นายกฯ บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษประกาศใช้มาตรการใหม่เช่นสั่งให้ผับบาร์ปิดบริการหลัง 4 ทุ่มและขอให้ประชาชนทำงานจากบ้าน หวังหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ทั่วประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่วนสหรัฐสังเวยไวรัสเกิน 200,000 ศพแล้ว

    มาตรการใหม่ที่นายกรัฐมนตรีจอห์นสันประกาศเมื่อวันอังคารที่ 22 กันยายน ซึ่งยังไม่ถึงขั้นรื้อฟื้นการล็อกดาวน์เหมือนที่เคยใช้เมื่อเดือนมีนาคม โดยนอกจากขอให้ผับ บาร์ และร้านอาหารทั่วอังกฤษและสกอตแลนด์ ปิดบริการในเวลา 22.00 น.แล้ว ยังจำกัดการรวมตัวกันของประชาชนจำนวนมากเช่นงานแต่งงาน และเรียกร้องให้ระงับแผนอนุญาตให้แฟนกีฬาสามารถเข้าชมการแข่งขันในสนามได้ ซึ่งเดิมกำหนดไว้วันที่ 1 ตุลาคม

    มาตรการล่าสุดของอังกฤษซึ่งจอห์นสันกล่าวว่าอาจบังคับใช้นาน 6 เดือน  มีออกมาไล่หลังคำเตือนว่าอังกฤษอาจมีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันละ 50,000 คนภายในกลางเดือนตุลาคมและจะมีผู้เสียชีวิตเกินวันละ 200 คนภายใน 1 เดือนถัดมา

    วันเดียวกันองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ถึง 1,998,897 ราย เพิ่มขึ้น 6% จากสัปดาห์ก่อนหน้าและเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับแต่โควิดเริ่มระบาด แต่ยอดเสียชีวิตทั่วโลกลดลง 10% จากสัปดาห์ก่อน อยู่ที่ 37,700 ราย

    ถึงวันอังคาร โควิด-19 คร่าชีวิตผู้ป่วยทั่วโลกแล้วมากกว่า 965,000 ราย จากผู้ติดเชื้อมากกว่า 31.3 ล้านราย ทั่วสหราชอาณาจักรมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 401,000 ราย เป็นอันดับ 14 ของโลก และเสียชีวิตแล้ว 41,877 ราย มากเป็นอันดับ 5 ของโลก

    สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุดในโลกที่ 6.86 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่าทุกประเทศเช่นกัน ข้อมูลอย่างเป็นทางการล่าสุดรวบรวมโดยมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เมื่อคืนวันอังคาร สหรัฐมีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตเพิ่มเป็น 200,005 รายแล้ว

    ประเทศอื่นที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 1 ล้านรายได้แก่อินเดีย มีผู้ติดเชื้อสะสม 5.56 ล้านราย เสียชีวิตมากกว่า 89,000 ราย ตามด้วยบราซิล ติดเชื้อสะสม 4.55 ล้านราย เสียชีวิตแล้วมากกว่า 137,000 ราย และรัสเซีย ติดเชื้อสะสม 1.11 ล้านราย เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 19,000 ราย.