'ทรัมป์'ออกจากรพ. โดนสวดถอดแมสก์สำแดงต่อหน้ากล้อง


เพิ่มเพื่อน    

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากโรงพยาบาลแล้วเมื่อวันจันทร์ โดยกลับมารักษาโควิด-19 ต่อที่ทำเนียบขาว ไม่วายก่อกระแสซ้ำด้วยการถอดหน้ากากอนามัยสำแดงต่อหน้ากล้องโทรทัศน์ก่อนตะเบ๊ะขอบคุณ ฮ.ประจำตำแหน่งที่มาส่ง โดนสวดยังไม่พ้นระยะแพร่เชื้อกลับถอดแมสก์

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันอังคารกล่าวว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เดินทางกลับทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ 5 ตุลาคม หลังจากเข้ารับการรักษาอาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่โรงพยาบาลทหารวอลเตอร์รีดใกล้กรุงวอชิงตันนาน 4 วันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 2 ตุลาคม ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำตัวประธานาธิบดี แถลงที่โรงพยาบาลว่า ทรัมป์จะกลับมารักษาต่อที่ทำเนียบขาว แต่เขาจะยังไม่พ้นอันตรายไปอีกอย่างน้อย 1 สัปดาห์

    ภาพถ่ายทอดสดการออกจากโรงพยาบาลของทรัมป์ตั้งใจฉายภาพให้เห็นว่า ทรัมป์ในวัย 74 ปียังร่างกายแข็งแรง โดยที่ก่อนหน้านั้นเจ้าตัวทวีตข้อความอวดโอ่การเป็นฮีโร่ผู้ไร้เทียมทาน ที่สามารถเอาชนะ มิเพียงอุบายสกปรกทุกอย่างของเดโมแครตเท่านั้น แต่ยังรวมถึงไวรัสจีนด้วย

    ทรัมป์เดินออกจากประตูหน้าของโรงพยาบาลด้วยตนเองคนเดียวโดยสวมหน้ากากอนามัย จากนั้นเขาเดินไปขึ้นรถลีมูซีน ชูนิ้วโป้ง ก่อนจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์มารีนวันกลับทำเนียบขาว หลังจากเฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งลงจอด ทรัมป์ก้าวลง แล้วเดินไปที่ระเบียงทิศใต้ของทำเนียบขาว ถอดหน้ากากอนามัยออก แล้วยืนวันทยาหัตถ์นาน 23 วินาที ให้แก่เฮลิคอปเตอร์ประจำตำแหน่งที่บินกลับไป

    ในวิดีโอภายหลังกลับถึงทำเนียบขาว ทรัมป์กล่าวปลุกขวัญชาวอเมริกันว่า อย่าปล่อยให้ไวรัสครอบงำ อย่าไปกลัวมัน "ผมดีขึ้นแล้ว บางทีผมอาจมีภูมิต้านทานด้วย ไม่รู้สิ" เขากล่าวโดยมีธงชาติอเมริกันประกอบฉากและมีอนุสรณ์สถานแห่งชาติเป็นฉากหลัง "ออกไปข้างนอกเถอะ แต่จงระมัดระวัง"
 
    ข้อความที่เขาทวีตก่อนออกจากโรงพยาบาล ทรัมป์ก็แนะคนอเมริกัน ซึ่งเพื่อนร่วมชาติสังเวยโควิด-19 ไปแล้วมากกว่า 210,000 คน ว่าไม่ต้องกลัวโควิด และตัวเขาจะกลับไปเดินสายหาเสียงอีกในไม่ช้า

    พฤติกรรมของทรัมป์ที่ถอดแมสก์แสดงต่อหน้ากล้องโทรทัศน์ และการบอกให้คนอเมริกันอย่าได้กลัวไวรัสนี้ เรียกเสียงวิจารณ์ขรม อดีตรองประธานาธิบดีโจ ไบเดน คู่แข่งที่โพลชี้ว่ามีคะแนนนำทรัมป์ในการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน ทวีตตอกทรัมป์ว่า "ไปบอกกับ 205,000 ครอบครัวที่สูญเสียใครบางคนไปสิ" โดยเขาหมายถึงยอดเหยื่อโควิดที่เสียชีวิต

    วิลเลียม แชฟเนอร์ อาจารย์แพทย์จากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์แวนเดอร์บิลต์ กล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยที่ทรัมป์บอกว่าไม่ควรไปกลัวโควิด นี่คือโรคที่ทำให้คนตายวันละประมาณ 1,000 คน, ทำให้เศรษฐกิจดิ่งเหว คนตกงาน ไวรัสนี้ควรได้รับทั้งความเคารพและความกลัว

    ที่ปรึกษาและคนใกล้ชิดทรัมป์หลายคนก็ติดไวรัสนี้ นอกจากนางเมลาเนีย ภริยาของเขา ยังรวมถึงโฮป ฮิกส์ ผู้ช่วยคนสนิท, บิล สเตเปียน ผู้จัดการหาเสียง หรือแม้แต่เคย์ลีห์ แม็กอีนานี หัวหน้าโฆษกหญิงของทำเนียบขาว ผู้ช่วย 2 คนของเธอ และคนวงในที่ใกล้ชิดกับประธานาธิบดีอีกมากกว่า 6 คน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"