'จตุพร' อัดเพื่อไทยตรรกะประหลาด ใครไม่ช่วยหาเสียงอยู่ฝ่ายเผด็จการ!


เพิ่มเพื่อน    

แฟ้มภาพ
11 ธ.ค.63 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ปราศรัยหาเสียงช่วยนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรมที่ อ.เชียงดาว 

นายจตุพร กล่าวว่า อ.เชียงดาว ตนเคยอาสามาเป็นครูดอยสอนหนังสือให้เด็กชาวเขานานกว่า 3 ปี และได้กลับมาพื้นที่ที่เคยผูกพันธ์ เพื่อบอกกล่าวความจริงทางการเมืองให้รับรู้กันถึงการใส่ร้าย ป้ายสีตนและนายบุญเลิศว่า ได้ไปอยู่กับเผด็จการ และเป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นการกล่าวหาด้วยความเท็จ ไม่มีความเป็นจริงใดๆทั้งสิ้น

ทั้งนี้ เพราะเมื่อ คสช.จับนายบุญเลิศ ขังคุกทหารตั้งแต่ 26 ก.ค. 2559 สิ่งที่ทหารต้องการคือ ให้นายบุญเลิศ ซัดทอดพรรคเพื่อไทยได้สั่งการอยู่เบื้องหลังการรณรงค์ไม่รับร่าง รธน. 2560 แต่นายบุญเลิศ ไม่ทำ แล้วผลที่เกิดขึ้นกับนายบุญเลิศ กลับถูกทอดทิ้ง ไม่ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งนายก อบจ.ในนามพรรค เพื่อต้องการให้คนอื่นมาลงสมัครแทน

ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่น่าเจ็บใจคือ เมื่อพรรคเพื่อไทยทิ้งนายบุญเลิศแล้ว ยังกล่าวหายัดเยียดกระทืบซ้ำว่า นายบุญเลิศแยกตัวไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นฝ่ายหนุนเผด็จการยึดอำนาจ

นอกจากนี้ นายจตุพร กล่าวถึงการไร้มาตรฐานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยว่า ในจังหวัดนครพนม ผู้สมัครนายก อบจ.ของเพื่อไทย เคยเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐชัดเจน แล้วลาออกได้ 3 วันก็มาลงสมัคร นายก อบจ.สังกัดพรรคเพื่อไทย และทีมหาเสียงพรรคเพื่อไทยไปพูดเชิดชูยกย่องว่าเป็นนักประชาธิปไตย

เมื่อทีมหาเสียงของพรรคเพื่อไทยชุดเดียวกันมาพูดที่เชียงใหม่ กลับกระทืบนายบุญเลิศว่า เป็นคนของพรรคพลังประชารัฐ เป็นพวกเผด็จการ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง จึงเป็นความอยุติธรรมของพรรคการเมืองชัดเจน เนื่องจากนายบุญเลิศ อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย แต่พรรคเพื่อไทยผลักใสไม่ให้เขาลงสมัครในนามพรรคเอง แล้วกลับมาป้ายสี กล่าวหาเขาอีก

อีกอย่าง เมื่อตนมาช่วยนายบุญเลิศ ก็ถูกพรรคเพื่อไทยกล่าวหาเช่นกันว่า ไปอยู่กับพลังประชารัฐ การป้ายสีเช่นนี้ เนื่องจากตนไม่ได้ช่วยหาเสียงให้พรรคเพื่อไทย จึงเท่ากับว่า พรรคได้แบ่งฝ่ายทันทีว่า ถ้าไม่ช่วยเพื่อไทยต้องเป็นฝ่ายเผด็จการ ซึ่งเป็นการกล่าวหาแบบง่ายๆ ไม่มีเหตุผล 

"ผมมาช่วยนายบุญเลิศ ส่วนหนึ่งเพราะพรรคเพื่อไทยอยุติธรรมเกินกว่าจะรับได้ ผมยกโทรศัพท์คุยกับนายแก้ว (เสื้อแดงเชียงใหม่) ที่แถลงข่าวกล่าวหาผม โดยบอกว่าจะกล่าวหาเช่นนี้ไม่ได้ คุณจะช่วยพรรคเพื่อไทยก็ช่วยไป แต่การกล่าวหาไม่ช่วยเพื่อไทย เพราะไปอยู่เผด็จการ ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาเป็นเท็จ เพราะผมยังยืนหยัดอยู่ฝ่ายประชาธิปไตยตามเดิม"

รวมทั้ง นายจตุพร ได้กล่าวถึงพรรคเพื่อไทยคัดเลือกบุคคลสมัครนายก อบจ.ด้วยความละเอียดรอบคอบ ว่า แล้วคดีบอส กระทิงแดง ที่สะเทือนใจคนทั้งประเทศนั้น แต่คดีนี้มีพยาน 2 ปากเพื่อพยายามช่วยเหลือให้บอสหลุดคดี และพยานเกี่ยวข้องกับจังหวัดเชียงใหม่ด้วย

โดยพยาน 2 ปากนั้น คนหนึ่งคือนายจารุชาติ มาดทอง อ้างว่าเห็นเหตุการณ์รถที่ชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ สน.ทองหล่อเสียชีวิตวิ่งมาด้วยความเร็วแค่ 60-70 กม.ต่อชั่วโมง สิ่งที่น่าสนใจคือ นายจารุชาติ เป็นคนใกล้ชิดกับอดีต สว.คนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ในคณะกรรรมการตรวจสอบชุดของนายวิชา มหาคุณ นั้น รายงานสาระสำคัญถึงความตายของนายจารุชาติ พยานปากสำคัญ โดยสงสัยการทำลายมือถือของนายจารุชาติ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ปปช.ได้ขอความร่วมมือกับ ปปง.เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินเรียงลำดับจนถึงนายจารุชาติ พยานสำคัญที่ทำให้เปลี่ยนความเร็วจาก 177 กม.ต่อชั่วโมง มาเป็นไม่เกิน 80 กม.ต่อชั่วโมงนั้น มีใครอยู่ร่วมด้วย

"ดังนั้นใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการทำลายกระบวนการยุติธรรมในคดีบอส ต้องไม่มีที่ยืนบนผืนแผ่นดินนี้ และสำคัญที่สุดจะต้องไม่ให้โอกาสคนชั่วเหล่านี้ได้เหยียบบันได อบจ.จังหวัดเชียงใหม่เด็ดขาด"

นายจตุพร ย้ำการท้าทายว่า หากพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าใครสุจริตจริงแล้ว ให้ตัวแทนพรรคหรือผู้สมัคร นายก อบจ.ก็ได้ไปพบนายวิชากับตน ซึ่งจะได้รู้ถึงขบวนการซื้อทำลายกระบวนการยุติธรรมเพื่อช่วยเหลือลูกเศรษฐีคนหนึ่งให้พ้นจากความผิดได้อย่างไร โดยคนเชียงใหม่จะได้ตาสว่างกัน

อีกทั้ง ย้ำถึงความศรัทธาต่อพระครูบาศรีวิชัย พระนักต่อสู้เป็นพระในตำนานของคนเหนือเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ ฉะนั้นจึงขอบอกว่า ตนและนายบุญเลิศ ไม่มีวันเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐโดยเด็ดขาด ดังนั้นการกล่าวหาไม่ส่งลงสมัครในพรรคเพื่อไทยเพราะเป็นคนพลังประชารัฐ จึงเป็นข้อมูลเท็จสิ้นเชิง

ส่วนมีเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งโดยการนำของนายแก้ว เสื้อแดงฝาง ได้เรียกร้องให้ลาออกจากประธาน นปช.นั้น นายจตุพร ย้ำว่า พวกนี้กล่าวหาว่าตนไปอยู่พลังประชารัฐ ซึ่งไม่เป็นความจริง และตนเป็นนักประชาธิปไตยถ้าจะออกจาก นปช.แล้ว ต้องไปด้วยแนวทางประชาธิปไตย ไม่ใช่จากไปด้วยการกล่าวหาเท็จว่า เป็นคนพลังประชารัฐเช่นนั้น

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (10 ธ.ค.) มีพี่น้องเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งแถลงข่าวปกป้องตน จึงขอขอบคุณ แต่การทำงานทางการเมืองทุกวันนี้ ควรร่วมกันสร้างแบบอย่าง ถ้าอยู่บนพื้นฐานการสร้างความเท็จแล้ว ย่อมอยู่ยากอยู่ไม่นาน ดังนั้น จึงควรสนับสนุนนายบุญเลิศ คนที่ชาวเชียงใหม่รัก ให้ได้ทำหน้าที่เป็นแบบอย่างทางการเมืองของชาวเชียงใหม่อีกครั้งหนึ่ง


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"