พีอาร์คณะก้าวหน้า เผย 'พรรณิการ์-นิติพัฒน์' ฝ่าฝนลุยถนนข้าวสาร ถกประเด็นร้อน Shopee แบนสินค้า


เพิ่มเพื่อน    

3 ต.ค.63 -  ประชาสัมพันธ์ คณะก้าวหน้า เผยแพร่ข่าวแจกโดยมีรายละเอียดดังนี้  "พรรณิการ์ - นิติพัฒน์"  ฝ่าฝนลุย "ถนนข้าวสาร" สำรวจสภาพเศรษฐกิจการท่องเที่ยว -  ถกประเด็นร้อน Shopee แบนสินค้า "คณะก้าวหน้า" เลือกปฏิบัติหรือไม่

วันที่ 3 ต.ค. 2563 คณะก้าวหน้ามีรายงานว่า วานนี้ (2 ต.ค.) ช่วงเวลา 20.00 น. กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ได้แก่ นางสาวพรรณิการ์ วานิช และนายนิติพัฒน์ แต้มไพโรจน์ ร่วมจัดรายการ “ก้าวหน้า Talk” โดยเป็นการไลฟ์สดจากบริเวณถนนข้าวสารและซอยรามบุตรี พร้อมพูดคุยในประเด็นร้อนหลายหัวข้อ ไม่ว่าจะกรณีล่าสุดที่ร้านค้า Democstore ของคณะก้าวหน้าที่ขายอยู่บนแอปพลิเคชัน Shopee ถูกแบน และประเด็นความน่ากังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ที่สะท้อนจากสภาพการค้าขายที่ซบเซาของแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างถนนข้าวสาร

ชี้ Shopee เคยแบนมาก่อนเพราะใช้ “ช่อ” เป็นพรีเซนเตอร์-มีเสื้อข้อความทางการเมือง - งงความย้อนแย้งธงนาซี-เสื้อ “ไทยภักดี” ยังขายได้

เริ่มต้น นางสาวพรรณิการ์ และนายนิติพัฒน์ ได้พูดถึงกรณีปัญหาล่าสุดที่แอปพลิเคชั่น Shopee ได้ห้ามร้านค้า Democstore ของคณะก้าวหน้าจำหน่ายสินค้าบนแอปพลิเคชั่น โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากมีลักษณะทางการเมือง ขัดกับนโยบายของบริษัท จนกลายเป็นประเด็นบนโลกออนไลน์ดังกล่าว โดย นายนิติพัฒน์ ในฐานะผู้บริหารกลุ่ม “ส้มจี๊ด” ซึ่งเป็นเครือข่ายธุรกิจเพื่อสังคมในส่วนหนึ่งของคณะก้าวหน้า ได้เล่าถึงความเป็นมาโดยระบุ ว่าส้มจี๊ดในฐานะที่เป็นตัวแทนของ Democstore อย่างเป็นทางการ จัดตั้งขึ้นมาหลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ ในช่วงแรกที่เริ่มขายกับ Shopee ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ขายไปได้สักพักเริ่มใช้พรีเซนเตอร์โปรโมตสินค้า ก็คือตัวนางสาวพรรณิการ์เอง พลันนั้น Shopee ก็ตัดสินใจแบนขึ้นมา ด้วยเหตุผลว่ามีหน้าของนางสาวพรรณิการ์และมีวาระทางการเมือง ซึ่งทำให้เราแปลกใจมาก เราไม่ได้เป็นพรรคการเมืองและแค่พยายามจะขายของ ในที่สุดก็ตกลงกันกับ Shopee ว่าจะยอมเอาหน้านางสาวพรรณิการ์ออก หลังๆ ก็ถูกแบนอีกด้วยเหตุผลว่ามีเสื้อที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง เราไม่มีทางเลือกจริงๆ ไม่รู้จะไปขายช่องทางไหน ตัวเลือกผู้ประกอบการในประเทศมีไม่เยอะ สุดท้ายหลังจากยอมเอาเนื้อหาตรงนั้นออกก็ได้กลับมาขายต่อประมาณ 1-2 เดือน ต่อมาช่วงมีการชุมนุมที่สนามหลวง เราเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่จะขายสินค้าเป็นเซ็ต เรียกว่าเป็น Urban Camping Set แต่พอขายไปสักพักก็โดนแบนอีก ด้วยเหตุผลว่าเป็นการไปสนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง เลยเป็นที่มาของการถูกแบน

"ในฐานะผู้ประกอบการคนหนึ่ง เราคิดว่ามันมีความผิดปกติ เพราะการขายของแบบนี้เราไม่ได้ขายของผิดกฎหมาย เราไม่ได้เอาเปรียบใคร เราไม่ได้โกงลูกค้า แล้วลูกค้าหรือผู้บริโภคก็ยินดีและอยากจะซื้อสินค้าเรา เราก็เลยไม่เข้าใจว่ามีเหตุผลอะไรเพียงพอที่จะต้องทำแบบนี้” นายนิติพัฒน์กล่าว

 

 ด้าน นางสาวพรรณิการ์ เปิดเผยว่า ทราบมาจากผู้สนับสนุนคณะก้าวหน้ารายคนซึ่งส่งข้อความมาให้ตนหลังจากได้ซักถามไปทาง Shopee โดยตรง ได้รับข้อความตอบกลับซึ่งระบุว่า เป็นนโยบายของ Shopee ที่จะไม่ให้มีการขายสินค้าที่มีลักษณะเกี่ยวข้อง สนับสนุน คัดค้าน หรือล้อเลียนทางการเมือง เป็นนโยบายที่ใช้กับทุกร้านค้า อย่างไรก็ตาม ตอนที่คณะก้าวหน้าทำสัญญากับ Shopee ไม่มีเงื่อนไขเรื่องนี้อยู่เลย เงื่อนไขทั้ง 12 ข้อในวันที่ทำสัญญาไม่มีระบุเรื่องนี้มาก่อน แต่เป็นเงื่อนไขที่มาพูดทีหลัง และจากที่ไปขุดมา ตนยังได้เจอธงนาซีขายบน Shopee ได้ เสื้อ long live the king ก็ขายได้ และที่สำคัญ เสื้อของกลุ่มไทยภักดีก็ยังวางขายอยู่จนถึงตอนนี้ จึงทำให้ตนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แฉฝ่ายความมั่นคงเคยขอข้อมูลผู้ซื้อ-ขายสินค้าการเมืองจาก Shopee - จี้ตอบให้ชัดเคยให้ข้อมูลผู้ค้า-ลูกค้ากับหน่วยงานความมั่นคงไปหรือไม่ ?

นางสาวพรรณิการ์ยังระบุด้วย ว่าจากสิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ตนอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าหน่วยงานความมั่นคงเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากเพียงไหน ที่ผ่านมามีผู้สนับสนุนคณะก้าวหน้าในหน่วยงานความมั่นคง เคยแจ้งตนให้ทราบว่าฝ่ายความมั่นคงหลายหน่วยงานเคยมีการขอข้อมูลผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าจาก Shopee โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวกับการไปชุมนุม ซึ่งไม่รู้ว่า Shopee เคยให้ข้อมูลลูกค้ากับหน่วยงานความมั่นคงเหล่านี้ไปบ้างหรือไม่ ซึ่งตนยังคงหวังว่า Shopee จะให้ความสำคัญกับความไว้วางใจที่ลูกค้าและผู้ค้ามีต่อคุณ ก็อยากให้ Shopee ตอบเรื่องนี้จริงๆ ว่าหน่วยงานความมั่นคงที่เขามาขอคุณ คุณได้ให้เขาไปหรือเปล่า? ข้อมูลว่าใครซื้อใครขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมการชุมนุม การไปม๊อบ หรือสินค้าการเมืองอื่นๆ เหล่านี้เป็นข้อมูลส่วนตัวของเรา ไม่มีใครอยากให้ใครรู้ คนอื่นอาจจะบอกว่าไม่ผิดกลัวอะไร ไม่เกี่ยวกับผิดหรือไม่ผิด อันนี้คือข้อมูลส่วนบุคคลของเรา เรามีสิทธิที่จะหวงแหนมันเอาไว้ นี่มันเป็นหลักการการค้าขายทั่วไป

"นี่ไม่ใช่แค่เรื่องการแบนร้านคณะก้าวหน้า ในภาพใหญ่ตามกฎเกณฑ์แข่งขันทางการค้า Shopee อาจจะไม่ใช่ผู้ผูกขาดรายเดียวในประเทศไทย แต่ก็ยังพูดได้ว่าเป็นตลาดที่มีผู้แข่งขั้นน้อยรายมาก และสิ่งที่ Shopee ทำคือการ ใช้อำนาจที่มีเหนือตลาดรังแกผู้ค้ารายย่อยอย่างพวกเรา ซึ่งเรื่องนี้ในทางสากลถือว่าใหญ่มาก" นางสาวพรรณิการ์ กล่าว

  ด้าน นายนิติพัฒน์ กล่าวเสริมว่า ในต่างประเทศกว่าที่จะหยุดการค้าของผู้ค้ารายย่อยรายหนึ่งได้ต้องมีการแจ้งเตือนก่อน ดังนั้น การที่ Shopee ไม่ได้เคยแจ้งเราเลยไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ต่างประเทศให้ความสำคัญกับความยุติธรรมและความป็นธรรมกับผู้ค้า โดยเฉพาะรายย่อยและรายเล็ก เราอาจจะคุ้นชินกับทุนผูกขาด ทำให้ความสำคัญของผู้ค้ารายย่อยถูกมองข้ามไป

สำรวจ “ข้าวสาร-รามบุตรี” ซบเซาหนัก - วิเคราะห์เศรษฐกิจสัญญาณไม่ดีหลายส่วน - แนะหากเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวใหม่ต้องคุ้มความเสี่ยง

หลังจากนั้น ทั้งสองได้เดินสำรวจสภาพไปตามเส้นทางในซอยรามบุตรีจากถนนพระอาทิตย์ ไล่มาจนถึงอีกฝั่งหนึ่งก่อนเดินทะลุออกจากตรอกไปโผล่บนถนนข้าวสาร พบว่าสภาพมีความเงียบเหงา ร้านรวงส่วนใหญ่ปิดตัวลงขณะที่บางร้านที่ยังเปิดอยู่ก็มีลูกค้านั่งอยู่บางตา ทั้งนี้ นางสาวพรรณิการ์ ระบุว่า ตนยังต้องให้ความเป็นธรรม ว่าวันนี้เป็นวันที่มีฝนตกหนัก และยังเป็นวันออกพรรษาที่ห้ามขายสุราด้วย จึงอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เงียบกว่าปกติ ทั้งนี้ ระหว่างการเดินสำรวจ ทั้งสองได้ร่วมกันพูดคุยในประเด็นเกี่ยวกับภาพรวมและแนวโน้มทางเศรษฐกิจของประเทศ

โดย นายนิติพัฒน์ กล่าวว่า ในภาพรวมปัจจุบัน เศรษฐกิจการท่องเที่ยวก่อนหน้านี้เคยมีการกระเตื้องขึ้นมาบ้าง หลังจากที่มีการเปิดเมืองใหม่ๆ โดยเฉพาะในเมืองที่เน้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ แต่สำหรับเมืองที่เน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังคงพบกับความยากลำบากอยู่ แต่ในขณะนี้การใช้จ่ายในภาคท่องเที่ยว แม้จะเป็นการท่องเที่ยวจากภายในประเทศ เริ่มแผ่วลงอีกครั้ง ไม่ใช่แค่ธุรกิจบริการต่างๆ เท่านั้น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็มีแนวโน้มไปในทางที่น่าเป็นห่วง แม้หลังจากเปิดเมืองยอดขายอสังหาริมทรัพย์จะกลับมากระเตื้องขึ้นอีกเป็นระยะสั้นๆ นี่เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าตอนนี้มีสัญญาณอย่างน้อย 2-3 ตัวที่ทำให้เราเห็นแล้ว ว่ามีการกระตุ้นการใช้จ่ายหลังจากกลับมาก็จริง แต่แนวโน้มปัจจุบันเริ่มมีความน่าเป็นห่วงอีกครั้ง วันนี้ บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการการลงทุนต่างๆ ก่อนหน้านี้มักจะแนะนำว่าให้นักลงทุนถือหุ้นลงทุนในประเทศอย่างน้อย 50 เปอเซนต์ แต่ตอนนี้เริ่มมีคำแนะนำแล้วว่าให้ลดสัดส่วนการลงทุนในประเทศเหลือแค่ 25 เปอเซนต์ แล้วเปลี่ยนการลงทุนไปเป็นการลงทุนต่างประเทศแทน

"สถานการณ์ด้านแรงงานเองก็น่าเป็นห่วง การเลย์ออฟใหญ่ของสองบริษัท คือมิตซูบิชิและพานาโซนิค เป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง แม้จะมีการบอกว่าเป็นเรื่องของผลตอบแทนการ early retire ดีจึงสมัครใจออกกันเยอะ แต่ถ้าไม่มีเหตุบริษัทจะไม่อยากเอาพนักงานออก ต้นทุนในการพัฒนาพนักงานหรือจ้างงาน ฝึกฝนบุคลากร กว่าที่เข้ามาแล้วจะเป็นงานต้องใช้เงินลงทุนพอสมควร การที่จะให้คนออกก่อนปลดเกษียณจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา" นายนิติพัฒน์ กล่าว

นายนิติพัฒน์ กล่าวต่ออีกว่า เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกลับมาได้บ้าง แน่นอนว่าทางหนึ่งที่กำลังพูดถึงอยู่ตอนนี้คือการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวกลับมา แต่ภายใต้ความเสี่ยงของการติดเชื้อโควิดในปัจจุบันที่ยังคงอยู่ การเปิดประเทศต้องทำให้คุ้มค่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาได้จริงๆ แต่ว่าต้องคุ้มเสี่ยง ตัวเลข 1 พันล้านบาทต่อเดือนเป็นอะไรที่รับไม่ได้ ถ้าคุณจะเสี่ยงทั้งทีคุณต้องเอามาเดือนละหมื่นล้าน แสนล้าน ถ้าไม่ได้อย่างนี้ไม่ต้องเปิด ไปหยุดใช้อะไรที่มันไม่สมเหตุสมผล อย่างซื้ออาวุธ ให้เลิกทำ คือถ้าเราไปถามทีมที่ดูงบประมาณประเทศ จะสามารถชี้ได้เลยว่า 1 พันล้านลดตรงไหนได้บ้างโดยไม่มีความเสี่ยง ฉะนั้น ถ้าคุณอยากกระตุ้นการท่องเที่ยวอีกครั้ง คุณต้องให้ผลตอบแทนกับความเสี่ยงให้มันไปด้วยกัน นี่เป็นพื้นฐานของการลงทุน ความเสี่ยงสูงผลตอบแทนต้องสูง ความเสี่ยงต่ำผลตอบแทนต้องต่ำ ฉะนั้น สิ่งที่เขากำลังจะทำมันไม่ปกติ ไม่คุ้มทุน ไม่คุ้มเสีย

ด้าน นางสาวพรรณิการ์ ระบุว่าสิ่งที่ต้องกลับมาคิดอย่างจริงจังในตอนนี้ คือการท่องเที่ยวและการส่งออกที่เคยเป็นกระดูกสันหลังทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ไม่อาจกลับมาเป็นกระดูกสันหลังของเราได้เหมือนเดิมแล้ว อย่างสิ่งที่อยู่รอบตัวเราวันนี้พิสูจน์ได้อย่างดี ว่าการท่องเที่ยวอย่างต่ำปีหน้าถึงจะกลับมาได้ เราต้องคิดแล้วว่าจะทำอย่างไรให้ภาคอื่นๆ ขึ้นมาแทนที่กันได้ในอนาคต


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"