ในที่สุดก็ถึงวันที่รอคอย เมื่อ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คนลงมติเอกฉันท์ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่สิ้นสุดลง เฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 160 (5) และมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) ประกอบมาตรา 186 วรรคหนึ่ง และมาตรา 4 วรรคหนึ่ง (3) และไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด ...๐

โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ยก “ระเบียบกองทัพบกว่าด้วยเข้าพักอาศัยในบ้านพักรับรองกองทัพบก พ.ศ.2548” ขึ้นมาอรรถาธิบาย รวมทั้ง ความต่อเนื่องในการนั่งเก้าอี้นายกฯ ควบคู่กับผู้บัญชาการทหารบกด้วย ซึ่งหลังการแถลงจบสิ้นโดยใช้เวลาไม่ถึง 25 นาที ก็เล่นเอาบรรดาแกนนำ “ม็อบราษฎร” ที่เปลี่ยนที่นัดชุมนุมจากบริเวณศาลมาอยู่ที่ห้าแยกลาดพร้าว เพราะ ผวาเรื่องละเมิดอำนาจศาลตามที่ “พุทธะอิสระ” ได้เฉลยไว้ ถึงกับผรุสวาทสารพัดถ้อยคำทั้งในเวทีและบนโลกออนไลน์ ซึ่งก็อยากบอกไปยัง “พริษฐ์ ชิวารักษ์” หรือเพนกวิน ว่าเตรียมตัวเตรียมใจได้เลยว่า นอกจากมาตรา 112 ที่รออยู่แล้ว ยังจะมี พ.ร.บ.คอมพ์ รวมถึงละเมิดอำนาจศาลมาเข้าคิว ซึ่งไม่รู้ว่าหมายไหนจะไปก่อนกัน หรือเพนกวินจะหายลงไปใต้ดินไปอยู่กับ “ปวิน” ก็เป็นไปได้ ...๐

ต่างจาก "รุ้ง" ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ซึ่งเมื่อ ปลายสัปดาห์เป็น “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” หลังถูกอาจารย์อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ แห่งนิด้าเชือดนิ่มๆ ให้ไปทำการบ้านก่อน ก็ถูกหมายเรียกให้มารับทราบความผิดใน ม.112 แล้ว ในวันที่ 9 ธ.ค. หลังจากพี่ดี้ “นิติพงษ์ ห่อนาค” ได้แจ้งความกับ ปอท.ไว้ตั้งแต่ 20 พ.ย. เรียกว่าพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก “100 ผู้หญิงผู้สร้างแรงบันดาลใจและทรงอิทธิพลของบีบีซี” ประจำปี 2020 เสี่ยนี่กระไร ...๐

ที่น่าสนใจในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญครั้งนี้ ดูเหมือน “เพื่อไทย” ที่หมายมั่นปั้นมือเสียเหลือเกินว่าจะทำให้ “บิ๊กตู่” ตกเก้าอี้ โดยเฉพาะ “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” ส.ส.นครราชสีมา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทยที่เป็นผู้ยื่นคำร้อง รวมทั้งตีปลาหน้าไซดักคำวินิจฉัยมาต่อเนื่อง ก็จับแพะชนแกะอีกรอบว่าอาจทำองค์กรอื่นๆ ปฏิบัติตาม แหม! ไม่รู้ว่า “พี่เสริฐ” ได้ฟังน้องๆ เลือดใหม่เพื่อไทยอย่าง “ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส” อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.บ้างไหม ว่าให้เพลาๆ การเล่นการเมืองบ้าง เอาผลลัพธ์ของประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้งจะดีกว่านี้ ต้องบอกว่า “เลือดใหม่” แบบนี้สิถึงจะมีอนาคตทางการเมือง ...๐

หันมาเรื่องปากท้องกันบ้าง เพราะล่าสุด “ซานต้าตู่” ที่นั่งหัวโต๊ะประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. ก็เคาะแพ็กเกจของขวัญปีใหม่ให้กับหลายกลุ่มทีเดียว ทั้งรากหญ้าที่ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเอย, มนุษย์เงินเดือนเอย, นักท่องเที่ยวเอย และรวมถึงผู้สูงอายุที่ 55 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในโครงการท็อปฮิตติดชาร์ตอย่าง “คนละครึ่งเฟส 2” ที่มีการเพิ่มวงเงินเป็น 3,500 บาท แต่ก็ยังมีคำถามที่ยังไม่เคลียร์อยู่ดีว่า ตกลง 5 ล้านสิทธิ์ที่จะเปิดเพิ่มนั้นจะให้ใครอย่างไร เพราะจากที่ “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ปลัดคลังเคยแพลมมาว่า ผู้ใช้สิทธิ์ “ช้อปดีมีคืน” ห้ามเข้าโครงการนั้นจริงหรือไม่ประการใด เพราะหากเป็นจริงก็เท่ากับเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างแท้จริง เพราะผู้ใช้ช้อปดีมีคืนไม่ได้เป็นผู้มีรายได้เยอะทุกคนตามที่ “ปลัดคลัง” ประมาณการ เพราะ บางคนรายได้ไปแตะเส้นภาษีแค่ 100 บาทก็ถูกเหมารวมคิดภาษีในอัตราต่ำสุด 5% แล้ว อย่างนี้จะเรียกว่ามีผู้มีอันจะกินเหรอ ...๐

พูดถึงเรื่องปากท้องไม่พูดเอ่ยถึงเรื่อง “บัตรแมงมุม” ของกระทรวงคมนาคมไม่ได้ เพราะเห็นเคยตีปี๊บมาก่อนเกิดเหตุโควิด ซึ่ง “ลุงตู่” เองถ้าจำไม่ผิดก็เคยไปทำลองใช้มาแล้ว แต่ทำไมจะสิ้นปีอยู่แล้วแต่กลับไม่เห็นคลอดบัตรให้ใช้ได้จริงเสียที งานนี้คง ต้องฝากไปถึงพี่ชายรัฐมนตรีอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” ให้ช่วยไขลานน้องชาย “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม ให้เร่งเป็นของขวัญปีใหม่ ได้ก็น่าจะดีกว่าที่ไปใส่ใจเพียงแค่เรื่องการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้บริษัท ระบบขนส่งมวลชน กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ออกไป 30 ปี จะได้ใจชาวบ้านมากกว่า ไม่เช่นนั้นรายชื่อของรัฐมนตรีที่จะ ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ นอกจากมีชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” แล้ว อาจมีชื่อ “ศักดิ์สยาม” เพิ่มมาอีกคนแล้วจะหาว่าหล่อไม่เตือน ...๐

 

...ท.ศักดิ์