รมว.กระทรวงทรัพย์ นำทีม ร่วมขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ลุยแก้ปัญหา เมืองสุพรรณฯ


เพิ่มเพื่อน    

 

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธ.ค. 2563 ที่ ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี จ.สุพรรณบุรี นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) พร้อมด้วย นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงฯ นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ผู้บริหารกระทรวงฯ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดสุพรรณบุรี และประชาชนในพื้นที่ร่วมกิจกรรมขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน

 

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบการดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม โดยกระทรวงฯ ดำเนินการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน ทั้งปัญหาที่ดินทากิน ปัญหาภัยแล้ง ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภคบริโภค ปัญหาผักตบชวา กีดขวางทางน้ำ การบริหารจัดการคุณภาพน้ำดี น้ำเสีย โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเหล่านี้ กระทรวงฯ ได้เร่งดำเนินการแก้ไขในทันที ส่วนปัญหาที่ไม่ได้อยู่ในความดูแลของกระทรวงฯ จะเป็นผู้ประสานงานและเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

 

 

สำหรับการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันจังหวัดสุพรรณบุรี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาการว่างงานจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด – 19 จัดหางบประมาณเพื่อจ้างบุคลากรในการปลูกและพื้นฟูป่า แก้ไขปัญหาภัยแล้ง และขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และน้ำอุปโภคบริโภค รวมทั้งเส้นทางของน้ำยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ชุมชนทั้งหมด โดยในระยะสั้น เร่งลงพื้นที่เพื่อสำรวจพื้นที่ประสบภัยแล้ง และตำแหน่งที่เหมาะสมกับการขุดเจาะน้ำบาดาล ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน เพื่อทำโครงการเสนอของบประมาณ ในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ติดตามโครงการระบบน้ำบาดาลทางไกล การติดตั้งหอถังน้ำ ความจุ 300,000 ลิตร สาหรับระบบบาดาลขนาดใหญ่ส่งน้ำระยะไกล ให้พื้นที่ขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและสำหรับทาการเกษตรไม้ผล ซึ่งจะสามารถกระจายน้ำครอบคลุม พื้นที่ 3 ตำบล 2 อำเภอ ได้แก่ ต. ตลิ่งชัน ต. สนามคลี อ. เมือง และ ต. ไร่รถ อ. ดอนเจดีย์ พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์ไม่น้อยกว่า 20,000 คน และจะใช้เป็นโมเดลต้นแบบในการแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ประสบภัยแล้งแห่งอื่นๆ

ส่วนในระยะยาว ดำเนินการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ ภายใต้โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า โดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นน้ำที่อยู่เหนือเขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อเติมน้ำให้เขื่อนในระยะยาว นอกจากนี้ได้เร่งรัดศึกษารายละเอียดการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ให้เข้าสู่พื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี เร่งรัดการจัดทาอ่างเก็บน้ำและระบบกระจายน้ำ ในลักษณะบ่อพลวง เพื่อเก็บกักน้ำในฤดูแล้ง และเป็นแก้มลิงในฤดูน้ำหลาก รวมทั้งเพื่อเตรียมการ รองรับน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ รวมถึงสำรวจแผนที่เส้นทางน้ำ เพื่อวางแผนการบริหารจัดการน้ำในแต่ละลุ่มน้ำย่อยในระยะยาว และแก้ไขปัญหาผักตบชวากีดขวางทางน้ำ โดยเตรียมจัดทาโครงการจ้างงานเพื่อระดมกาลังในการจัดการผักตบชวา ออกจากแหล่งน้ำ รวมทั้งกำหนดแนวทางหรือมาตรการเพื่อไม่ให้ผักตบชวากลับมาขยายพันธุ์อีก ขณะที่ปัญหาที่ดิน ได้ดำเนินการจัดสรรที่ดินภายใต้กลไกคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) เร่งรัดการจัดสรรที่ดินในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2563

 

นอกจากนี้ การแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย โดยเฉพาะปัญหาขยะพลาสติก จากวันดีเดย์การใช้มาตรการงดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วในห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อขนาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2563 ส่งผลให้ประชาชน ส่วนใหญ่ปรับวิถีชีวิตเริ่มเคยชิน กับการลดใช้ถุงพลาสติก ซึ่งไม่ได้ห้ามใช้ แต่สนับสนุนให้ใช้หลายครั้งแทนการใช้ ครั้งเดียวทิ้ง โดยจะยังเดินหน้าเพิ่มการรณรงค์ให้ครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ปัจจุบันพบว่ามีความพยายามลดขยะพลาสติกด้วยการนำมาแปลงสภาพเป็นสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใช้งานประเภทอื่น หรือ "Upcycle" เช่น นำพลาสติกไม่ใช้แล้วเปลี่ยนสภาพเป็นจีวร ย่ามพระ และกระถางต้นไม้ ฯลฯ ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ และสานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมประสานเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี พิจารณารูปแบบทางเทคนิควิชาการที่จะนามาใช้ในศูนย์กาจัดขยะมูลฝอยเทศบาล เทศบาลเมืองสุพรรณบุรี รวมทั้ง พิจารณาแนวทางการกำหนดกลุ่มพื้นที่ (Cluster) ในการรวบรวมและกำจัดขยะมูลฝอยอื่นๆ ให้ครอบคลุมปริมาณขยะจังหวัดสุพรรณบุรี ส่งเสริมการจัดการขยะที่ต้นทางโดยความร่วมมือจากประชาชน สร้างการรับรู้ให้แก่ประชาชน ลด และคัดแยกขยะตั้งแต่ครัวเรือน ซึ่งย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งแวดล้อม ต้องเริ่มที่ตัวเอง และรวมพลังร่วมด้วยช่วยกัน ปรับวิถีชีวิต สู่ความยั่งยืน เป็นการใช้ชีวิตอย่างรับผิดชอบ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี ของทุกน
 

ด้าน นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กล่าวเสริมว่า ในวันนี้ มีการมอบแนวนโยบายขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันของกระทรวงฯ และการจัดแสดงนิทรรศการผลงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกัน ของหน่วยงานสังกัด ทส.และหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาคเอกชน จำนวน 13 หน่วยงาน เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานในพื้นที่ รับทราบแนวนโยบายการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เกิดความเข้าใจร่วมกันในแนวทาง บทบาท และการหนุนเสริม ระหว่างหน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานในสังกัดจังหวัดสุพรรณบุรี ดำเนินงานขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้ความสำคัญกับการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงาน และการส่งเสริมภาคประชาชน ในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา และสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินงานในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการเชื่อมประสานการทำงานจนเป็นเครือข่าย ที่เป็นกลไกสำคัญในการดำเนินงาน ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับอำเภอ จนถึงระดับจังหวัด โดยมีผู้เข้าร่วม กิจกรรรม รวม 250 คน ประกอบด้วย ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี ผู้แทนหน่วยงานในจังหวัดสุพรรณบุรีที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนภาคีเครือข่ายภาคเอกชน ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"