ตัวโตและตัวโตเล็ก สัตว์นำโชคของของชาวชนเผ่า

 

    ในที่สุดเราก็ได้เคาะฝุ่นเสื้อกันหนาวมาใส่สักที เพราะหนาวนี้เราจะขึ้นเหนือไปเยือนงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง ครั้งที่ 7  ณ โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จัดขึ้นโดย มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้แนวคิด “บ้านแห่งความรัก” เพราะประเทศไทยเปรียบเสมือนบ้านของทุกคน และที่ดอยตุงก็คือบ้านของชาวเชียงราย ที่พร้อมจะนำเสนอความประทับใจของดอกไม้เมืองหนาวนานาพันธุ์ให้ได้ชม ลิ้มรสอาหารชนเผ่า และกิจกรรมต่างๆมากมาย โดยงานจะจัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ - 31 มกราคม 2564 เวลา 08.00 – 18.00 น. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 

     ช่วงที่ไปพอดีกับกระแสข่าวคนติดเชื้อโควิด -19 จากท่าขี้เหล็ก เมียนมาร์ กำลังมาแรง แต่หม่อมหลวงดิศปนัดดา ดิศกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ  ซึ่งมาเป็นประธานเปิดเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง  ยืนยันว่า ไม่ต้องกังวล  โดยสถานที่จัดงานนั้นอยู่บนดอยมีอากาศที่ถ่ายเท  ภายในงานได้ยกระดับมาตรการป้องกัน โควิด 19 เชิงรุก ดูแลสุขอนามัยขั้นสูงสุด  เพิ่มเติมจากมาตรการปกติที่ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ ทำความสะอาดพื้นที่และอุปกรณ์ให้บริการ รวมถึงจุดที่มีการสัมผัสบ่อยด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุก 3 ชั่วโมง  ฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสถานที่ท่องเที่ยว และฆ่าเชื้อโรคด้วยแสง UV ในทุกพื้นที่ปิดเป็นประจำทุกเย็น และกำหนดจุดใช้บริการแบบเว้นระยะห่างอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้การจัดงานถือว่าเป็นการมอบความสุขและกำลังใจให้คนไทย รวมถึงจะช่วยกระตุ้นธุรกิจภายในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมทั้งเพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้ในฤดูท่องเที่ยวให้ชุมชนดอยตุงด้วย 
    
    พอได้ยินอย่างนี้แล้ว เหมือนยกภูเขาออกจากออก เพราะสามารถกิน เที่ยว และพักได้ที่ดอยตุงจบครบในที่เดียวเลย  ด้วยพื้นที่เดินในส่วนต่างๆกว้างขวางมากๆ คนที่อยากถ่ายรูปก็สามารถถอดหน้ากากอนามัยได้  แต่หลังจากถ่ายเสร็จก็จะต้องสวมหน้ากากอนามัยเช่นเดิม  เพื่อความปลอดภัยและสบายใจของทุกคน 

    เอาล่ะ...เรามาเที่ยวชมงานให้มีความสุขดีกว่า ปีนี้ที่งานมีความพิเศษคือ ตัวโตยักษ์  สัตว์แห่งความโชคดีในตำนานของชาวไทยภูเขา ประติมากรรมสื่อผสมที่สูงกว่า 9 เมตร ได้มีตัวโตเล็กเพิ่มมากอีก 1 ตัว ยืนเคียงกันน่ารักมากๆ เป็นจุดเช็คอินแรกที่เราต้องมาถ่ายรูปด้วยเลย ซึ่งภายในงานจะมีจุดเช็คอินทั้งหมด 10 จุดด้วยกัน  แต่ละจุดอยู่ห่างกันไม่มากเดินสบายๆ ไปต่อกันที่สวนแม่ฟ้าหลวง ซึ่งถือว่าเป็นไฮไลท์ของงาน ดอกไม้สวยงามไม่แพ้ทุ่งดอกไม้ที่อื่นแน่นอน เพราะมีการจัดสวนดอกไม้ให้เป็นลายผ้า 6 ชนเผ่า ล้อมรอบประติมากรรม และในแต่ละปีจะมีการสลับสับเปลี่ยนพันธุ์ไม้เมืองหนาวที่นำมาปลูกในแต่ละปี อาทิ ดอกเจอราเนียม สีสดใส ดอกไม้ทรงโปรดของสมเด็จย่า และดอกไม้ที่จะพบเฉพาะในงานนี้เท่านั้น คือ สแนปดราก้อน  ไลซิแอนธัส ฟ็อกโกลฟ์ เดลฟีเนียม  เป็นต้น ยังมีจุดชมวิวที่ได้ทำขึ้นมาใหม่ให้มองเห็นสวนแม่ฟ้าหลวงในมุมกว้างขึ้น

เครื่องดื่มรสชาติดีจาก ใฝ่ดี คาเฟ่

    ภายในสวนยังมีมุมสนามเด็กเล่น ให้เด็กได้มาผ่อนคลาย และโรงกล้วยไม้ ที่มีดอกกล้วยไม้หลายชนิด มาอีกจุดที่เราเตรียมท้องมาพร้อมมาก คือ จุดของกาดชนเผา ที่มีการแบ่งโซนเป็นอาหารชนเผ่าแท้ๆ อาหารชนเผ่าประยุกต์และอาหารทั่วไป เมนูที่ห้ามพลาด อย่าง ข้าวฟืนทอดอาหารชาวไทใหญ่ หรือซาจ๊อยทอด เมนูประจำชนเผ่าลาหู่  ยังมีกิจกรรมแอดเวนเจอร์ อย่าง ฟอร์มูล่าดอย หรือดอยตุง ทรี ท็อป วอล์ค ที่เราจะต้องเดินบนทางเดินเรือนยอดไม้ ซึ่งสูงกว่า 30 เมตร ระยะทางเกือบ 300 เมตร สัมผัสบรรยากาศท่ามกลางป่าร่มรื่น ส่วนกิจกรรมเบาๆกันบ้างเหมาะกับทุกคนต้องมาถ่ายรูปเช็คอิน ตัวหนังสือ หลากเชื้อชาติ ที่แปลเหมือนกันว่า สีสันแห่งดอยตุง 5 ภาษา ได้แก่ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น จีน เกาหลี และลาว ปิดท้ายมื้อเย็นนี้ที่ ครัวตำหนัก กับอาหารเมนูพิเศษ เฉพาะงานสีสันแห่งดอยตุงปีนี้

             เราได้เลือกทาน บะหมี่เส้นสดซุปไก่ดำตุ๋นตำรับยูนนาน ที่มีรสชาติเฉพาะ ดีตรงเส้นบะหมี่สดเหนียวนุ่มมาก หรือจะเลือกทานสปาเก็ตตี้รากชูไก่ทอดมะแขว่น ยำสลัดวอเตอร์เครสไก่ฉีก และข้าวสดชื่น กินคาวก็ต้องกินหวานเคียงคู่กับซูเฟลแมคคาเดเมีย หรือครัมเบิลสับปะรดภูแล  

ข้าวฟืนทอดอาหารชาวไทใหญ่

บะหมี่เส้นสดซุปไก่ดำตุ๋นตำรับยูนนาน

นอนหลับสบายที่ ดอยตุงลอดจ์

 

วิวมุมสูงสวนแม่ฟ้าหลวง เต็มไปด้วยดอกไม้เมืองหนาว

 

    พอถึงค่ำคืนนี้ ได้เวลาพักผ่อน พวกเราพักกันที่ ดอยตุงลอดจ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกับดอยตุง มีรถคอยให้บริการรับส่งจากที่พักมายังงาน ด้วยสไตล์ห้องที่เรียบง่าย ตกแต่งด้วยงานหัตกรรม มองไกลๆวิวมุมสูงเห็นเทือกเขาน้อยใหญ่ ที่นี่ห้องพักมีจำนวน 45 ห้อง มีให้เลือกทั้งแบบ Deluxe Mountain View และ Deluxe Garden View พร้อมรับประทานมื้อเช้าที่ห้องอาหารลีลาวดี ที่มีข้าวต้ม เสริฟคู่กาแฟดอยตุง และอีกหลากหลายเมนูที่ได้ลิ้มลองแล้วจะติดใจ ทั้งนี้ราคาอาจเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลท่องเที่ยว สามารถสอบถามเพิ่มเติม หรือสำรองที่พักโทร.053-767015 ต่อ 21700  

กุหลาบพันปี ไม่ออกมาหลายปี แต่ปีนี้ ออกมาให้เชยชม แม้จะเป็นดอกเดียว

    เช้ารุ่งขึ้น  เราจะไปกันที่สวนรุกชาติแม่ฟ้าหลวง (ดอยช้างมูบ)  เตรียมพร้อมร่างกาย สวมเสื้อแขนยาวหนาๆไว้ เพราะบนดอยเป็นจุดสูงสุดของดอยตุง และแนวเทือกเขาดอยนางนอนซึ่งอากาศจะหนาวกว่ามาก ที่นี่มีมัคคุเทศก์น้อยดอยตุง จากศูนย์เด็กใฝ่ดีมานำชม และยังได้ชื่อว่าเป็นดินแดนดอกกุหลาบพันปีโรโดเดนดรอน ที่มีดอกกุหลาบลูกผสมอื่นๆ ส่วนดอกไม้ที่สร้างสีสันบรรเจิดให้กับสวน  มีทั้งดอกแมกโนเลีย ดาวเรือง ดอกอาซาเลีย ดอกเดซี่เป็นต้น พักเหนื่อยที่ร้านใฝ่ดี คาเฟ่ที่มีเฉพาะในงานเทศกาลสีสันแห่งดอยตุง บราวนี่อร่อยมาก ขับกล่อมเคล้าคลอไปกับเสียงดนตรี และการแสดงจากน้องๆ ชนเผา

ดอกเจอราเนียม ดอกไม้ั ทรงโปรดของสมเด็จย่า
     และต้องไม่พลาดเด็ดขาด คือการเดินขึ้นไปยอดดอยชมดอกกุหลาบพันปี อายุ 900 ปี สุดแสนจะดีใจและตื่นเต้นที่สุด เพราะปีนี้ ดอกกุหลาบพันปี เบ่งบานให้เราได้ยลโฉมตั้ง 1 ดอก หลังจากที่หลายปีมานี้ ไม่มีดอกออกมาให้ชื่นชม  จากนั้นเราขึ้นไปถึงยอดดอย เพื่อสัมผันกับหมอกหนาที่พัดผ่านมา ให้กอบโกยความหนาว สร้างความสดชื่น ชื่นอกชื่นใจไปตามๆกัน  จนอยากจะหอบอากาศดีแบบนี้กลับกรุงเทพฯไปด้วยจังเลย. 

 

ดอกแมกโนเลีย ดอกอาซาเลียต้น

ยิ้มแย้มสดใสกับดอกไม้บนดอยช้างมูบ

 

หมอกหนาๆกับการแสดงของน้องๆชนเผา