อุทธรณ์ลดโทษ 'ไอ้ตั้ม-คู่หู' ฆ่าชิงไอโฟนบัณฑิตมศว.


เพิ่มเพื่อน    

บิดาและมารดานายวศิน เหลืองแจ่ม

24 เม.ย.61-ที่ห้องพิจารณาคดี 903 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีหมายเลขดำ อ.125/2560 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 และนางนิราพร เหลืองแจ่ม มารดาผู้เสียชีวิต ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายกิตติกร หรือตั้ม วิกาหะ อายุ 26 ปี  ชาว จ.สระแก้ว และนายสุพัฒชัย หรือเอ๊กซ์ จันทร์ศรี อายุ 25 ปี ชาว จ.อุทัยธานี  เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์ที่ตนกระทำผิดฯ, ฐานร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปในเวลากลางคืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยใช้ยานพาหนะ และร่วมกันพาอาวุธมีดไปในเมืองหรือหมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289 (7), 339 และ 371

คดีนี้อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 17 ม.ค. 2560 ระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2560 เวลากลางคืน จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือ จำเลยที่ 1 ได้นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นคนขี่ มาถึงบริเวณปากซอยสุคนธสวัสดิ์ 27 ถ.สุคนธสวัสดิ์ แขวง - เขตลาดพร้าว กทม. พบนายวศิน เหลืองแจ่ม หรือมะปิน บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ (มศว) ประสานมิตร กำลังถือโทรศัพท์มือถือยี่ห้อไอโฟน 6  ราคา 26,000 บาท จำเลยที่ 1 จึงใช้อาวุธมีดจี้ขู่เข็ญให้นายวศินยื่นโทรศัพท์ให้ แต่นายวศินต่อสู้ขัดขืน จึงถูกจำเลยใช้อาวุธมีดแทงทำร้ายนายวศินอย่างแรงหลายครั้งตามร่างกาย และลำคอจนถึงแก่ความตาย แล้วชิงโทรศัพท์มือถือผู้ตายหลบหนีไป กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมของกลาง 5 รายการ ส่งพนักงานสอบสวน สน.โคกคราม ดำเนินคดี โดยพนักงานอัยการได้คัดค้านการให้ประกันตัวด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะหลบหนี และเป็นการกระทำผิดโดยอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และเป็นคดีสะเทือนขวัญประชาชน อีกทั้งหลังก่อเหตุคดีนี้ ในคืนเดียวกันทั้งสองยังได้ก่อเหตุชิงทรัพย์ในท้องที่ สน.โชคชัย และวิ่งราวทรัพย์ท้องที่ สน.โคกคราม รวม 3 คดี ซึ่งเป็นภัยต่อสังคม จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสองสถานหนักด้วย ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิตจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นฯ ตามมาตรา 289 (7) ซึ่งเป็นบทหนักสุด และเมื่อพิจารณาถึงพฤติการณ์แล้ว จำเลยก่อเหตุร้ายแรง มีประวัติการก่ออาชญากรรมหลายครั้ง ยากแก่การปรับปรุงแก้ไขนิสัย และคำรับสารภาพเกิดจากการจำนนต่อพยานหลักฐาน จึงไม่มีเหตุลดโทษ ให้ประหารชีวิตสถานเดียว

วันนี้ศาลได้เบิกตัวจำเลยทั้งสองมาจากเรือนจำกลางบางขวาง ขณะที่นางนิราภรณ์ เหลืองแจ่ม มารดาของนายวศิน ในฐานะโจทก์ร่วม และบิดาของนายวศิน เดินทางมาศาลร่วมฟังคำพิพากษาด้วย

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า ตามพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้อง ที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ลดโทษนั้น แม้ว่าสิ่งที่จำเลยทั้งสองกระทำเป็นเรื่องร้ายแรง เป็นภัยต่อสังคม ทั้งยังมีประวัติถูกดำเนินคดีหลายคดี โดยคดียาเสพติดศาลก็มีคำสั่งให้ไปรับการบำบัด สำหรับคดีนี้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพโดยละเอียด ให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจ และยอมรับผ่านสื่อมวลชน แสดงว่ารู้สึกถึงความผิด จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพทั้งชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน ชั้นพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้ให้ลดโทษจำเลยทั้งสองคนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกตลอดชีวิต และนับโทษต่อจากคดีอื่นที่พิพากษาแล้ว

ด้าน นางนิราพร มารดาของนายวศิน เปิดเผยภายหลังศาลพิพากษาว่า ตนทำใจได้นานแล้ว และตอนนี้ไม่รู้สึกถือโทษโกรธเคืองใครทั้งสิ้น แต่มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาสังคม ที่อยากจะฝากภาครัฐและราชทัณฑ์ให้ดูแลนักโทษในเรือนจำ เพื่อให้ออกมากลับตัวกลับใจ ไม่ก่อเหตุซ้ำ ตนพูดในภาพรวมไม่ใช่แค่กรณีของลูกชายเท่านั้นทั้งนี้ ตนก็ได้ศึกษาธรรมะ และช่วยเหลือดูแลเด็กกำพร้า ซึ่งยอมรับว่า 2 สิ่งนี้ช่วยเรื่องสภาพจิตใจได้มาก เป็นการช่วยเหลือสังคม และเป็นการส่งผลบุญให้ลูกชายด้วย สำหรับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ออกมานั้น ทางครอบครัวตนคงไม่ยื่นฎีกาแล้ว แต่หากทางจำเลยจะขอยื่นฎีกา ก็เป็นสิทธิของฝ่ายจำเลย.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"