กบง.บี้ทุกหน่วยงานถกอุ้มค่าไฟประชาชนพร้อมตรึงราคาแอลพีจีถึงสิ้นปี


เพิ่มเพื่อน    

 

21 ก.ค. 2563 นายวัฒนพงษ์​  คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางลดภาระค่าไฟฟ้า โดยจะไปหารือกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) ในการทบทวนหลักเกณฑ์ทางการเงินให้มีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชน โดยให้หารือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ไปบริหารจัดการปริมาณกำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ก่อนนำกลับมาเสนอ กบง.อีกครั้ง 

“ปัจจุบันประเทศไทยมีปริมาณไฟฟ้าสำรอง 37-40% ของกำลังการผลิต เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่าเท่าตัวที่เคยอยู่ในระดับ 17% ดังนั้นจึงต้องทบทวนแผนการจ่ายไฟเชิงพาณิชย์(ซีโอดี)ของโรงไฟฟ้าต่างๆ รวมถึงการเร่งรัดแผนซื้อขายไฟฟ้าจากต่างประเทศเพื่อลดภาระการสำรองไฟฟ้าในประเทศที่สูงขึ้น ให้สอดคล้องกับเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านพลังงาน(เพาเวอร์ ฮับ)อาเซียน”นายวัฒนพงษ์ กล่าว 

นายวัฒนพงษ์ ​กล่าวว่า กบง.ยังเห็นชอบให้คงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี) อยู่ที่ 318 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม(กก.) ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 1 ต.ค.-31 ธ.ค.63 เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยใช้เงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาบริหาร คิดเป็นรายจ่ายประมาณ 450 บาทต่อเดือน ซึ่งตามกรอบวงเงินที่คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) กำหนดให้ใช้ได้ไม่เกิน 10,000 ล้านบาท หรือเหลืออีกประมาณ​ 5 เดือน(ต.ต.63-ม.ค.64) ซึ่ง ณ วันที่ 13 ก.ย. 63 บัญชีแอลพีจีติดลบ 7,424 ล้านบาท 

นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการ กกพ. ในฐานะโฆษก กกพ. เปิดเผยว่าที่ประชมุได้อนุมัติเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าตามมาตรา 97(3) จำนวนเงิน 2,800 ล้านบาท ซึ่งได้เร่งรัดและกระตุ้นการลงทุนเพื่อให้เม็ดเงินลงไปสู่ชุมชนโดยเร็วที่สุด ผ่านการทบทวนแนวปฏิบัติ และหลักเกณฑ์การบริหารจัดการเงินกองทุนฯ ในการใช้เงินโดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และสามารถกำกับ ตรวจสอบการใช้เงินอย่างโปร่งใส และการกระจายการใช้เงินกองทุนให้ชัดเจน รวมถึงกำหนดการกระจายอำนาจ เพิ่มอำนาจการพิจารณาอนุมัติ การเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกโครงการชุมชนโดยไม่ต้องผ่านส่วนกลาง 

 “กกพ.ได้นำมาปรับปรุงในหลายประเด็น เพื่อให้เกิดความราบรื่นในการเปลี่ยนผ่านจากหลักเกณฑ์เดิมไปสู่หลักเกณฑ์ใหม และตอบโจทย์ตามมาตรการส่งเสริมเศรษฐกิจของรัฐบาล ช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง พัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และลดผลกระทบทางสังคมจากวิกฤตโควิด-19 ซึ่งคาดว่าการใช้เงินดังกล่าว จะสามารถเข้าไปกระตุ้นชุมชนให้เกิดการจ้างงานได้ไม่ต่ำกว่า 30,000 รายหลังจากนี้” นายคมกฤช กล่าว 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"