ส.ค.ส.2564 แด่คนรุ่นใหม่ทั้งหลาย


เพิ่มเพื่อน    

 

                                            (1)

                เผลอแวบเดียว...ก็เกือบจะหมดปี สิ้นปี กันอีกซะแล้ว!!! จะเป็นเพราะแก่ ความชรา หรือความอะไรต่อมิอะไรก็มิอาจสรุปได้ เลยทำให้อดรู้สึกไม่ได้ว่า แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง มันชักจะมาไว-ไปไว หนักเข้าไปทุกที ต่างไปจากช่วงยังเป็นหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย จังหวะนั้น...ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ดูจะหนักไปทางเชื่องช้า ยืดๆ ยาดๆ ถึงอยากโตไวๆ แต่ไม่ว่าโตเท่าไหร่ ก็ดันไม่ถึงกับเป็น ผู้ใหญ่ แบบใครต่อใครเค้าซักกะที...

                                                     (2)

                อันนี้นี่แหละ...ที่อาจถือเป็นความแตกต่างระหว่าง เด็ก กับ ผู้ใหญ่ ต่างกันชนิดที่แม้กระทั่ง เวลา ยังดูเหมือนกับไม่คิดจะ เสมอภาค ยังมีสั้น มียาว ไปตามมาตรฐานทางความรู้สึกของแต่ละราย แต่ละคน ไปจนได้ ดังนั้น...แทบไม่ต้องเสียเวลาไปพูดถึงเรื่องอื่น ที่ยังไงๆ มันคงแทบไม่มีโอกาสเหมือนกัน หรือเป็นพิมพ์เดียวกัน อยู่แล้วแน่ๆ เพียงแต่ว่า...ถ้าหากมันยังมีโอกาสคล้ายคลึงกันมั่ง หรือยังมีบางสิ่ง บางอย่าง ที่พอช่วยยึดโยง ช่วยบูรณาการ ไม่ให้มันถึงกับผิดแผก แตกต่าง แบบชนิด ขาว กับ ดำ หรือ ความสว่าง กับ ความมืด อะไรทำนองนั้น ก็ต้องถือว่า...พอใช้ได้ หรือพออยู่ๆ กันไปได้...

                                                      (3)

                เหตุที่ต้องปรารภ รำพึง ถึงสิ่งที่เป็นไปในแนวนี้...ก็คงไม่มีอะไรหรอกทั่น!!! คืออาจด้วยเหตุเพราะอีกไม่นาน-ไม่ช้า ไม่ใกล้-ไม่ไกล คงได้เวลาที่อันตัวข้าพเจ้าเองหนีไม่พ้นต้อง นอนมา โดยมี พระ สวดนำหน้า กุศลาธัมมา-อกุศลาธัมมา ก่อนไปนอนเอ้เต้อยู่บน เมรุ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ จะอีกซักกี่วัน กี่เดือน กี่ปีก็แล้วแต่ แต่โดยแนวโน้มคงไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์และตั้งข้อสมมุติฐานใดๆ หรือต้องถือเป็น ช่วงขาลง ที่แค่ไม่ถึงกับกลิ้งหลุนๆ หกคะเมน ตีลังกา ลงมาจากยอดดอย หรือจากเนินใดๆ ก็ต้องถือเป็นพระคุณอย่างยิ่งแล้ว ยิ่งใกล้ช่วง ปีใหม่ ไม่ว่าปีใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่าง...ย่อมถือเป็นอันสั้นลงๆ ไปตามลำดับ ต่างไปจากบรรดาพวกหนูเล็กๆ และเด็กทั้งหลายในปัจจุบัน ที่กำลังอยู่ใน ช่วงขาขึ้น ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                                        (4)

                แต่ก็ด้วยเหตุที่ การขึ้น นั้น...มันคงไม่ถึงกับง่ายดาย สะดวก สบาย มากไปกว่า การลง ซักเท่าใดนัก คืออย่างน้อย...คงต้องอาศัย สติ และ ปัญญา และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความอดทน-อดกลั้น หรือประเภทความเพียร ความมุ่งมั่น ความพยายามทั้งหลาย จะไปแอ่นระแน้ เอวบาง ร่างน้อย เหยียบอุจจาระไก่ไม่ฝ่อไปเรื่อยๆ นั้น...คงลำบาก!!! ไม่ว่าโลกมันจะสวย หรือจะเป็นสีชมพู กันในระดับไหน ดังนั้น...อะไรก็ตามที่ผู้ที่ได้ชื่อว่า ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ท่านนำมาบอกเล่า เก้าสิบ นำเอา บทเรียน และ ประสบการณ์ มาขยายให้ฟังกันไปเป็นเรื่องๆ นั้น คงต้องหัดเงี่ยหูฟังเอาไว้มั่ง และคงต้องพยายาม ฟังให้ได้ยิน อย่าปล่อยให้เข้าหูซ้าย ทะลุออกไปทางหูขวา ซะทุกๆ เรื่อง ทุกๆ กรณี...

                                                      (5)

        ไม่เช่นนั้น...โลกที่ตัวเองพยายามป่ายปีน หรือคงต้องกลายเป็นผู้ครอบครองอยู่แล้วแน่ๆ สุดท้าย...มันอาจกลายเป็นโลกที่แม้แต่ ตัวกูเอง ยังอาจอยู่ อาจอาศัย แทบไม่ได้ คือหนักไปทาง ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย หรือ เจ๊ง...กับ...เจ๊ง นั่นแหละเป็นหลัก ดังที่กำลัง ฉิบหาย หรือกำลัง เจ๊ง อยู่ในทุกวันนี้ อันเนื่องมาจากลักษณะอาการแบบ คบเด็กสร้างบ้าน-คบหัวล้านสร้างเมือง หรือไม่ เพียงใด ก็ตามที พูดง่ายๆ ว่า...อะไรก็ตามที่พวก ไดโนเสาร์ เขาได้พยายามพูดๆ เอาไว้ ในฐานะ กิ้งก่า หรือ กะปอม อันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ล้วนมีพื้นฐานมาจาก กระบวนการวิวัฒนาการ ด้วยกันทั้งสิ้น ก็น่าจะฟังๆ เอาไว้มั่ง อย่าถึงกับมองเป็นสิ่งไร้ค่า ไร้ราคา ไปซะทั้งหมด...

                                                      (6)

                เพราะบรรดาสิ่งที่ถือเป็น บทเรียน และ ประสบการณ์ ทั้งหลายนั้น...เอาเข้าจริงๆ แล้ว มันก็คือสิ่งที่พอช่วยให้เกิดการยึดโยง การบูรณาการ เชื่อมต่อกันและกัน ระหว่าง คนรุ่นหนึ่ง ไปสู่ คนอีกรุ่นหนึ่ง นั่นแล ใครที่เอาแต่คิดตัดขาดตัวเองออกจาก อดีต มีแต่ ปัจจุบัน กับ อนาคตข้างหน้า คงแทบไม่ได้ต่างอะไรไปจาก ต้นไม้ที่ไร้ราก โอกาสที่จะยืนหยัดต้านทานลมฝนบนฟ้า ต้านทานสภาพอากาศ ที่สามารถพลิกหน้า-พลิกหลัง ได้เสมอๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ สิ่งที่เคยสืบต่อ เป็นมา อย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ จนกลายมาเป็น ค่านิยม, ประเพณี, วัฒนธรรม ไปจนถึง ศาสนา ล้วนแต่มีคุณค่า ราคา ชนิดอาจถือเป็นอัญมณี หรือเป็น ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ เอาเลยก็ว่าได้...

                                                       (7)

                สรุปเอาเป็นว่า...ด้วยเหตุที่ใกล้จะสิ้นปี หรือใกล้ถึงช่วงปีหน้า ฟ้าใหม่ เต็มที การนำเอาสิ่งเหล่านี้มาพูดถึง เอ่ยถึง เอาไว้มั่ง ก็คงไม่ต่างอะไรไปจาก คำอวยพรปีใหม่ นั่นแหละสหาย!!! ด้วยเหตุเพราะไม่ว่า สังคมไทย หรือ สังคมโลก ก็แล้วแต่ ปัญหาความแตกต่างระหว่างคนรุ่นหนึ่งกับคนอีกรุ่นหนึ่ง มันชักกลายเป็นสิ่งที่มิอาจปฏิเสธได้ยิ่งเข้าไปทุกที และออกจะเป็น เงื่อนไข เป็น เหตุปัจจัย ให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง เลื่อนไหลไปในทางเสื่อมลง ทรุดลง แม้กระทั่ง สติ-ปัญญา ยังออกอาการ เปราะบาง แบบที่นักวิทยาศาสตร์ท่านเรียกว่า Our fragile intellect นั่นแล ดังนั้น...คงต้องขออนุญาตอวยพรปีใหม่ไว้ในลักษณะนี้...

                            -------------------------------------------------------------------

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"