรถสัญจรหลังเวลา 20.00 น.วันอาทิตย์ ภายหลังเคอร์ฟิวมีผลบังคับใช้

    นครเมลเบิร์นของรัฐวิกตอเรีย ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์นาน 6 สัปดาห์เพื่อให้ประชาชนอยู่กับบ้านมาตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคม แต่ยังไม่สามารถควมคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นสถิติใหม่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันอาทิตย์ที่ 2 สิงหาคม 2563 แดเนียล แอนดรูวส์ มุขมนตรีรัฐวิกตอเรีย จึงตัดสินใจประกาศภาวะภัยพิบัติทั่วรัฐ และบังคับใช้เคอร์ฟิวที่เมืองเมลเบิร์น ระหว่างเวลา 20.00 - 05.00 น. เป็นเวลา 6 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่ค่ำวันอาทิตย์

    มาตรการเคอร์ฟิวนี้จะห้ามประชากรเกือบ 5 ล้านคนของเมลเบิร์นออกจากบ้าน ยกเว้นต้องออกไปทำงานหรือต้องทำหน้าที่ดูแลหรือรับการดูแลทางการแพทย์ และยังจำกัดเวลาที่ประชาชนได้ออกกำลังกายนอกบ้านไว้วันละ 1 ชั่วโมง, ห้ามเดินทางไกลจากบ้านเกินรัศมี 5 กิโลเมตร และแต่ละครัวเรือนสามารถออกไปซื้อสิ่งของจำเป็นได้วันละ 1 คน นอกจากนี้ยังห้ามจัดงานแต่งงานด้วย ส่วนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทุกแห่งต้องเปลี่ยนไปเรียนทางไกลตั้งแต่วันพุธ ซูเปอร์มาร์เก็ตยังเปิดทำการได้ ส่วนร้านอาหารซึ่งห้ามกินที่ร้าน ยังค้าขายต่อได้เฉพาะบริการนำกลับและส่งถึงบ้าน

    แอนดรูวส์กล่าวว่า เนื่องจากการแพร่เชื้อในชุมชนอยู่ในระดับสูงจนไม่อาจยอมรับได้ เขาจึงประกาศภาวะภัยพิบัติ และจะยกระดับการควบคุมขึ้นสู่ระยะ 4 ไปถึงวันที่ 13 กันยายน ซึ่งจะมีการบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดและจริงจังขึ้น ไม่มีการผ่อนผันหรือแค่ตักเตือนอีกต่อไป

    เขาเสริมด้วยว่า รัฐบาลจะประกาศข้อบังคับเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่ทำงานในวันจันทร์ บ่งบอกเป็นนัยว่าธุรกิจที่ไม่จำเป็นอาจถูกสั่งปิดชั่วคราว

    ในวันอาทิตย์ รัฐวิกตอเรียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่อีก 671 คน และเสียชีวิตเพิ่มอีก 7 คน ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั่วออสเตรเลียมีเกือบ 18,000 รายแล้ว เสียชีวิต 208 ราย โดยรัฐอื่นๆ นอกเหนือจากวิกตอเรียและนิวเซาท์เวลส์ซึ่งนครซิดนีย์เป็นศูนย์รวมการแพร่เชื้ออีกแห่ง ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่หรือมีเพียงไม่กี่ราย หลังจากรัฐบาลกลางผ่อนคลายมาตรการ

    จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกถึงวันอาทิตย์มีไม่ต่ำกว่า 17.8 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 685,000 ราย สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด 4,620,502 ราย และ 154,449 ราย ตามลำดับ บราซิลมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับสองของโลก 2,707,877 ราย เสียชีวิต 93,563 ราย อินเดียมีผู้ติดเชื้อมากอันดับสามที่ 1,750,723 ราย ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตมากอันดับสามเปลี่ยนเป็นเม็กซิโก ที่ 47,472 ราย แทนที่สหราชอาณาจักร 46,278 ราย

    เมื่อวันเสาร์ กระทรวงสาธารณสุขแอฟริกาใต้รายงานว่า ผู้ติดเชื้อยืนยันในประเทศมี 503,290 ราย แล้ว มากเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ใน 3 อยู่ที่จังหวัดเกาเต็งที่เป็นศูนย์กลางทางการเงิน ส่วนผู้เสียชีวิตมีเพียง 8,153 ราย ประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา กล่าวว่า อัตราการเสียชีวิตของประเทศต่ำแค่ 1.6%.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"