โฆษก ทร. เดือดฟาดกลับนักการเมืองปั้นข่าวเท็จ-เกลียดกองทัพ 'ส.ส.ก้าวไกล' สอนต้องเป็นกลาง


เพิ่มเพื่อน    

24 ส.ค.63 - ที่กองบัญชาการกองทัพเรือ พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการทหารเรือ สายงานกิจการพลเรือน ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ แถลงข่าวกรณีเหตุผลความจำเป็นในการจัดหาเรือดำน้ำ โดย พล.ร.ท.ประชาชาติ กล่าวถึงกรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีกองทัพเรือ เปิดเผยเอกสารลับการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า เป็นการพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริงนำไปซึ่งความแตกแยก นำมาสู่ความเกลียดชังต่อกองทัพและเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และนำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง และที่กล่าวหาว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เป็นสัญญาเก๋ ก็ไม่เป็นความจริง จำนำข้าว ที่พรรคเพื่อไทย ทำต่างหากที่เป็น จีทูจีเก๊ และไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจีอย่างถูกต้องโปร่งใส ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องการเมือง พร้อมชี้แจงว่าการจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้จ่ายทั้งก้อน 2.25 หมื่นล้านบาท ในคราวเดียว ปี 64 ทั้งหมด

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า การบอกว่าทร.ใช้เงินฟุ่มเฟือยเป็นข่าวเท็จที่มุ่งหวังประโยชน์ทางการเมือง เป็นสิ่งที่เห็นแก่ตัวที่สุด ถามว่าจะยอมให้นักการเมืองสร้างเรื่องที่ไม่เป็นจริงให้บ้านเมืองเดือดร้อนหรือ ถ้านักการเมืองหมดมุกแล้ว ก็หามุกอื่นเถอะ อย่าสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้ ทร. เลย อย่าให้สังคมตกเป็นเครื่องมือการเมืองในวิถีเก่าๆ และสกปรกแบบนี้อีกเลย อย่าดึงประชาชนมาเกลียดชังกองทัพเรือ ตอนนี้ปัญหาต่างๆ ถาโถมมาหลายเรื่อง การต่อสู้การเมือง ระหว่างรัฐบาล กับฝ่ายค้าน จะทำให้ประเทศชาติหยุดชะงัก และทร.ไม่ใช่จำเลย จึงวิงวอนว่าให้ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อเห็นแก่ความสุขสงบประเทศป็นหลักด้วย

ทั้งนี้ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้น นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เข้าร่วมสังเกตการณ์แถลงข่าวครั้งนี้ ก็ได้ลุกขึ้นสอบถามกับคณะแถลงข่าวของกองทัพเรือ โดยนายพิจารณ์ กล่าวว่า คำชี้แจงของกองทัพเรือครั้งนี้ ไม่ได้ปรากฎในการชี้แจงของคณะอนุกรรมาธิการฯ และขอให้กองทัพวางตัวเป็นกลาง ลักษณะการพูดที่เหน็บแหนม และลดทอนความน่าเชื่อถือของตัวบุคคล ตนคิดว่า พฤติกรรมนี้ไม่ทำให้กองทัพเรือได้รับความนิยมชมชอบจากประชาชน และตนได้ยินแต่คำว่าโควิดในการแถลงข่าว แต่ไม่ได้ยินคำว่า วิกฤติเศรษฐกิจ ดังนั้น จึงอยากสอบถามกองทัพเรือว่า มีแนวทางลดงบประมาณจากกำลังพลอย่างไร

ทำให้พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ ได้กล่าวขออภัยหากมีการพาดพิง เพียงแต่อยากชี้แจงวัตถุประสงค์ของการจัดหาเรือดำน้ำ พร้อมยืนยัน ก็มีแผนที่ลดกำลังพลต่อไป แต่เป็นเรื่องภายในของกองทัพเรือ

จากนั้นสื่อมวลชนได้สอบถามว่า กองทัพเรือจะฟ้องร้องบุคคลหรือพรรคการเมืองที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อองค์กรหรือไม่ พล.ร.อ.สิทธิพร กล่าวว่า หน่วยงานจะพิจารณาต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไร

เมื่อถามว่า หากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 มีมติไม่เห็นชอบการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 จะได้รับผลกระทบอย่างไรนั้น พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ กล่าวว่า หากไม่สามารถซื้อได้ในปีงบประมาณ 2564 ก็ไม่มีค่าปรับอะไร แต่เกรงว่า จะเกิดปัญหาเรื่องราคาที่อาจจะสูงขึ้นมาก ตลอดจนจะกระทบความน่าเชื่อถือในเชิงพาณิชย์ ทั้งที่ไทยจะได้แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับจีน

เมื่อถามว่า ในเมื่อไม่มีค่าปรับนั้น สามารถเลื่อนไปอีกได้หรือไม่ เพราะขณะนี้มีการกล่าวหาว่ากองทัพเรือหวงโปรโมชั่นของแถมกว่า 2,100 ล้านบาท พล.ร.อ.สิทธิพร กล่าวว่า ยอมรับว่าหากเลื่อนไม่มีค่าปรับจริง แต่เราต้องเริ่มการเจรจาใหม่ทั้งหมด รวมถึงกระบวนการต่างๆ ซึ่งไม่ใช่ว่ากองทัพเรือหวงแก่ได้โปรโมชั่นหรือของแถม แต่ถ้าได้ก็เอา เราพยายามแสดงให้เห็นข้อเท็จจริง โดยเฉพาะเรื่องการจัดสรรงบประมาณ และยืนยันว่าทร. มียุทธศาสตร์ และจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไป

ส่วนที่มีข่าวกระแสผู้ใหญ่ในรัฐบาลล๊อบบี้คณะอนุกรรมาธิการฯโหวตผ่านการจัดหาเรือดำน้ำ พล.ร.อ.สิทธิพร กล่าวว่า กองทัพเรือมีหน้าที่การชี้แจงเท่านั้น ไม่มีหน้าที่อื่น และยืนยันว่าชี้แจงตามข้อเท็จจริง

นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และประธานวิปพรรคก้าวไกล ให้ สัมภาษณ์ภายหลังการแถลงข่าวความจำเป็นในการจัดหาเรือดำน้ำ ของกองทัพเรือ ว่า การชี้แจงของกองทัพเรือวันนี้ เนื้อหาเหมือนกับตอนที่ชี้แจง ในชั้นคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ICT รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร แต่มีเนื้อหาเพิ่มเติมในส่วนของการตอบโต้นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ซึ่งทางตนได้เตรียมข้อมูลไว้แลกเปลี่ยนกันในชั้นคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ ซึ่งทางกองทัพเรือยืนยันว่าจำเป็นที่จะต้องมีการจัดหาเรือดำน้ำ แต่เรามองว่าไม่จำเป็นอย่างไร ที่ผ่านมาเราพยายามให้เหตุผล เพื่อโน้มน้าวอนุกรรมการทุกท่าน ในการลงมติ แต่ผลของการลงมติก็เป็นอย่างที่เห็น

เมื่อถามว่า ส่วนตัวยังคงมองว่า จะต้องผลักดันในเรื่องที่ไม่ให้กรรมาธิการลงมติเห็นชอบ นายพิจารณ์ กล่าวว่า แน่นอน จริง ๆ แล้วเราอาจจะไม่ได้เรือดำน้ำลำแรก เมื่อปีงบประมาณ 60 ด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ไม่ใช่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และถ้าไม่ใช่การผ่านงบประมาณโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตอนนี้ถือว่า เรื่องมันเลยผ่านมาแล้ว ได้ลำที่ 1 มาแล้ว ขณะนี้กำลังพิจารณาลำที่ 2 และลำที่ 3 ซึ่งทางกองทัพเรือได้ให้เหตุผลเรื่องความมั่นคง หลายประเด็น ตนคิดว่าบางประเด็น เช่น ประเทศอื่น ๆ มีเรือดำน้ำแล้ว ก็อาจต้องมองในเชิงลึก เพราะแต่ละประเทศมีภัยคุกคามที่ต่างกัน มีภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งหากถามว่าของประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องมีขนาดนั้นหรือไม่ ก็ยืนยันว่าอาจจะต้องทบทวน หรือในเรื่องการรักษาผลประโยชน์ ทางทะเล 24 ล้านล้านบาทต่อปี ขีดความสามารถบนน้ำ และทางอากาศ ก็สามารถทำได้เช่นกัน

"ประเด็นที่ทุกคนในสังคม โดยเฉพาะส.ส. ฝั่งฝ่ายค้าน ต่างพูดเหมือนกัน คือเราเลื่อนออกไปก่อนได้หรือไม่ ภายใต้สถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิจเช่นนี้ ซึ่งเมื่อปี 2540 ตอนรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ก็เคยทำมาแล้ว ในการยกเลิกสั่งซื้อเครื่องบิน F-18 ซึ่งขณะนั้นมีการมัดจำไปแล้ว ดังนั้นในครั้งนี้ภายใต้เอกสารข้อตกลงต่าง ๆ ที่เรามีร่วมกันกับทางประเทศจีน ก็ยังเปิดโอกาสให้เราสามารถเลื่อนออกไปได้อยู่ อีกประเด็นคือเมื่อตอนปี 2563 ที่มีการโอนงบประมาณ ทางกองทัพได้ชี้แจงว่าได้เสียสละเลื่อนงวดที่ 1 ออกไป แต่ตนมองอีกมุมหนึ่งว่า ในมติครม.ระบุไว้ว่า งบประมาณที่จะต้องใช้ จะต้องมีการผูกพันงบประมาณ มีการลงนามเซ็นสัญญา ก่อนวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งแปลว่าโครงการใดที่ไม่ได้เซ็นก่อนหน้านั้น ก็ต้องพิจารณาที่จะปรับลดลงไป"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"