จิตอาสากับ “ความเป็นไทย”


เพิ่มเพื่อน    

                                       (1)

      คงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...สิ่งที่เรียกว่า แนวทางสันติ ของพวกเด็กๆ ยุคนี้นั้น ออกจะหนักหนา สาหัส ซะยิ่งกว่า สันติ ลุนเผ่ ยุคยานเกราะ ยุคก่อนหน้า 6 ตุลา 19 ไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่า คือสำหรับ สันติ ลุนเผ่ นั้น อย่างมากก็แค่ เปรี้ยงเปรี้ยง-ดังเสียงฟ้าฟาด โครมโครม-พินาศพังสลอน ไปตามเนื้อร้อง ทำนอง ตามจังหวะ ตามศิลปะ ลีลา ของดนตรีและบทเพลงไปตามสภาพ...

                                        (2)

      แต่ของพวกเด็กๆ เขานี่สิ!!! นอกจากไม่ได้สัมผัสสระ สัมผัสอักษร สัมผัสวรรณยุกต์อะไรเอาเลยแม้แต่น้อย ยังแทบไม่ได้ผ่านการกลั่น การกรอง มุ่งแต่จะ ระบายลมผ่าน กันทางทวาร หรือทางสิ่งที่แทบไม่อาจเรียกว่าปากได้เลย เรียกว่า...งัดเอาทั้งกล้วย ทั้งหวี ระดับเป็นเครือๆ ออกมาแจกจ่ายให้ใครต่อใครชนิดมันซ์ซ์ซ์ปาก มันซ์ซ์ซ์ทวาร เป็นอย่างยิ่ง มุ่งแต่จะด่าพ่อ ล่อแม่ มุ่งแต่จะดูหมิ่น เหยียดหยาม หวังจะสร้างความเจ็บปวด รวดร้าว ทางอารมณ์ความรู้สึกให้กับบรรดาฝ่ายตรงข้าม จนตัวเองแทบกลายเป็นเจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงเหี้ย-ห่า-และสารพัดสัตว์ ไปแล้วก็ว่าได้...

                                       (3)

      ความพยายามสร้างความเจ็บ ความปวด ความรวดร้าวทรมานให้แก่ผู้อื่น...แม้ว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพาปืน ผา หน้าไม้ หอก แหลน หลาว ฯลฯ หรือ อาวุธ ใดๆ ก็แล้วแต่ แต่จะไปเรียกสิ่งนั้นๆ การกระทำนั้นๆ ว่าเป็นไปใน แนวทางสันติ คงไม่น่าจะได้ เพราะเผลอๆ...มันอาจหนักซะยิ่งกว่า การเอาชนะ คะคาน กันด้วยหมัด-เท้า-เข่า-ศอก หรือการต่อสู้ตามแบบฉบับ ลูกผู้ชาย ที่ยังมีองค์ประกอบของเกียรติยศและศักดิ์ศรี ติดปลายนวมอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆ ต่างไปจากประเภทด่าแล้ว ด่าอีก สาดสี สาดคำพูดเลอะๆ เทอะๆ เหยียบหยาม ทำร้าย ต่อสิ่งอันเป็นที่เคารพ ศรัทธา ของผู้อื่น โดยไม่ได้นึกถึงหัวอก อารมณ์-ความรู้สึก ของผู้ที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกัน แผ่นดินเดียวกัน อันถือเป็นการแสดงออกถึงเสรีภาพในแบบที่นักคิด นักปราชญ์ ยุคก่อนๆ ท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า... เสรีภาพที่ปราศจากปัญญาและคุณธรรม ที่แทบไม่ต่างอะไรไปจาก ความชั่วที่ร้ายกาจที่สุด หรือ What is Liberty without wisdom and without virtue? It is the greatest of all possible evils. ประมาณนั้น...

                                            (4)

      ดังนั้น... แนวทางสันติ ตามแบบฉบับพวกเด็กๆ ยุคนี้ จึงเป็นอะไรที่ทั้ง น่ากลัว และ น่าอันตราย เอามากๆ ชนิดถ้าหากเขามีโอกาสได้ เราชนะแล้ว...แม่จ๋า ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะฉิบหาย วายตลิ่ง ไปตามความอหังการ มมังการ ของบรรดาปวงเขาทั้งหลาย ย่อมมีโอกาสเป็นไปได้สูงเอามากๆ โอกาสที่พ่อใคร? แม่ใคร? จะได้รับการเทิดทูน บูชา เหมือนแต่เก่าก่อน อาจแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลยก็ไม่แน่ โอกาสที่พี่ๆ น้องๆ เพื่อน-พ้อง-น้อง-พี่ จะสามารถ อยู่ร่วมกันโดยสันติ ภายใต้แผ่นดินเดียวกัน โดยต่างฝ่ายต่างพร้อมให้ความเคารพต่อสิ่งที่ยังคงผิดแผก แตกต่าง ไปจากกัน คงแทบไม่มี แม้กระทั่งการแสดงออกถึงความปรารถนาดีต่อกันและกัน อย่างเช่น การ ยิ้มสยาม ทั้งหลาย เผลอๆ...อาจถูกห้ามยิ้ม บังคับไม่ให้ยิ้ม ไปตามตรรกะและเหตุผล อันแทบไม่มีเหตุไม่มีผล คือถือเป็นการแสดงถึงความ ไม่มีอะไร อยู่ในหัวสมองไปซะฉิบ!!!

                                           (5)

      พูดง่ายๆ...เผลอๆ อันตราย พอๆ กับยุค นาซีฮิตเลอร์ ไม่ก็ยุค เรดการ์ดเมืองจีน เอาเลยก็ไม่แน่ แต่ครั้นจะไล่เตะ ไล่ถีบ ไล่ทุบ ไล่กระทืบ ฯลฯ เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ หรือตั้งแต่ ณ วินาทีนี้ เพื่อไม่ให้เติบใหญ่ เติบโต จนกลายเป็น ค่านิยม ที่ออกไปทางฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ก็ออกจะโหดเหี้ยม โหดร้าย เกินไปซักหน่อย เพราะอย่างน้อย...มันก็คือลูกๆ หลานๆ ของบรรดาหมู่เฮาไปด้วยกันทั้งสิ้น แม้ว่าจะด้วยวัย ด้วยความไร้ประสบการณ์ ด้วยความอยากเด่น-อยากดัง หรืออยากจะเป็น ซัมบอดี้ กะเค้ามั่ง ฯลฯ อาจทำให้มันเป็นอะไรที่ออกจะน่าเกลียด น่ากลัว น่าทุเรศ อย่างชนิดแทบ มิอาจรับได้ เอาเลยก็เถอะ

                                              (6)

      แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยความเป็นไทยแท้แต่โบราณ หรือจะด้วยความอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ ที่ได้ถูกถักทอบูรณาการมาตั้งแต่รุ่นพ่อ รุ่นแม่ รุ่นปู่-ย่า-ตา-ยาย จนเกิดการตกทอดและตกผลึก อยู่ในอารมณ์-ความรู้สึก ในจิตสำนึก และจิตไร้สำนึก ของผู้ที่เกิดและเติบโตขึ้นมาในแว่นแคว้นไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย ภาพของบรรดา จิตอาสา ที่เกิดความตระหนักและสำนึก ขึ้นมาด้วยตัวของตัวเอง ลุกขึ้นมาหิ้วแปรง หิ้วกระป๋องสีขาว น้ำมันสน ฯลฯ ดาหน้าออกมา ทำความสะอาด กรูออกมาลบข้อความต่างๆ ที่สุดจะหยาบ สุดจะถ่อย ซึ่งถูกเขียน ถูกพ่น ถูกสาดสีตีไข่ ให้เลอะเทอะเปรอะเปื้อนอยู่ตามผนังกำแพงต่างๆ เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนมาสู่สภาพความสวยสด งดงาม ความมีระเบียบแบบแผน ความเป็นไปตามค่านิยม วัฒนธรรม ประเพณี อันดีงาม เหมือนเช่นแต่ก่อน ต้องถือว่า...ช่างเป็นอะไรที่น่าทึ่ง น่าตื่นตะลึง และน่าประทับใจเอามากๆ...

                                              (7)

      เรียกว่า...แทบไม่ต่างไปจากบรรยากาศในช่วงการร่วมแรง-ร่วมใจ เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา ผู้ที่ประสบเคราะห์กรรมในรูปแบบต่างๆ นานา ไม่ว่าผู้ที่เผชิญกับคลื่นสึนามิที่ภูเก็ต ผู้ที่เผชิญกับภัยธรรมชาติจากน้ำท่วม น้ำแล้ง หรือพวกเด็กๆ ที่ไปติดเขา ติดถ้ำที่เรียกๆ ว่าพวก หมูป่า อะไรทำนองนั้น ฯลฯ อันถือเป็นการแสดงออกถึงความตระหนัก สำนึก ที่ทำให้เกิด เสรีภาพ ในด้านตรงกันข้าม เสรีภาพที่เต็มไปด้วย ปัญญา และ คุณธรรม เสรีภาพที่จะยังประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น อันเป็นเสรีภาพที่ฝังรากอยู่ในสังคมไทยมานานแล้ว และถูกถักบูรณาการให้กลายมาเป็นค่านิยมทางสังคม ถูกนำมาผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงาม จนถูกเรียกขานกันในนาม ความเป็นไทย นั่นแล...

                   -----------------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"