ขอร่วมอนุโมทนาเอาไว้ ณ ที่นี้


เพิ่มเพื่อน    

                                                   (1)

            เห็นภาพข่าวท่านอดีตผู้บัญชาการทหารบก บิ๊กแดง หรือ พลเอก อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ไปจนถึงท่านอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บิ๊กแป๊ะ พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ตัดสินใจออกบวช หลังเกษียณอายุราชการเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว ก็ต้องเรียกว่า ก่อให้เกิดความรู้สึกปลาบปลื้ม ยินดี และคงต้องขออนุญาต อนุโมทนา...สาธุ เอาไว้ ณ ที่นี้...

                                                        (2)

                คือคนระดับนี้ อายุขนาดนี้ ตัดสินใจบวชพระ ไม่ว่าแค่ช่วงสั้นๆ หรือจะยืดเยื้อในระดับไหน...ต้องถือเป็นเรื่องน่าปลาบปลื้ม ยินดี อย่างมิอาจปฏิเสธ เพราะอย่างน้อย...ภายใต้ร่มเงา ร่มบารมี แห่งพระสงฆ์ องค์เจ้า หรือ ร่มกาสาวพัสตร์ อะไรประมาณนั้น ย่อมน่าจะก่อให้เกิดสิ่งดีๆ สิ่งที่เป็นประโยชน์ไม่ว่าต่อตนเอง หรือผู้อื่น ชนิดแทบไม่ได้มีโทษใดๆ เอาเลยแม้แต่นิด ส่วนจะเป็นประโยชน์แบบไหน อย่างไร อันนั้น...คงขึ้นอยู่กับแต่ละปัจเจกบุคคล หรือปัจเจกสงฆ์แต่ละสงฆ์ จะไปว่ากันเอาเอง มากเท่าไหร่ น้อยเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับการประพฤติและปฏิบัติ ไม่ว่าระดับเป็นสัปดาห์ เป็นเดือนๆ หรือเป็นปีๆ ก็ตาม...

                                                      (3)

                อย่างเช่น...อันตัวข้าพเจ้าเอง ครั้งหนึ่งก็เคยเอากะเขาเหมือนกัน คือเคยบวชช่วงระยะสั้นๆ หลังจากสำเร็จวิชาจากโรงเรียนพลตำรวจบางเขน ร่วมกับสหายรัก อย่าง ดร. ปรีชา เปี่ยมพงษ์ศานต์ และนายแบบเจ้าของภัตตาคาร อย่างคุณพี่ แอ่น หรือคุณพี่ มงคล วุฒิสิงห์ชัย ซึ่งรายนี้ก็ดูจะบวชเหมือนกัน ถ้าจำไม่ผิด...ดูเหมือนจะจำวัดอยู่ที่วัดบวรฯ หรือวัดอะไรก็เลือนๆ ไปซะแล้ว และอย่างที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละว่า...แม้เป็นช่วงสั้นๆ แค่ไม่กี่สัปดาห์เอง แต่ด้วยร่มเงา ร่มบารมี ร่มกาสาวพัสตร์ ก็พอได้อะไรติดไม้ ติดมือ ติดปลายนวมอยู่บ้างเหมือนกัน...

                                                       (4)

                ซึ่งคงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการถอดจิต การบรรลุวิชาธรรมกาย การหลับตานั่งสมาธิ อานาปานะสต่ง สติ ฯลฯ แบบบรรดาพวกที่ชอบเข้าว้ง เข้าวัด เขาปรารถนาและต้องการเสียเหลือเกิน เพราะเรื่องทำนองนี้...หลังจากลองสอบถามจากท่านเจ้าอาวาสที่เป็นญาติสนิท เรียกท่านว่า หลวงอา ว่ามันมีความลุ่มลึก ลึกซึ้ง มีขั้นตอนรายละเอียดเป็นแบบไหน ประการใด ท่านดันไม่ตอบ แต่หันไปโยนบุหรี่ สามิต 14 มาให้สูบกันแทนที่ แล้วหันไปตั้งหน้า ตั้งตา เชียร์มวยตู้ พระบวชใหม่ผู้มีนามกรว่า ฐานะวุฒโฑ ภิกขุ อย่างตัวเราเอง ก็เลยต้องเอามั่ง!!! หันไปไขว่ห้างสูบบุหรี่ เชียร์มวยตู้ ไปตามวาสนาใครวาสนามัน...

                                                        (5)

                แต่ก็นั่นแหละ...สิ่งที่ยังฝังอยู่ในความรู้สึกขณะบวชเป็นพระ มาจนถึงตราบเท่าทุกวันนี้ น่าจะเป็นความรู้สึกถึงความเจ็บปวด รวดร้าว ทรมาน อยู่พอสมควร กับการที่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ ตีห้า ห่มผ้า ขมวดผ้าจีวร แบบผิดๆ ถูกๆ แล้วหันไปแบก บาตรพระ ลูกโตๆ พอๆ กับแตงโมพันธุ์จินตหราเห็นจะได้ จากนั้น...ก็ต้องเดินเท้าเปล่า ย่ำถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยกรวดแหลมๆ แถมออกจะเย็นๆ ชื้นๆ เพราะอุณหภูมิอากาศช่วงเช้ามืด ฝ่าตีนน้อยๆ และแสนจะนุ่มนิ่ม ต้องบดไป-บดมากับกรวด หิน ดิน ทราย เป็นระยะทางไป-กลับ ไม่รู้กี่กิโลต่อกี่กิโล ของการ บิณฑบาต นับเป็นอาทิตย์ๆ เล่นเอาฝ่าตีน ฝ่าเท้า แทบจะบวมฉึ่งทั้งสองข้าง...

                                                      (6)

                โดยหลังจากชาวบ้าน ชาวช่อง เขาได้ใส่บาตรไปตามรายทาง อันนี้นี่แหละ...ยิ่งหนักหน่วงยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเหตุเพราะข้าวสวยร้อนๆ แกงร้อนๆ ที่อยู่ภายในบาตร จะทำปฏิกิริยาทางเคมี แผ่รังสีความร้อน ชนิดแขนแทบลวก แถมยังล้าแสนล้า เพราะน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกไม่รู้กี่กิโลต่อกี่กิโล ยิ่งถ้าวันไหนดันต้องไปเจอ รังมดแดง ที่อยู่ใกล้ๆ กับบริเวณที่ชาวบ้านเขากำลังคุกเข่าประนมมือใส่บาตร ยิ่งโกบิ๊กไปกันใหญ่ จะไปแหกแข้ง แหกขา เกาโน่น เกานี่ แบบช่วงที่ยังเป็นคนปกติธรรมดา ไม่ได้เป็นเด็ดขาด!!! ได้แต่หลับตาพริ้ม สวดยถา สัพพี ให้กับชาวบ้าน ขณะที่กล้ามเนื้อสั่นระริกระริวไหว ทำไงได้...ในเมื่อตัดสินใจบวชเป็น พระ ซะแล้ว ก็มีแต่ต้อง ข่มใจ หรือ ข่มกลั้น ไปตามสภาพนั่นแล...

                                                         (7)

                และจะด้วยสิ่งเหล่านี้หรือไม่? อย่างไร? ก็มิอาจสรุปได้ ที่ทำให้เมื่อบรรดาพระสงฆ์ องค์เจ้า ท่านได้หยิบเอาคำว่า ขันติธรรม มาพูดถึง เอ่ยถึง เลยเป็นอะไรที่ก่อให้เกิดความ เข้าถึง-เข้าใจ ต่ออารมณ์ความรู้สึกตัวเอง แบบถึงกึ๋นเอามากๆ ชนิดยิ่งแก่ยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึก ตระหนัก ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ยิ่งเมื่ออภิมหาพระอย่างสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ท่านได้ชี้แนะ ชี้นำ ให้เห็นว่า สิ่งที่เรียกว่า ขันติธรรม นี่แหละ คือพื้นฐาน หรือรากฐานของ ธรรม ในแต่ละอย่าง ไม่ว่ามโนธรรม คุณธรรม ไปจนถึง สามัคคีธรรม โน่นเลย ก็ยิ่งเป็นอะไรที่ เก็ท เอามากๆ โดยเฉพาะสำหรับสภาพความเป็นไปของบ้านเมืองช่วงนี้ ที่ใครต่อใคร โดยเฉพาะพวกหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย เขาออกจะขยันสร้างความเปรี้ยวเท้า เปรี้ยวตีน ให้ใครต่อใครอย่างเป็นพิเศษ...

                                  -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"