ทางการจีนยืนยันตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายพันธุ์ที่พบในอังกฤษเป็นรายแรกของจีน โดยเป็นสตรีที่เพิ่งเดินทางมาจากอังกฤษเมื่อกลางเดือนธันวาคม อีกด้านจีนอนุมัติใช้งานวัคซีนโควิด-19 ชนิดแรกเพื่อใช้กับประชาชนในวงกว้างแล้ว

แฟ้มภาพ เจ้าหน้าที่ตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางมาถึงท่าอากาศยานระหว่างประเทศเซี่ยงไฮ้ผู่ตง

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันพฤหัสบดีกล่าวว่า การพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ ที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกันว่าทำให้เชื้อติดต่อกันได้เร็วขึ้นกว่าไวรัสดั้งเดิม ในสหราชอาณาจักรเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้มากกว่า 50 ประเทศออกมาตรการจำกัดการเดินทางกับอังกฤษ ซึ่งรวมถึงจีน ที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิมเป็นแห่งแรกเมื่อปีที่แล้ว

    ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของจีนกล่าวในบทวิจัยที่เผยแพร่เมื่อวันพุธว่า คนไข้รายแรกในจีนที่ติดเชื้อไวรัสโควิดกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่รู้จักในชื่อ บี.1.1.7 ซึ่งกำลังแพร่ระบาดในสหราชอาณาจักร นั้นเป็นหญิงอายุ 23 ปีจากนครเซี่ยงไฮ้ ที่เดินทางมาจากอังกฤษเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม

    หญิงผู้นี้ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลเมื่อเดินทางมาถึงจีน เนื่องจากเธอมีอาการป่วยเล็กน้อย ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพตรวจลำดับทางพันธุกรรมตัวอย่างทดสอบจากเธอเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม เนื่องจากเธอมีประวัติเดินทางมาจากสหราชอาณาจักรและพบความผิดปกติในผลการทดสอบกรดนิวคลิอิก แล้วพบว่าคนไข้รายนี้ติดไวรัสสายพันธุ์ที่แตกต่างจากไวรัสที่พบในเซี่ยงไฮ้หรืออู่ฮั่น การทดสอบเพิ่มเติมยืนยันว่าเป็นสายพันธุ์ บี.1.1.7

    จีนระงับเที่ยวบินตรงทั้งขาไปและขาออกจากอังกฤษอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 24 ธันวาคม ไม่กี่วันหลังจากนายกฯ บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ประกาศว่ามีการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ที่ "อาจทำให้การแพร่เชื้อง่ายขึ้นกว่าไวรัสต้นฉบับของโรคนี้ถึง 70%"

    กระนั้น ถึงบัดนี้ไม่มีหลักฐานบ่งชี้ว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์นี้ทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการป่วยรุนแรงขึ้นหรือเสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากขึ้น

    วันเดียวกัน สำนักงานควบคุมเวชภัณฑ์แห่งชาติจีนแถลงว่า ได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนโควิด-19 ชนิดแรกสำหรับการใช้กับประชาชนทั่วไปแล้ว โดยเป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทในเครือของซิโนฟาร์ม บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ที่ทางการจีนสนับสนุน

    รายงานรอยเตอร์กล่าวว่า ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวัคซีนชนิดนี้ แต่สถาบันผลิตภัณฑ์ชีวภาพปักกิ่ง ที่เป็นองค์กรย่อยของไชน่าเนชันแนลไบโอเทคกรุ๊ป (ซีเอ็นบีจี) ในเครือของซิโนฟาร์ม เปิดเผยเมื่อวันพุธว่า วัคซีนของพวกเขามีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิดได้ 79.34%

    คำประกาศของทางการจีนมีออกมาในช่วงที่จีนเตรียมพร้อมรับความเสี่ยงของการแพร่เชื้อเพิ่มมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว โดยเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานว่า จีนวางแผนจะฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงให้ได้ถึง 50 ล้านคนก่อนถึงวันหยุดตรุษจีนเดือนกุมภาพันธ์

    แม้จีนจะเพิ่งอนุมัติการใช้งานแบบทั่วไปของวัคซีนนี้เป็นชนิดแรก แต่เมื่อต้นเดือนธันวาคม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศแรกที่ได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนนี้ อย่างไรก็ดีจีนเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่พลเมืองแบบจำกัดก่อนหน้านี้แล้วหลายเดือน โดยมีวัคซีน 3 ชนิดที่ยังอยู่ระหว่างทำการทดลองระยะสุดท้าย

    จีนเริ่มโครงการวัคซีนแบบฉุกเฉินเมื่อเดือนกรกฎาคม สำหรับกลุ่มผู้ปฏิบัติงานที่จำเป็นและกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ จนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน จีนฉีดวัคซีนไปแล้วมากกว่า 1.5 ล้านโดส โดยใช้วัคซีนอย่างน้อย 3 ชนิด เป็นของซีเอ็นบีจี 2 ชนิด และซิโนแวค 1 ชนิด
    
    นอกจากนี้ยังมีวัคซีนอีก 4 ชนิด จากซิโนแวค, บริษัทในเครือของซีเอ็นบีจีนจากอู่ฮั่น, แคนซิโนไบโอลอจิกส์ และสถาบันวิทยาศาสตร์จีน ที่ยังอยู่ในขั้นทดลองระยะสุดท้าย

    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ให้คำมั่นว่าจะทำให้วัคซีนของจีนเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งโลก และจีนได้บรรลุข้อตกลงจัดส่งวัคซีนให้แก่หลายประเทศแล้ว รวมถึงอินโดนีเซียและบราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และลาตินอเมริกา ตามลำดับ.