นักการเมืองท้องถิ่นสะดุ้ง!มท.ชงกฎหมายเกี่ยวกับท้องถิ่นสุดเข้ม


เพิ่มเพื่อน    

แฟ้มภาพ

24 เม.ย.61 -  พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีเสนอความเห็นให้ปรับแก้คุณสมบัติผู้ลงสมัครเป็นผู้บริหารในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในกรณีเคยเกี่ยวข้องกับการทุจริตเพื่อไม่ให้ลงสมัครลงเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งถัดไปว่า เรื่องนี้อยู่ในการพิจารณา ตามที่มีการเสนอมา ขอให้ดูผลการพิจารณาก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาที่กระทรวงมหาดไทย ได้เสนอขอความเห็นชอบมาตรการบังคับใช้กฎหมายเพื่อดำเนินการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นเนื่องจากมีพฤติกรรมในทางทุจริต หลังจากก่อนหน้านี้ที่ประชุม ครม.เคยมอบหมายให้ มท. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปพิจารณาศึกษาแนวทางและความเหมาะสมเป็นไปได้ถึงข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาเมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด หรือกรณีผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นได้กระทำทุจริตได้ เพราะกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปัจจุบันมีข้อจำกัดและขาดความชัดเจน เมื่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นถูกตรวจสอบว่ากระทำทุจริต บุคคลนั้นจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อหลีกเลี่ยงมิให้มีการสอบสวนและวินิจฉัยสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง

สำหรับข้อสรุประหว่าง มท. และ สคก. ในประเด็นดังกล่าวได้กำหนดให้ มท.พิจารณาข้อมูล เอกสาร พร้อมทั้งความเห็นของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ได้มีมติชี้มูลความผิด โดยมอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการสอบสวนและวินิจฉัยสั่งให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่งหรือสิ้นสุดสมาชิกภาพ หรือนำผลการสอบสวนดังกล่าวไปสู่การดำเนินคดีในทางอาญาและทางแพ่งต่อไปตามกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้ง อปท.

นอกจากนี้ มท. และ สคก. เห็นควรให้แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้ง อปท. รวมทั้งกฎหมายการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น ตามข้อเสนอของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ให้เพิ่มบทบัญญัติ “การไม่เป็นผู้มีพฤติกรรมในทางทุจริต” เป็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการเป็นผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งในทุกตำแหน่ง โดยครั้งนี้ มท. ได้ขอแก้ไขลักษณะของบุคคลซึ่งต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นใน พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 ประกอบด้วย บุคคลผู้ที่อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง, เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต, เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง, เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่า เป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตราทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นอกจากนี้ มท.ยังเสนอเพิ่มบทกำหนดโทษกรณีบุคคลซึ่งรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดสิบปี

ขณะเดียวกัน ยังมีการแก้ไขเกี่ยวกับการสอบสวน การวินิจฉัย และการสั่งให้สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่ง โดยกำหนดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสอบสวนและวินิจฉัยโดยเร็ว แม้ว่าสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วไม่ว่าด้วยเหตุผลใด เว้นแต่เพราะตาย รวมทั้งหากผลการสอบสวนปรากฏว่ามีเหตุตามที่ดำเนินการสอบสวน ให้ผู้ว่าราชการสั่งให้สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นผู้นั้นพ้นจากตำแหน่ง ไม่ว่าผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยในคำสั่งดังกล่าวให้ระบุเหตุที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งไว้ และให้มีผลตั้งแต่วันที่ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่ง ถ้าในขณะที่มีคำสั่งดังกล่าวผู้นั้นกำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นอันเป็นผลจากการเลือกตั้งต่างวาระกันให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งที่กำลังดำรงอยู่ด้วย และให้ถือว่าวันที่สั่งให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นวันเริ่มนับระยะเวลาต้องห้ามการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ให้ผู้บริหารท้องถิ่นต้องไม่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำหรือให้แก่ส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้ส่วนเสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำกับหรือให้แก่ อปท. โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทนหรือเอื้อประโยชน์ส่วนตัวระหว่างกัน และ มท.ยังเสนอให้เพิ่มเติมประเด็นที่กำหนดให้ผู้บริหารท้องถิ่นต้องไม่ทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหน้าที่และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ไม่จงใจปฏิบัติตามกฎหมาย หรือมติ ครม. อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

ในส่วนของการดำเนินเกี่ยวกับการสอบสวน วินิจฉัย และการสั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่นพ้นจากตำแหน่ง ยังแก้ไขให้สามารถดำเนินการสอบสวนแก่ผู้ถูกกล่าวหาได้ในทุกกรณีแม้ถูกผู้กล่าวหานั้นจะพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม และ มท.เสนอให้เพิ่มเติมข้อกำหนดว่า ถ้าเห็นว่าผู้ถูกสอบสวนมีพฤติการณ์ตามที่ถูกสอบสวน ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเสนอผลการสอบสวน พร้อมความเห็นต่อ รมว.มหาดไทย ภายในห้าสิบวันนับแต่วันที่สอบสวนเสร็จ และให้ รมว.มหาดไทย สั่งให้ผู้ถูกสอบสวนพ้นจากตำแหน่ง ไม่ว่าผู้นั้นจะได้พ้นจากตำแหน่งไปก่อนแล้วหรือไม่ก็ตาม โดยในคำสั่งดังกล่าวให้ระบุเหตุผลที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งไว้  และให้มีผลตั้งแต่วันที่ รมว.มหาดไทย มีคำสั่ง

“ถ้าในขณะที่มีคำสั่งดังกล่าวผู้นั้นกำลังดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นอันเป็นผลจากการเลือกตั้งต่างวาระกัน ให้ผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งที่กำลังดำรงอยู่ด้วย และให้ถือว่าวันที่สั่งให้พ้นจากตำแหน่งดังกล่าวเป็นวันเริ่มนับระยะเวลาต้องห้ามการใช้สิทธิรับสมัครเลือกตั้ง ทั้งนี้ คำสั่งของ รมว.มหาดไทย ตามมาตรานี้ให้เป็นที่สุด”  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"