26 ส.ค.2563- การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2564 ในวันนี้พุธที่ 26 ส.ค. ตกอยู่ในความสนใจของหลายฝ่าย เพราะตามวาระมีรายงานว่าที่ประชุม กมธ. ชุดใหญ่จะมีการพิจารณางบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานต่างๆ ที่  คณะอนุกรรมาธิการ 8 คณะได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว

ประเด็นที่หลายฝ่ายสนใจก็คือ งบการจัดซื้อเรือดำน้ำ  2 ลำจากจีน มูลค่ารวม 22,500 ล้านบาท  ที่มีข่าวว่าคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 64 สภาผู้แทนราษฎรจะมีการนำเสนอรายงานและความเห็นการพิจารณาโครงการดังกล่าวซึ่งอนุกรรมาธิการมีมติ 5 ต่อ 4 เห็นชอบโครงการดังกล่าว ต่อที่ประชุมใหญ่ กมธ.งบ จนเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว จนกองทัพเรือต้องเปิดแถลงข่าวชี้แจงงบดังกล่าวไปแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาและล่าสุดที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ก็มีมติให้กรรมาธิการงบของพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมด จำนวน 7 คน ต้องโหวตไม่เห็นชอบงบดังกล่าวของกองทัพเรือ 

แต่ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า กมธ.ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาจใช้วิธีการพิจารณาในภาพรวมแต่ไม่มีการหยิบยกประเด็นเรื่องงบเรือดำน้ำมาพิจารณาแบบลงลึก โดยเฉพาะเลี่ยงการโหวตเสียงในห้องประชุมใหญ่  เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจตามมาได้ แต่ก็อาจมี กมธ.งบจากพรรคฝ่ายค้านรวมถึงประชาธิปัตย์อาจไม่เห็นด้วย และอาจขอเสนอให้ใช้วิธีออกเสียง

ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่า ที่ประชุมสภามีมติตั้งกมธ.งบจำนวน 72 คน แต่ต่อมาก็มีบางคนลาออกไปเช่น นายอุตตม สาวนายน อดีต รมว.คลัง หลังลาออกจากตำแหน่งตอนช่วงปรับ ครม. โดยที่ประชุมสภาเมื่อวันที่ 3  ก.ค. 2563 มีการตั้งกมธ.ชุดดังกล่าว 72 คน แยกเป็นสัดส่วนดังนี้ คณะรัฐมนตรี 18 คน, พรรคเพื่อไทย 15 คน, พรรคพลังประชารัฐ 13 คน, พรรคภูมิใจไทย 7 คน, พรรคก้าวไกล 6 คน , พรรคประชาธิปัตย์ 6 คน, พรรคชาติไทยพัฒนา 1 คน, พรรคเสรีรวมไทย 1 คน, พรรคประชาชาติ 1 คน, พรรคเศรษฐกิจใหม่ 1 คน, พรรครวมพลังประชาชาติไทย 1 คน, พรรคเพื่อชาติ 1 คนและพรรคพลังท้องถิ่นไท 1 คน

แต่ก็จะพบว่าในสัดส่วนของรัฐบาลหรือ ครม. 18 คน ก็จะมีนักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมอยู่ในโควตาดังกล่าวด้วย โดยเฉพาะรัฐมนตรีจากพรรคต่างๆ ทำให้ จากจำนวน กมธ.งบฯในส่วนของรัฐบาล หากตัดเสียงกมธ.งบของประชาธิปัตย์ออกไปทั้งหมดที่มี 7 เสียง  ก็จะทำให้ กมธ.งบฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลเหลืออยู่ประมาณ 40-41 คนก็เกินกึ่งหนึ่งอยู่ เว้นแต่จะมี กมธ.งบจากฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลบางคน อาจใช้วิธีไม่เข้าร่วมประชุมหรืองดออกเสียง ถ้าหากต้องมีการโหวตเรื่องดังกล่าว

ทั้งนี้ กมธ.งบจากพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย 1.น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส.อุบลราชธานี ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการงบฯชุดใหญ่คนที่สิบสี่ 14 2.นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่สิบหก 3.น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง 4.นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี 5.น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ 6.นายธีรภัทร พริ้งศุลกะ ส.ส.สุราษฏร์ธานี 7.นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ ที่เป็นรัฐมนตรีคนเดียวของประชาธิปัตย์ที่เข้าไปเป็นกมธ.งบในโควตารัฐบาล โดยเป็นที่ปรึกษา กมธ.งบฯ ส่วนนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู เข้าไปเป็นอนุ กมธ.ฯกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนฯ  ในโควตาพรรค