2สาวเชียงรายนำเข้าโควิด สธ.เผยผู้สัมผัส27รายเสี่ยง


เพิ่มเพื่อน    

 

ไทยติดเชื้อเพิ่ม 21 ราย เชียงรายป่วน! 2 สาวหนีเข้าเมืองนำเข้าโควิดจากเมียนมา เป็นเพื่อนร่วมงานกับเคสเชียงใหม่ สธ.เปิดไทม์ไลน์ยิบมีผู้สัมผัส 27 รายเสี่ยงแพร่เชื้อไม่มาก ยังไม่ข่ายซูเปอร์สเปรดเดอร์ นายกฯ ยันคุมได้อย่าตื่นตระหนก รับ จนท.ต่างจังหวัดน้อยลงเหตุมาดูแลม็อบกรุง เชียงใหม่เลื่อนเปิดเทอม 1 สัปดาห์ ยกระดับมาตรการคุมเข้มการันตียังเที่ยวได้

    เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวันว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 21 ราย โดยเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกัน 19 ราย ประกอบด้วย  อินเดีย 1 ราย อิตาลี 1 ราย เยอรมนี 2 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 3 ราย ญี่ปุ่น 4 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย รัสเซีย 2 ราย เดนมาร์ก 1 ราย โอมาน 1  ราย เนเธอร์แลนด์ 1 ราย และสหรัฐอเมริกา 1 ราย ส่วนอีก  2 รายเดินทางมาจากเมียนมาทางเส้นทางธรรมชาติ ทำให้จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศอยู่ที่ 3,998 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย
     ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์  รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค พร้อมด้วย นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป  แถลงข่าวความคืบหน้ากรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย
    นพ.โอภาสกล่าวว่า กรณีหญิงไทยอายุ 29 ปีติดเชื้อโควิด-19 ที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการลักลอบเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน ล่าสุดพบผู้ป่วยเพิ่มเติม 2 รายที่จังหวัดเชียงราย มีความเกี่ยวเนื่องกันกับรายที่จังหวัดเชียงใหม่  ทั้งนี้ประเทศเพื่อนบ้านมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  อย่างมาก ทำให้คนไทยในประเทศเพื่อนบ้านอยากเดินทางกลับเข้ามา จึงขอให้กลับเข้ามาในช่องทางที่ถูกต้องเพื่อเข้ารับการกักตัว 14 วัน นอกจากไม่ผิดกฎหมายแล้ว  หากพบการติดเชื้อจะได้รับการรักษา ไม่ทำให้เชื้อแพร่ไปสู่คนในครอบครัวและชุมชน ทั้งนี้ต้องขอความร่วมมือบริเวณชายแดน ทั้งโรงแรม คอนโดมิเนียม สถานประกอบการ สถานบันเทิง กิจการร้านค้าต่างๆ หากพบเห็นบุคคลเข้ามาและเข้าข่ายสงสัยติดเชื้อ ไม่ได้ผ่านการกักตัว ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทันที ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะคณะกรรมการโรคติดต่อจะออกคำสั่ง ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามจะมีความผิดตามมาตรา 31 ของ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท ส่วนตัวผู้ลักลอบก็มีความผิดเช่นกัน
    ด้าน นพ.โสภณกล่าวว่า จากการติดตามผู้สัมผัสผู้ป่วยโควิด-19 เพศหญิง อายุ 29 ปี จังหวัดเชียงใหม่ มีทั้งหมด 328 ราย เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 107 ราย ตรวจแล้ว 69  ราย ไม่พบเชื้อ (คอนโดฯ ผู้ป่วย 2 ราย คอนโดฯ เพื่อน 2  ราย สถานบันเทิง 55 ราย ห้างสรรพสินค้า 6 ราย รถโดยสารปรับอากาศเชียงใหม่ 1 ราย และคนขับรถ Grab  Car 3 ราย) สัมผัสเสี่ยงต่ำ 149 ราย ตรวจแล้ว 83 ราย ไม่พบเชื้อ (สถานบันเทิง 2 ราย ห้างสรรพสินค้า 25 ราย  บุคลากรโรงพยาบาลเอกชน 9 ราย และคอนโดฯ ผู้ป่วย 47  ราย) ส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างรอผลการตรวจและติดตาม  โดยทั้งหมดยังต้องกักกันและเฝ้าระวังอาการจนครบ 14  วัน ทั้งนี้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้กำหนดมาตรการป้องกันโรคในสถานที่ชุมชนทุกแห่ง ทั้งการสวมหน้ากาก ล้างมือ เว้นระยะห่าง และการสแกนไทยชนะ หากสถานประกอบการ/ร้านไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจะถูกดำเนินการอย่างเคร่งครัด รวมถึงการสั่งปิดกิจการชั่วคราว
ไทม์ไลน์ 2 สาวติดโควิด
    ส่วนผลการสอบสวนโรคหญิงไทย จ.เชียงราย 2 ราย  ที่มีอายุ 26 ปี และ 23 ปี เป็นเพื่อนร่วมงานกับหญิงอายุ  29 ปี จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นทำงานในสถานบันเทิง จังหวัดท่าขี้เหล็ก เริ่มมีอาการป่วย ไข้ ไอ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. โดย 26 พ.ย.ทราบข่าวว่าเพื่อนที่ จ.เชียงใหม่ติดโควิด จึงเดินทางกลับไทยเช้าวันที่ 27 พ.ย.ผ่านช่องทางธรรมชาติ  พร้อมด้วยเพื่อนอีก 1 ราย และคนนำทางเป็นคนเมียนมา  1 ราย (คนนำทางกลับประเทศไปแล้ว) ผ่านหมู่บ้านชายแดน จากนั้นนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง แวะซื้ออาหารซื้อน้ำที่ร้านสะดวกซื้อในปั๊มน้ำมัน เข้าที่พักในโรงแรมที่ อ.แม่สาย โดยได้สวมหน้ากากตลอดและพักแยกห้องกัน
    ต่อมาวันที่ 28 พ.ย.เดินทางด้วยรถจักรยานยนต์รับจ้างไปยัง อ.เมือง แวะซื้อของร้านตรงข้ามโรงแรม จากนั้น เวลา 17.00 น.เดินทางไปยัง รพ.เอกชน ขอตรวจโควิด-19  รพ.ส่งตัวมายัง รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ผลตรวจ ออกเวลา 02.00 น.ของวันที่ 29 พ.ย. พบเชื้อโควิด-19  ตรงกับศูนย์วิทยาการแพทย์เชียงราย โดยถือเป็นรายแรกของ จ.เชียงรายในรอบหลายเดือนที่ติดเชื้อ และเป็นการติดเชื้อจากต่างประเทศ
    ในบรรดาผู้มีความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อหญิงอายุ 26 ปี มีผู้สัมผัส 27 ราย พบว่ามีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย คือหญิงไทยอายุ 23 ปีที่เดินทางกลับมาด้วยกัน โดยวันที่ 29 พ.ย. พบว่ามีอาการไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ซึ่งได้นำตัวมาตรวจหาเชื้อที่ รพ.แล้ว พบว่าติดเชื้อและเข้ารักษาที่โรงพยาบาล  ส่วนพนักงานโรงแรมที่ขี่รถจักรยานยนต์ไปซื้อของ ขณะนี้รอผลตรวจ ขณะที่คนขี่จักรยานยนต์รับจ้าง 2 ราย ตรวจแล้ว 1 รายไม่พบเชื้อ อีก 1 รายรอผลตรวจ ที่เหลือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 23 ราย คือบุคลากรทางการแพทย์ 20 ราย  และชุมชน 3 ราย คือ แม่ค้าร้านอาหาร/ร้านขายของชำ  พนักงานร้านสะดวกซื้อ และพนักงานโรงแรม ทั้งนี้ถือว่ามีโอกาสแพร่เชื้อต่ำ เนื่องจากส่วนใหญ่อยู่ในโรงแรมที่พักและไปโรงพยาบาลเร็ว ทำให้มีผู้สัมผัสน้อย
    เมื่อถามว่ากรณีที่ 2 รายนี้ไม่กักโรค 14 วัน มีโอกาสที่จะแพร่เชื้อขนาดไหน นพ.โสภณกล่าวว่า หากดูช่วงเวลาที่สองรายนี้อยู่ใน จ.เชียงราย โอกาสการแพร่เชื้อค่อนข้างต่ำ เนื่องจากมีคนเกี่ยวข้องในกลุ่มความเสี่ยงสูงไม่มากนัก  และส่วนใหญ่อยู่ในที่พัก แต่ต้องไม่ประมาท คนที่เกี่ยวข้องต้องกักตัว 14 วัน แต่เมื่อเทียบกับรายหญิงไทยอายุ 29 ปี  จ.เชียงใหม่ที่ติดเชื้อก่อนหน้านี้ รายนั้นมีความเสี่ยงสูงมากกว่า เนื่องจากมีผู้สัมผัสกว่าร้อยคน ส่วนกรณีการจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมือง 4 ราย จ.เชียงรายนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องกันกับกลุ่มหญิงที่ติดเชื้อ 3 รายนี้ แต่ทั้ง 4 รายล่าสุดได้ตรวจหาเชื้อและอยู่ระหว่างรอผลตรวจ
    เมื่อถามย้ำว่า ผู้ป่วยโควิดที่เชียงใหม่กับเชียงรายเสี่ยงจะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์หรือไม่ นพ.โสภณกล่าวว่า  จากการประเมินเบื้องต้นเคสที่เชียงรายมีคนสัมผัสเสี่ยงสูง  4 ราย ยังไม่พบการติดเชื้อ ที่เหลือเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ อีกทั้งเมื่อเข้ามาในโรงแรมแล้วไม่ได้ออกไปไหนมากนัก อยู่ได้หนึ่งวันเศษๆ ก็มาตรวจและเจอเชื้อ ก็อยู่ในการรักษาเลย ส่วนหญิง 23 ปีก็มีเจ้าหน้าที่ไปรับตัวไม่ได้ปะปนกับใคร ความเสี่ยงที่จะแพร่เชื้อต่อไม่มาก แต่ไม่ประมาทจะต้องมีการกักตัวจนครบ 14 วัน สำหรับความเสี่ยงที่จะเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์นั้นมี 2 อย่าง คือมีเชื้อเยอะและอยู่ในที่มีความเสี่ยงแพร่เชื้อ เช่น รถบัส สถานบันเทิง เป็นต้น ซึ่งจะแพร่เชื้อจนมีการติดต่อโรค 10 คนขึ้นไป เช่นเคสที่เชียงใหม่มีการไปเที่ยวสถานบันเทิง มีผู้สัมผัส 4 ราย แม้ยังไม่มีหลักฐานว่าเข้าข่ายซูเปอร์สเปรดเดอร์ แต่พฤติกรรมถือว่ามีความเสี่ยงเกิดซูเปอร์สเปรดดิงอีเวนต์ เพราะไปเที่ยวสถานบันเทิงไม่รู้ว่ามีการดื่มเหล้าแก้วเดียวกันหรือไม่ แต่มีการสูบบุหรี่มวนเดียวกัน
    อย่างไรก็ตาม กรณีที่ลักลอบเข้าเมืองเบื้องต้นจะผิดใน 3 ส่วน คือ ผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง, ผิด พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19, ผิด พ.ร.บ.โรคติดต่อ
    วันเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศว่า ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศทุกวัน แต่ไม่อยากให้ตื่นตระหนก เพราะยังเป็นเรื่องที่สามารถควบคุมได้ แต่ที่สำคัญคนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงหรืออยู่ใกล้กลุ่มเสี่ยงและลักลอบเข้ามาในประเทศ อยากฝากสังคมและชุมชนช่วยกันดูแลเพราะรู้อยู่แล้วว่าใครไปไหนมาไหน หากพบขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องโควิด-19 ในต่างจังหวัดลดลง เพราะต้องนำกำลังมาดูแลพื้นที่การชุมนุมใน กทม. ทำให้เจ้าหน้าที่ที่ทำงานต่างจังหวัดต้องทำงานหนัก และเจ้าหน้าที่ที่มาทำงานใน กทม.ก็ต้องอดทน
เชียงรายป่วนสั่งคุมเข้ม
    ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายประจญ ปรัชญ์สกุล  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19  จำนวน 2 คน อายุ 26 ปี ชาว อ.ขุนตาล จ.เชียงราย และ อายุ 23 ปี ชาว จ.พะเยา ขณะนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์  ณ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์แล้ว และเจ้าหน้าที่ได้ติดตามขยายผลไปถึงกลุ่มคนใกล้ชิดสัมผัสอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการประสานผ่านคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมาระดับท้องถิ่น (ทีบีซี) เพื่อขอให้มีการหาตัวคนไทยที่ตกค้างเพื่อให้ทั้งหมดกลับสู่ประเทศไทยในช่องทางปกติ จะได้นำไปกักดูอาการและตรวจหาเชื้อให้ฟรีภายใต้แนวทางการป้องกันการระบาด ไม่ใช่การดำเนินคดี
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย ได้ลงนามในประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงราย จำนวน 3 ฉบับ ได้แก่ ฉบับที่ 37 เรื่องเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19, ฉบับที่ 38 ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 และฉบับที่ 39 เรื่องให้บุคคลสัญชาติไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางจากประเทศเมียนมาเข้ามาประเทศไทย ให้กลับเข้าประเทศไทยตามช่องทางผ่านแดนตามกฎหมาย
    ทั้งนี้ ในช่วงค่ำของวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย ร่วมกับฝ่ายปกครอง และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ อ.แม่สาย ติดตามจับกุม ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ข้อความวันที่ 24 พ.ย.ว่า "..วัน  1 ฉันเดินเข้าป่าข้ามแม่น้ำมาจ๊ะเอ๋เมืองไทย.." โดยมีภาพหญิงสาวคนโพสต์และกลุ่มเพื่อนอีก 3 คน กำลังลักลอบเดินข้ามพรมแดนจากประเทศเมียนมาเข้ามาประเทศไทย  จนพบ น.ส.นงนุช ศรีหาวงค์ อายุ 28 ปี หญิงเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊ก และ น.ส.นิราวรรณ์ จันดาลุย อายุ 29 ปี ขณะเดินทางโดยรถทัวร์จาก อ.แม่สาย จะไป กทม. ซึ่งวางแผนจะเดินทางไปหางานทำที่พัทยา จากนั้นจึงได้ติดตามตัวเพื่อนอีก 2 คนที่ลักลอบข้ามแดนด้วยกันได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใน อ.แม่สาย และได้นำตัวไปสอบสวนโรค ผลการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายไม่มีไข้ จึงแจ้งข้อหาผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมืองและเปรียบเทียบปรับ ก่อนนำไปสถานที่กักกัน
    นอกจากนี้ ในช่วงเช้าวันที่ 30 พ.ย. ทหารชุดเฉพาะกิจ กรมทหารม้าที่ 3 กองกำลังผาเมือง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ปกครอง อ.แม่สาย สามารถจับกุมคนไทยที่ไปทำงานที่เมียนมาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายจำนวน 8 คน แบ่งเป็น 4 คนเข้ามาช่องทางธรรมชาติ ห่างจากช่องทางป้ายเหลืองไปด่านบ้านผาหมีประมาณ 400 เมตร และอีก 4 คน ที่บ้านเหมืองแดงใต้ หมู่ที่ 1 ต.แม่สาย
    ขณะที่โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ อ.แม่สาย ที่มีเด็กนักเรียนชาวเมียนมาข้ามฝั่งจากท่าขี้เหล็กมาเรียนเป็นจำนวนมาก ได้ประกาศหยุดเรียนระหว่างวันที่ 1-6 ธ.ค.นี้  นอกจากนี้โรงเรียนบ้านเวียงพาน ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย  ได้ประกาศหยุดเรียนวันที่ 1-6 ธ.ค.เช่นกัน
    ที่ จ.เชียงใหม่ นายวีระพันธ์ ดีอ่อน รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด โดยมีนายเจริญฤทธิ์  สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานการประชุมว่า ได้มีการยกระดับมาตรการการป้องกันโรคให้มีความเข้มข้นมากขึ้น เน้นย้ำให้สถานบริการ ร้านขายของ  ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานที่ท่องเที่ยว ตลาด รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้เข้มงวดในมาตรการการป้องกันโรค แต่ไม่มีการล็อกดาวน์เมืองตามที่มีกระแสข่าว ส่วนผู้ป่วยรายล่าสุดนั้นในขณะนี้มีอาการดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่หอบเหนื่อย จมูกเริ่มได้กลิ่น แต่มีความเครียดอยู่ในระดับสูง ยังคงอยู่ในการดูแลอย่างใกล้ชิดที่โรงพยาบาลนครพิงค์
    "พี่น้องประชาชนขอให้ท่านได้คลายความกังวลใจทั้งที่อยู่อาศัย ทั้งที่มาท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะสถานที่ที่ผู้ป่วยให้ข้อมูลเจ้าของสถานที่ต่างๆ ได้มีการทำความสะอาด ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งหมดแล้วในทุกจุดที่สัมผัส ช่วงต่อไปก็จะมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น นอกจากนี้หลายโรงเรียนในเชียงใหม่ที่กำลังจะเปิดเทอมในสัปดาห์นี้ เพื่อความมั่นใจก็มีการประกาศเลื่อนเปิดเทอมไปอีกสัปดาห์ พร้อมเพิ่มมาตรการรักษาความสะอาดและการป้องกันโรคเต็มที่" รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ระบุ
    ที่ จ.ภูเก็ต นายพิเชษฐ์ ปาณะพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งคุมเข้มคัดกรองแรงงานต่างด้าวที่จะเข้ามาทำงานในพื้นที่เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนเชียงใหม่.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"