ยอดติดไวรัสรายใหม่พุ่ง เมียนมาขยายล็อกดาวน์ยะไข่ 3 ล้านคน


เพิ่มเพื่อน    

ทางการเมียนมาประกาศขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์ป้องกันไวรัสโควิด-19 ครอบคลุมทั่วทั้งรัฐยะไข่ กักกันประชาชนรวมกว่า 3 ล้านไว้ในเคหสถาน ขณะจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 36 ชั่วโมงเมื่อวันพุธมากกว่า 100 คน เป็นสถิติสูงสุดนับแต่พบผู้ป่วยรายแรกเมื่อเดือนมีนาคม

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันพุธที่ 26 สิงหาคม 2563 กล่าวว่า เมียนมาพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่อีกมากกว่า 100 รายภายในเวลา 36 ชั่วโมง ทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสะสมในเมียนมาเพิ่มเป็น 580 ราย โดยรัฐยะไข่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือเป็นที่ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุด ส่วนผู้เสียชีวิตยังจำนวนคงเดิมที่ 6 ราย

    เมืองซิตตเวที่เป็นเมืองเอกของรัฐนี้อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวยามวิกาลมาตั้งแต่สุดสัปดาห์ แต่เมื่อวันพุธ ทางการรัฐยะไข่มีคำสั่งให้ขยายการล็อกดาวน์ครอบคลุมอีก 4 เมือง ได้แก่ เจาะพยู, อ้าน, ตองโกบ และตานตเว "ประชาชนจาก 4 เมืองที่กล่าวถึงนี้ต้องอยู่บ้านเท่านั้น" คำสั่งที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์โกลบอลนิวไลต์ออฟเมียนมาของทางการ

    ต่อมาช่วงค่ำวันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขและการกีฬาออกแถลงการณ์ว่า สืบเนื่องจากการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นมาก ประชาชนในทุกเมืองของรัฐยะไข่ต้องอยู่กับบ้านเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่เชื้อ เท่ากับมาตรการล็อกดาวน์นี้ส่งผลต่อประชากร 3 ล้านคนของทั้งรัฐ

    มาตรการนี้จะอนุญาตให้เฉพาะยานพาหนะสำหรับการขนส่งเท่านั้น และยกเว้นให้แค่รถของข้าราชการและแรงงานโรงงาน นอกจากนี้แต่ละครอบครัวจะได้รับอนุญาตให้ออกไปจับจ่ายซื้อข้าวของได้เพียงคนเดียว

    จำนวนผู้ติดเชื้้อที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก่อความวิตกว่าจะส่งผลถึงกำหนดการเลือกตั้งทั่วไปของเมียนมาวันที่ 8 พฤศจิกายนหรือไม่

    ข้อมูลจากสำมะโนประชากรปี 2557 ซิตตเวมีประชากรที่เป็นชาวยะไข่มากกว่า 318,000 คน ส่วนอีก 4 เมืองนี้มีประชากรรวมกันประมาณ 560,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวยะไข่เช่นกัน โดยยังไม่นับรวมชาวมุสลิมโรฮีนจาตามค่ายต่างๆ ทางตอนเหนือของยะไข่ยังเป็นพื้นที่สู้รบระหว่างกองทัพอาระกันกับกองทัพเมียนมาที่ทำให้ชาวบ้านนับหมื่นๆ คนทิ้งถิ่นฐานไปอยู่ในค่ายอพยพหลายแห่ง

    เมื่อวันพุธ องค์การสหประชาชาติประกาศว่า เจ้าหน้าที่ของตนบางคนที่ทำงานในรัฐยะไข่และในค่ายผู้อพยพเหล่านี้ ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วย

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมียนมากล่าวกันว่า ไวรัสที่พบในผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่งตรวจพบเมื่อไม่นานมานี้เป็นไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดียวกับที่พบในมาเลเซีย และเคยพบในยุโรป, อเมริกาเหนือ และหลายพื้นที่ของเอเชีย และเชื่อว่ากันแพร่เชื้อได้ง่ายขึ้น

    ในภูมิภาคอาเซียน ฟิลิปปินส์มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดที่ 202,361 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เมื่อวันพุธอีก 5,277 ราย และมีผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 99 ราย ยอดรวมผู้เสียชีวิตเป็น 3,137 ราย ส่วนอินโดนีเซียมีผู้ติดเชื้อมากรองลงมาที่ 160,165 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่อีก 2,306 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 86 ราย ยอดรวมผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มเป็น 6,944 ราย สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อมากเป็นอันดับสามของอาเซียนที่ 56,495 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพียง 60 รายในวันพุธ และมีผู้เสียชีวิต 27 ราย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"