ป่วยโควิดเป็นศูนย์ บิ๊กตู่ลั่นพลิกวิกฤติ ฟื้นศก.ดีกว่าเดิม!


เพิ่มเพื่อน    

 "บิ๊กตู่" ลั่นใช้วิกฤติไวรัสโควิดเป็นโอกาสพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับมาดีกว่าเดิม บอกโขนเลิกรบกันแล้วต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบ เฮ! ไทยผู้ป่วยใหม่เป็นศูนย์ กรมควบคุมโรคเผยคืบหน้าวัคซีน คาดเร็วสุดอีก 6 เดือนจากนี้ได้ใช้ นายกฯ ห่วงใยเจ้าหน้าที่ไทยติดโควิดจากการช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ กำชับดูแลรักษาอย่างดีพร้อมส่งกำลังใจ

    เมื่อวันจันทร์ เวลา 15.00 น. ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ประจำปี พ.ศ.2563 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า วันนี้แม้เราเผชิญวิกฤติจากสถานการณ์โควิด-19 แต่เชื่อมั่นว่าเราจะใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาส โดยในหลายๆ เรื่องรัฐบาลพยายามทำอยู่และทำต่อไป เพื่อให้เกิดโอกาสและพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับมาดีกว่าเดิม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากประชาชนทุกภาคส่วนในการรวมไทยสร้างชาติ
    "วันนี้โขนก็เลิกรบกันไปแล้ว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อยก็แล้วกัน  เพื่อที่จะเดินหน้าไปได้ ไม่เช่นนั้นสถานการณ์โควิดจะเป็นตัวเหนี่ยวรั้งเศรษฐกิจของเราไปเรื่อยๆ ดังนั้นความสงบเรียบร้อยเป็นสิ่งสำคัญ คิดว่าคนไทยเข้าใจดีตรงนี้ จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันนำพาประเทศชาติให้ไปสู่อนาคตอันยั่งยืน ตามแนวพระราชเสาวนีย์ที่มีรับสั่งไว้เสมอมา" พล.อ.ประยุทธ์?ระบุ
    ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ธนรักษ์ ผลิพัฒน์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในประเทศไทยว่า วันนี้ไม่มีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,351 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 2,444 ราย และตรวจพบในสถานที่กักตัวของรัฐ 414 ราย ผู้ป่วยหายเพิ่มขึ้น 9 ราย ยอดหายป่วยสะสม 3,160 ราย ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 133 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกยอดผู้ติดเชื้อรวม  20,024,263 ราย รักษาหายแล้ว 12,898,238 ราย เสียชีวิต 733,995 ราย
    นพ.ธนรักษ์กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์ต่างประเทศที่น่าสนใจคือเวียดนาม การระบาดระลอกนี้มีผู้ติดเชื้อมากกว่ารอบที่แล้ว ทางการเวียดนามพยายามควบคุมสถานการณ์ ซึ่งช่วงหลังตัวเลขผู้ป่วยรายใหม่ค่อนข้างชะลอตัว แต่ในปัจจุบันการสอบสวนโรคของเวียดนามในการเกิดโควิดระลอกใหม่ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ มีเพียง 2 สมมติฐานที่ยังไม่ตัดทิ้ง คือ 1.อาจมีผู้ป่วยหลงเหลือในประเทศ และ 2.การนำเข้าเชื้อจากต่างประเทศ ที่บางคนอาจมองว่ามีช่องโหว่ในการกักกัน หรือเรื่องการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งไทยก็ต้องเรียนรู้จากเขาเหมือนกัน
    รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาวัคซีนว่า จนถึงปัจจุบันมีวัคซีนที่เข้าสู่การทดสอบในระยะที่ยังไม่เริ่มทดสอบในมนุษย์ และระยะที่เริ่มทดสอบในมนุษย์แล้วทั้งหมดกว่า 180  ชนิด โดยตอนนี้อยู่ในระยะทดสอบการเข้าสู่การทดสอบในมนุษย์ 135 วัคซีน เริ่มทำการทดสอบในมนุษย์แล้ว 38 วัคซีน โดยยังอยู่ในระยะที่ 1 จำนวน 18 วัคซีน ระยะที่ 2 จำนวน 12 วัคซีน ระยะที่ 3  อีก 7 วัคซีน และที่อนุมัติให้ใช้ในวงจำกัด 1 วัคซีน ส่วนที่มองว่าเราน่าจะมีวัคซีนใช้เร็วที่สุดเมื่อไหร่ คงจะ 6 เดือนจากช่วงนี้เป็นต้นไป ก็หวังว่าวัคซีนตัวใดตัวหนึ่งใน 7 ชนิดนี้น่าจะได้ผลจนสามารถจดทะเบียนมาใช้ในคนได้
    ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานต่างๆ พยายามอย่างเต็มที่ในการสนับสนุนการวิจัยและเตรียมความพร้อมเพื่อจัดหาวัคซีนมาใช้ให้ดีที่สุด อย่างไรก็ดี ในระหว่างรอวัคซีนเราควรเตรียมความพร้อมตนเอง ทั้งระดับบุคคล ระดับองค์กร หรือระดับชุมชนให้มีความพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น อย่าไปตั้งความหวังว่าไทยจะไม่มีผู้ป่วยรายใหม่อีกแล้ว แต่อยากให้ตั้งความหวังว่าหากเจอผู้ป่วยรายใหม่จะไม่เกิดการแพร่ระบาดในประเทศไทย
    เมื่อถามว่า ประเทศไทยจะเกิดการระบาดในระลอกที่ 2 หรือระลอกที่ 3 หรือไม่ นพ.ธนรักษ์กล่าวว่า คิดว่าเราจะกลับมาเจอผู้ป่วยใหม่ได้อีกครั้งซึ่งมีโอกาสค่อนข้างสูง แต่หวังว่าจะไม่มีการระบาดหรือเป็นเพียงการระบาดในวงจำกัด และเราสามารถควบคุมโรคได้ในเวลาอันสั้น และหากคนไทยยังให้ความร่วมมือดี เราอาจเจอผู้ป่วยแต่จะไม่มีการระบาด ทั้งนี้ยิ่งเราผ่อนคลายเท่าไหร่ ลดหย่อนความเข้มข้นในการป้องกันตัวเองเท่าไหร่ ความเสี่ยงในการกลับมาแพร่ระบาดของโรคจะสูงเท่านั้น อย่างเช่นประเทศเวียดนามที่มีการผ่อนคลายต่างๆ ก็กลับมาระบาดได้อีกครั้ง
    เมื่อถามว่า บนพื้นฐานของความเสี่ยงที่อาจพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ คนไทยควรปฏิบัติตัวและติดตามข่าวสารอย่างไร นพ.ธนรักษ์กล่าวว่า ระยะนี้มีข่าวปลอมค่อนข้างเยอะ อยากให้รับฟังข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ทั้ง ศบค.และหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข อย่าแชร์ข่าวปลอมและข่าวที่ไม่แน่ใจ
    น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ห่วงใยและสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศดูแลข้าราชการไทยในสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ที่ได้รับเชื้อโควิด-19 ให้เป็นอย่างดี  ซึ่งทราบว่าขณะนี้ข้าราชการดังกล่าวได้เข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาลและมีแพทย์ดูแลอาการอย่างใกล้ชิดแล้ว
    ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอส่งกำลังใจถึงเจ้าหน้าที่ไทยทุกคน ทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ ขอให้ดูแลรักษาสุขภาพและให้มีความปลอดภัย เข้าใจดีว่าทุกคนทำหน้าที่อย่างทุ่มเทและเสียสละ เป็นตัวแทนของประเทศไทยเพื่อดูแลความเป็นอยู่ ให้คำแนะนำ ตลอดจนอำนวยความสะดวกให้ชาวไทยในต่างประเทศ พร้อมชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ส่งผลให้ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์โควิด-19 เจ้าหน้าที่ไทยมีส่วนช่วยในการพาชาวไทยกลับมาจากต่างประเทศแล้วกว่า 6 หมื่นคน.


   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"