ล็อกดาวน์รัฐฉาน-แม่สอดผวา


เพิ่มเพื่อน    

“ศบค.” พบผู้ป่วยโควิดใหม่ 12 ราย มาจากต่างประเทศทั้งหมด ขณะ “สธ.” เผยจากท่าขี้เหล็กพบติดเชื้อเพิ่มอีก 4 ราย ส่งรักษาแล้วอาการไม่รุนแรง ส่วนเคส “บุคลากรทางการแพทย์” ยังคงที่ 6 ราย ไม่พบติดเพิ่ม พม่าสั่งล็อกดาวน์ 5 เมืองใหญ่ในรัฐชาน ขณะที่เมียวดีตรงข้ามแม่สอดติดวันเดียว 33 คน  
    เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 12 ราย ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ทั้งหมด ทำให้มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,192 ราย ยอดหายป่วยสะสม 3,915 ราย มีผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 217 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 60 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ มาจากเยอรมนี 1 ราย, สวีเดน 1 ราย, สหราชอาณาจักร 1 ราย, บาห์เรน 7 ราย, อินเดีย 1 ราย และคูเวต 1 ราย
    สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 71,432,996 ราย อาการรุนแรง 106,663 ราย รักษาหายแล้ว 49,663,433 ราย เสียชีวิต 1,601,088 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 16,295,458 ราย 2.อินเดีย จำนวน 9,827,026 ราย 3.บราซิล จำนวน 6,836,313 ราย 4.รัสเซีย จำนวน 2,597,711 ราย 5.ฝรั่งเศส จำนวน 2,351,372 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 151 จำนวน 4,192 ราย
    ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป แถลงว่า สำหรับความคืบหน้าการสอบสวนโรคในเคสบุคลากรทางการแพทย์ ขณะยังมีผู้ป่วยแค่ 6 ราย ทุกรายอาการไม่รุนแรง มีอาการน้อยเหมือนไข้หวัด ส่วนไทม์ไลน์ของผู้ป่วยบุคลากรทางการแพทย์ รายที่ 6 อายุ 29 ปี ในกรุงเทพฯ วันที่ 3 ธ.ค. กินข้าวเที่ยงกับผู้ป่วยรายที่ 1 และเวลา 15.00 น. เจอกันอีกรอบ นั่งโต๊ะเดียวกัน ระยะห่าง 1 เมตร ไม่ได้สวมหน้ากาก เนื่องจากเป็นกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
    จากนั้น วันที่ 4 ธ.ค. ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลเอกชน วันที่ 5 ธ.ค. เมื่อทราบว่ารายที่ 1 ติดเชื้อ ผู้ป่วยจึงไปตรวจที่คลินิกโรคทางเดินหายใจ มีการสวมหน้ากาก และช่วงเย็นระหว่างรอผลตรวจได้ไปซูเปอร์มาร์เก็ต โดยสวมหน้ากากและหลีกเลี่ยงใกล้ชิดกับผู้อื่น ต่อมาวันที่ 6 ธ.ค. ผลตรวจออกมาติดเชื้อ ได้รับคำสั่งให้กักตัวที่พัก และวันที่ 8 ธ.ค. มีอาการไข้ 37.6 องศา เวลา 10.00 น. เข้ารับการตรวจอีกครั้งที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ผลพบเชื้อจึงเข้ารับการรักษาในห้องแยก ส่วนเพื่อนร่วมงาน 10 คน ที่เป็นผู้สัมผัสได้รับการตรวจแล้ว ผลไม่พบเชื้อ  
    ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรณีผู้ติดเชื้อจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา 49 ราย ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม และวันเดียวกันนี้ จ.เชียงรายได้ร่วมกับ จ.ท่าขี้เหล็ก จัดระบบให้กับคนไทยที่ยังตกค้างอยู่ จ.ท่าขี้เหล็กให้กลับสู่ประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายทางด่านปกติ ซึ่งมีผู้แสดงความจำนงกลับเข้ามา เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 107 คน ประกอบด้วย ผู้ใหญ่ 104 คน เด็ก 3 คน
    อธิบดีกรมควบคุมโรคเผยว่า จากการประสานงานกันล่วงหน้าทางเมียนมาได้มีการตรวจหาเชื้อก่อน พบมีผู้ติดเชื้อในกลุ่มนี้ 5 ราย ส่งไปรักษาเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่เหลือเข้าสู่สถานกักกันโรคของรัฐที่ จ.เชียงราย โดยมีการตรวจหาเชื้อทันที พบอีก 4 รายติดเชื้อ และนำเข้าสู่การรักษาเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้นในกลุ่มแรกจากท่าขี้เหล็ก 107 รายนี้ รวมพบผู้ติดเชื้อ 9 ราย ซึ่งมีอาการน้อยมาก ไม่น่าเป็นห่วง ขณะนี้เรากำลังตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจาก จ.เชียงราย
สายพันธุ์ G จากอินเดีย
    นพ.โอภาสกล่าวอีกว่า ที่มีการสอบถามว่าสายพันธุ์ของเชื้อจากท่าขี้เหล็กต่างกับสายพันธุ์อื่นอย่างไร ขอเรียนว่าปัจจุบันเชื้อโคโรนาไวรัสมีการกลายพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ซึ่งสายพันธุ์ที่ระบาดในปัจจุบันเรียกง่ายๆ ว่าสายพันธุ์ G จากข้อมูลที่เราติดตามจากท่าขี้เหล็กและมาติดในประเทศไทยในหลายราย ผลเบื้องต้นจากการเอาเชื้อไปถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวพบว่า รหัสพันธุกรรมตรงกัน บ่งชี้ว่าจุดแพร่กระจายเชื้อมาจากจุดเดียวกันคือท่าขี้เหล็ก และเมื่อไปเทียบสายพันธุ์นี้จากแหล่งระบาดอื่นๆ พบว่าตรงกับสายพันธุ์ที่มาจากประเทศอินเดีย
    "จากข้อมูลนี้เราสรุปเบื้องต้นได้ว่า การแพร่ระบาดของสายพันธุ์นี้เริ่มต้นจากประเทศอินเดีย มาเมียนมา มาที่ จ.ท่าขี้เหล็ก และตอนนี้มาสู่ประเทศไทย แต่ทั้งหมดเราสามารถควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้" อธิบดีกรมควบคุมโรคระบุ
    ขณะที่รัฐบาลกลางของเมียนมาสั่งการไปยังรัฐชานออกมาตรการปิดเมือง 5 เมือง ได้แก่ ท่าขี้เหล็ก เชียงตุง เมืองโตง เมืองยอง และเมืองสาด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองกำลังผาเมืองร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดเชียงราย, เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรในพื้นที่, ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, ฝ่ายปกครอง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.เชียงราย เปิดปฏิบัติการ Re X-ray ตรวจสอบ บุคคลกลุ่มเสี่ยงและบุคคลต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย รวมถึงรณรงค์ชาวบ้านในพื้นที่ในการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.เชียงราย ได้แก่ อ.แม่สาย, อ.เชียงแสน และ อ.เชียงของ ช่วงวันที่ 9-15 ธ.ค.63
    โดยมีการปฏิบัติดังนี้ การปฏิบัติตามแนวชายแดน ใช้กำลังทหาร, ตำรวจตระเวนชายแดน และหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง ทำการลาดตระเวนเฝ้าตรวจตามช่องทาง/ท่าข้าม รวมถึงการตั้งจุดสกัดตามเส้นทางเลียบแนวชายแดน เสริมด้วยมาตรการในการติดตั้งไฟส่องสว่าง การขึงรั้วลวดหนาม การใช้ยุทโธปกรณ์พิเศษทั้งกล้อง CCTV และโดรน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการสกัดกั้นผู้ที่จะลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย,  การปฏิบัติในพื้นที่ตอนในหรือพื้นที่ชุมชน ใช้กำลังจากเจ้าหน้าที่ ตำรวจ, ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน ตั้งจุดคัดกรองโควิด ตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้า-ออกพื้นที่ รวมไปถึงบุคคลแปลกปลอมที่เข้ามาในหมู่บ้าน
    สำหรับการปฏิบัติตามในพื้นที่เสี่ยง บริเวณสถานประกอบการ, ร้านค้า, โรงงาน, บ้านเช่า/หอพัก และตามไร่สวนในพื้นที่ ใช้กำลังจากฝ่ายปกครอง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รวมถึงแรงงานและพาณิชย์จังหวัดเชียงราย ในการค้นหา/ตรวจสอบ บุคคลกลุ่มเสี่ยง รวมถึงการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันที่ทางรัฐกำหนด
    นอกจากนี้ ยังทำการตั้งจุดตรวจตามเส้นทางหลัก/รอง ที่ใช้ออกจากอำเภอ โดยใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครรักษาดินแดน เพื่อคัดกรองบุคคลที่จะออกจากอำเภอชายแดนเข้าพื้นที่ตอนในของ จ.เชียงราย
แม่สอดผวาฝั่งเมียวดีก็หนัก
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์อะเลก วิน ( Dr.Alex Volunteer) แพทย์อาสาศูนย์โควิด-19 ประจำจังหวัดเมียวดี ตรงข้ามบ้านริมเมย ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวว่า     สถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ในจังหวัดเมียวดีมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น
    ล่าสุด จ.เมียวดีพบผู้ป่วยติดโควิดเพียงวันเดียว คือวันที่ 11 ธันวาคม เวลา 20.00 น. (เวลาท้องถิ่น) จำนวน 33 คน และเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลชั่วคราว (ศูนย์โควิด-19) ในจังหวัดเมียวดี ขณะที่มีผู้ป่วยโควิด-19  ในโรงพยาบาล จำนวน 289 ราย หลังจากพบผู้ป่วยเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวนผู้ป่วยทุกคน เพื่อขยายผลไปยังผู้สัมผัสและผู้ที่มีความเสี่ยงสูง
    ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเมียนมาระบุว่า จำนวนผู้ป่วย 33 คนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 นาย เป็นพลตำรวจหญิง 1 ราย ชาย 1 ราย และนายตำรวจยศร้อยตำรวจโทอีก 1 นาย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ล็อกดาวน์ สภ.เมียวดี พร้อมนำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 พร้อมทั้งฉีดยาพ่นฆ่าเชื้อใน สภ.เมียวดีและ   บริเวณโดยรอบ   
    ส่วนการป้องกันโรคโควิด-19 ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก เจ้าหน้าที่ทหารไทยร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจตระเวนชายแดนตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตากยังคงเข้มงวดการจับกุมบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมา ชาวจีน และชาวไทย ที่ลักลอบข้ามไปมาระหว่างชายแดนอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ราษฎรเมียนมาต่างได้รับความเดือดร้อนจากการระบาดของโรคโควิด-19 จึงต้องพยายามหนีเข้ามาเขตไทยเพื่อหางานทำ
    รายงานข่าวแจ้งว่า นายชัยพฤกติ์ เชียรธานรักษ์ นายอำเภอแม่สอด ได้สั่งการให้นายภัทรดนัย อุทัยรัตน์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานความมั่นคง, นายธวัชชัย อ่อนสาร ปลัดอำเภองานป้องกัน, นางสาวศิริพร สอนไว ปลัดอำเภอกลุ่มงานความมั่นคง  นำกำลังพล สมาชิกกองอาสารักษาดินแดนอำเภอแม่สอดที่ 3   ร่วมกับนายไพรัตน์ กิจราติยุคีรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 ตำบลด่านแม่ละเมา และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ออกตรวจลาดตระเวนตรวจพื้นที่ภายในหมู่บ้าน เพื่อป้องกันการเดินทางเข้า-ออกของบุคคล ยานพาหนะ และสิ่งของ ในสถานการณ์ป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตากต่อไป
    นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และเชียงรายว่า ได้กำชับให้ทางเรือนจำกลางเชียงใหม่ เรือนจำกลางเชียงราย และเรือนจำในพื้นที่ใกล้เคียง มีมาตรการควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด โดยจากรายงานจากทั้ง 2 พื้นที่สถานการณ์ยังปกติไม่มีผู้ติดเชื้อ และมีมาตรการที่เข้มงวดตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ในส่วนของผู้ต้องขังได้ให้ล้างมือและเท้าด้วยแอลกอฮอล์ รวมถึงการตรวจวัดไข้จากแพทย์ ส่วนเจ้าหน้าที่ในเรือนจำเราให้สวมใส่หน้ากากอนามัยในขณะปฏิบัติงาน และล้างมือด้วยแฮลกอฮอล์อย่างสม่ำเสมอ วัดอุณหภูมิก่อนเข้า รวมทั้งกำชับว่าอย่าไปในที่คนพลุกพล่านเป็นจำนวนมาก
    นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของผู้ต้องขังเข้าใหม่ จะมีมาตรการตรวจร่างกายก่อนเข้าเรือนจำ และมีการแยกเข้าห้องกักโรครวมทั้งหมด 16 วัน และตรวจร่างกายซ้ำอีกรอบ เมื่อปลอดเชื้อ 100% เราถึงจะนำตัวเข้าแดนแรกรับ นอกจากนี้ในส่วนของการเข้าเยี่ยมญาติ ทางเรือนจำได้หยุดการเข้าเยี่ยมไว้ก่อนจนสถานการณ์จะดีขึ้น เบื้องต้นเราได้ห้ามเยี่ยมจนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. และขณะนี้เราห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของเรือนจำเข้าโดยเด็ดขาด เพื่อเป็นการป้องการนำเชื้อเข้าสู่เรือนจำ ซึ่งขณะนี้สภาพความแออัดในเรือนจำถือว่าดีขึ้นมาก หลังจากที่เรามีนโยบายนำเตียง 2 ชั้นเข้าไปใช้ ทำให้ผู้ต้องขังมีพื้นที่มากขึ้น ไม่ต้องนอนแออัดเบียดเสียดเหมือนเมื่อก่อน นอกจากทำให้ผู้ต้องขังลดความเครียด มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังมีอาการเจ็บป่วยที่ลดลงด้วย
    "ผมได้สั่งการให้เรือนจำทุกแห่งมีมาตรการป้องกันโควิดอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดที่พบผู้ป่วยโควิด เพราะหากเชื้อเข้าสู่เรือนจำแล้วจะควบคุมการแพร่ระบาดได้ยาก เพราะแต่ละเรือนจำมีผู้ต้องขังหลายพันคน ดังนั้นเราต้องมีมาตรการที่เข้มข้นในการป้องกันเอาไว้ก่อน ซึ่งจากการรายงานเข้ามาของแต่ละเรือนจำถือว่าทำได้ดีมาก แต่ตนก็ได้กำชับว่าห้ามประมาทเด็ดขาด ต้องควบคุมให้เข้มงวดตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข" นายสมศักดิ์กล่าว.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"