ต้องบอกว่าเริ่ม “นับหนึ่ง” สำหรับรัฐบาลประยุทธ์ 2/2 หลังจากเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2563 มีพระบรมราชโองการ แต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ จำนวน 6 ราย 7 ตำแหน่ง โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้นำ รมต.ป้ายแดง (ส่วนใหญ่) ทั้ง “ดอน ปรมัตถ์วินัย” รองนายกฯ, “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน, “อนุชา นาคาศัย” รมต.ประจำสำนักนายกฯ, “ปรีดี ดาวฉาย” รมว.การคลัง, เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม, “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน และ “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รมช.แรงงาน เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว...๐

แต่ดูเหมือนแต่ละรัฐมนตรีจะยังไม่เข้ากระทรวง เพราะคงต้องดูฤกษ์ดูยามกันก่อน เห็นที่ฟิตปั๋งคงมีแต่ “อาจารย์เอนก” รมว.อว.คนเดียวที่เข้าทำเนียบรัฐบาลเริ่มงานแล้ว ในขณะที่ “รมช.แหม่ม” บอกว่าต้องรอนายกฯ และ รมว.แรงงานแบ่งสรรหน้าที่ให้ก่อน แหม!!! อยากจะบอกว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ ถ้าทำงานได้ยิ่งเร็วยิ่งดี เพราะคงไม่มีช่วงหวานชื่นฮันนีมูนเหมือนที่ผ่านมานะตัวเอง...๐

ปกติหากไม่เกิดเหตุการณ์ “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ก็เชื่อว่าการถวายสัตย์ฯ ครั้งนี้จะถูกจับตาอย่างมาก โดยเฉพาะในคำกล่าวถวายสัตย์ปฏิญาณของ “พล.อ.ประยุทธ์” แต่เมื่อเกิดม็อบนิสิต-นักศึกษา (หรือเปล่า) ก็ทำให้เรื่องดังกล่าวถูกลดทอนลง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็น “ลาภ” หรือ “ทุกข์” ของลุงตู่กันแน่...๐

น่าสนใจอย่างยิ่งกับปรากฏการณ์ “ธรรมศาสตร์จะไม่ทน” ซึ่งมีข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ผุดจากเดิม 3 ข้อ ซึ่งสังคมเริ่มมีกระแสขานรับ แต่เมื่อมีการเพิ่มเติมขึ้นมาเป็น 10 ข้อ และส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมากลับเป็นเรื่องของสถาบันเบื้องสูง ก็ทำให้เกิดกระแสตีกลับอย่างมาก และยิ่ง มีการโฟนอินเข้ามาของ “ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์” รวมถึงการฉายภาพโปรเจ็กเตอร์ขนาดยักษ์บนเวที ซึ่งเป็นรูป “สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” และ “ปวิน” ที่เป็นผู้ต้องหาหนีคดี มาตรา 112 ซึ่งลี้ภัยอยู่ต่างประเทศประกอบข้อความล้อเลียนต่างๆ ก็ยิ่งทำให้สังคมเคลือบแคลงว่าเป้าประสงค์ตอนนี้ยังอยู่ที่ 3 ข้อ หรือเกินเลยเรื่องดังกล่าวไปแล้ว...๐

จึงไม่แปลกอีกเช่นกันที่หลายภาคส่วนแสดงความไม่พอใจ รวมทั้งเรียกหาความรับผิดชอบจากผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ที่ข้องใจมากที่สุดและยังไม่มีคำตอบจากกลุ่มผู้ชุมนุมและม็อบเลยคือ งบประมาณในการจัดกิจกรรมที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง ซึ่งมีการตีมูลค่ากันว่าสูงถึงระดับหลายแสนจนถึงระดับล้านบาทนั้น “ท่อน้ำเลี้ยง” ได้แต่ใดมา...๐

น่าฉงนที่บรรดาผู้ที่สนับสนุนนิสิต-นักศึกษาดังกล่าวไม่เคยมีการเอ่ยอ้างถึงเรื่องเหล่านี้เลย และที่น่าสนใจคือ การออกแถลงการณ์สนับสนุนนั้นเหมือนเป็นการ “แพทเทิร์น” เดียวกันไม่มีผิดเพี้ยน ตั้งแต่แถลงการณ์ของ “องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์” ที่ระบุว่าประเด็นดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ขัดต่อกฎหมาย แต่เป็นการแสดงออกซึ่งทำได้ตาม “รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560” และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง พร้อมระบุว่าผู้บริหาร มธ.ไม่ต้องแสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น...๐

ส่วนบรรดาคณาจารย์อีกนับร้อยรายจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ได้ร่วมลงชื่อและระบุอีกเช่นกันว่า การปราศรัยในข้อเรียกร้อง 10 ข้อดังกล่าวเป็นการแสดงออกซึ่งความคิดเห็นอย่างสุจริตและเป็นไปตามขอบเขตของกฎหมาย ดังบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2563 มาตรา 34 และสอดคล้องกับ หลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ซึ่งรัฐไทยให้พันธกรณีอย่างกติกาสากลว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งในรายชื่อนั้นก็น่าคิดอย่างมากว่ากลับ ไม่มีชื่อของ “ปริญญา เทวานฤมิตรกุล” รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต ซึ่งเป็นผู้อนุมัติให้ใช้พื้นที่แต่ประการใด...๐

ถือเป็นเรื่องดีประการหนึ่งที่บรรดาคณาจารย์เปิดหน้าเปิดตัวออกมาสนับสนุน 10 ข้อของม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทน เช่นเดียวกับกลุ่ม ก้าวหน้า ซึ่งมี “น.ส.พรรณิการ์ วาณิช” ออกตัวมาแล้วไม่ต่างจาก “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ประกาศสนับสนุนข้อเสนอดังกล่าวเช่นกัน เรียกว่าเป็นการเปิดตัวไม่เป็นอีแอบกันแล้ว ซึ่งก็ได้แต่หวังว่าเมื่อถึงช่วงชี้เป็นชี้ตายขึ้นมา บรรดานักการเมืองและคณาจารย์เหล่านี้อย่าหลบหลังเด็กๆ ก็แล้วกัน และเรื่องดังกล่าวก็คงต้องไปพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม เพราะ ล่าสุด “ศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยก็ได้ออกแถลงการณ์เช่นกัน เรียกร้องให้ตำรวจเร่งจับกุมและดำเนินคดีกับ 31 แกนนำม็อบธรรมศาสตร์จะไม่ทนแล้ว...๐