คลังชี้โควิดระลอกใหม่ไม่หนักเท่ารอบแรก


เพิ่มเพื่อน    

 

28 ธ.ค. 2563 นายวุฒิพงศ์ จิตตั้งสกุล ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวได้ดีกว่าปีนี้แน่นอน จากทิศทางเศรษฐกิจหลายประเทศทั่วโลกที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลดีกับภาคการส่งออกของไทย อีกทั้งข่าวดีเรื่องความสำเร็จของวัคซีนโควิด-19 โดยคลังจะมีการปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปี 2563 และปี 2564 ใหม่อีกครั้งในเดือน ม.ค. 2564 ซึ่งจะต้องมีการทบทวนสมมุติฐานที่มีผลกับเศรษฐกิจทั้งหมด อาทิ การท่องเที่ยว ราคาน้ำมัน และตัวเลขส่งออก เป็นต้น 

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทยนั้น ในมุมของเศรษฐกิจยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่าจะมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับมาตรการในการจำกัดการแพร่ระบาด รวมถึงต้องติดตามดูว่ารัฐบาลจะมีการประกาศล็อกดาวน์อีกครั้งหรือไม่ จึงต้องติดตามดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่งจึงจะประเมินได้ว่าปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจะมีผลกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างไร  

“การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ในประเทศไทย ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2563 อาจจะยังไม่มีผลกระทบกับเศรษฐกิจมากนัก โดยมองว่าการระบาดในรอบนี้จะส่งผลกระทบหนักเท่ารอบแรกแม้ว่ารัฐบาลจะมีการล็อกดาวน์หรือไม่ล็อกดาวน์ก็ตาม เพราะในรอบนี้ผู้ประกอบการและประชาชนมีการเตรียมความพร้อมรับมือได้ดีกว่ารอบแรก แต่ก็ต้องติดตามดูสถานการณ์รวมถึงมาตรการจากภาครัฐ แต่เรื่องนี้หลัก ๆ เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับด้านสาธารณสุขเป็นสำคัญ ก็ต้องดูว่าในแง่ของไทยจะควบคุมสถานการณ์ได้ดีแค่ไหน ถ้าคุมไม่ได้ก็จะลำบากและกลายเป็นปัจจัยลบกับเศรษฐกิจ แต่ถ้าควบคุมได้ดี ปีหน้าเศรษฐกิจไทยก็จะได้ประโยชน์” นายวุฒิพงศ์ กล่าว 

นายวุฒิพงศ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ย. 2563 พบว่า ยังมีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะการผลิตภาคอุตสาหกรรม การส่งออก โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐ หดตัวในอัตราที่ชะลอลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ติดลบ 3.7% จากทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยตลาดคู่ค้าหลักของไทยเกือบทุกตลาดปรับตัวดีขึ้น  

ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า สะท้อนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ขยายตัวที่ 2.5% จากเดือนก่อนหน้า โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 52.4 จากเดือนก่อนหน้าอยู่ที่ 50.9 โดยเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการดำเนินมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของรัฐในช่วงปลายปี อาทิ โครงการคนละครึ่ง โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และโครงการช้อปดีมีคืน ซึ่งมีส่วนช่วยสนับสนุนการบริโภคให้ปรับตัวดีขึ้น 

ส่วนราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้น ทำให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น โดยในเดือน พ.ย. 2563 รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ขยายตัว 13.6% ต่อปี ส่งผลให้มีกำลังซื้อในภูมิภาคต่าง ๆ เริ่มปรับตัวดีขึ้น 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"