'หมอหนู'ยันฉีดวัคซีนฟรี ฝ่ายแค้นมึนดาหน้าถล่ม!


เพิ่มเพื่อน    


    "อนุทิน" ยืนยันฉีดวัคซีนฟรีให้คนไทย เปิดช่องทางนำเข้าเป็นกรณีพิเศษแล้ว เพื่อไทยดาหน้าขย่มแหลก จี้ปรับแผนซื้อวัคซีน "เจ๊หน่อย" เล่นบทแม่พระ ถามหาคนรับผิดชอบทำโควิดระบาดซ้ำ 
    เมื่อวันที่ 3 มกราคม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กในประเด็นวัคซีนโควิด-19 สำหรับคนไทยว่า  คนไทยต้องได้รับวัคซีนที่มีคุณภาพตามมาตรฐานความปลอดภัย และได้รับการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย.ของประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ได้เปิดช่องทางการขอขึ้นทะเบียนเป็นกรณีพิเศษแล้ว
    "ขอยืนยันว่ารัฐบาลจะพิจารณาคัดเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่คนไทย เพื่อความปลอดภัยมากที่สุด โดยมีเป้าหมายจะฉีดให้คนไทยฟรี"
    รมว.สาธารณสุขเผยว่า นโนบายและแนวทางของรัฐบาลคือการพัฒนาอย่างยั่งยืน ประเทศไทยต้องผลิตวัคซีนได้เอง เพื่อความปลอดภัยของคนไทย และเป็นความมั่นคงด้านสาธารณสุขของคนไทย ขอเรียนว่าขณะนี้รัฐบาล กำลังดำเนินการอยู่ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนทุกคน ไม่ว่าวัคซีนจะมาเมื่อไร ขอให้ใส่หน้ากากอนามัยไว้ก่อน 
    ด้าน รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "ลองมาดูข้อมูลเรื่องการฉีดวัคซีนของทั่วโลกจนถึงเมื่อวานนี้ 2 มกราคม 2564... ทั่วโลกฉีดวัคซีนไปแล้วทั้งสิ้น 11.41  ล้านคน โดยมี 36 ประเทศที่ได้ให้วัคซีนแก่ประชาชนของตนเองไปแล้ว
    หากดูตามจำนวนการฉีด 5 อันดับแรกของโลก จะพบว่า อันดับหนึ่งคือจีนฉีดไป 4.5 ล้านคน, ตามด้วยอเมริกา  4.23 ล้านคน, สหราชอาณาจักร 1 ล้านคน, อิสราเอล 1  ล้านคน, เยอรมัน 1.88 แสนคน
    ที่น่าสนใจคือ ถ้าวิเคราะห์ตามสัดส่วนการได้รับวัคซีนต่อจำนวนประชากร 100 คน จะพบว่าประเทศที่นำโด่งมาคือ อิสราเอล ซึ่งมีคนได้วัคซีนไปแล้ว 11.55 คนต่อประชากร 100 คน รองลงมาคือ บาห์เรน 3.53, สหราชอาณาจักร 1.47, อเมริกา 1.28, และเดนมาร์ก 0.56 ตามลำดับ
    ต้องทำความเข้าใจกันให้ดีว่า วัคซีนนั้นมีหลากหลายชนิดในตอนนี้ โดยมีอัตราการป้องกันโรคได้ที่แตกต่างกันตั้งแต่ประมาณ 60-95% 
    ทั้งนี้ ตามหลักวิชาการแพทย์แล้ว เราอยากให้ประชากรของเรามีภูมิคุ้มกันในสัดส่วนอย่างน้อย 60 คนจากประชากร 100 คน ภายใต้สมมติฐานว่าวัคซีนได้ผลในการป้องกัน 100% หากน้อยกว่า 100 ก็จะต้องฉีดในประชากรจำนวนมากขึ้น
    จึงต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะมีการฉีดวัคซีนให้แก่คนในประเทศให้ได้มากเพียงพอที่จะมีภูมิคุ้มกันหมู่เพื่อป้องกันไม่ให้โรคแพร่ระบาดได้
    การตั้งการ์ดของแต่ละคนจึงสำคัญมาก ใส่หน้ากาก  ล้างมือ อยู่ห่างๆ เลี่ยงที่แออัด ล้วนยังจำเป็นต้องทำกันไปในระยะยาว
    แม้ไทยจะพยายามหาวัคซีนมา 2 ล้านโดสในเดือนสองเดือนถัดจากนี้ ก็จะยังไม่สามารถทำให้ควบคุมการระบาดวงกว้างได้ แต่ใช้ป้องกันเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น คนที่ทำงานด่านหน้าเท่านั้น ความเข้าใจเรื่องนี้จึงสำคัญมาก จะได้ไม่ประมาทกัน
    สถานการณ์เมืองไทยตอนนี้ยังอยู่ในภาวะวิกฤติ...
    โรงพยาบาลในบางพื้นที่เริ่มประสบปัญหาด้านภาระงาน จำนวนเตียง รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อมีมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ต้องทำการตั้งโรงพยาบาลสนามเพื่อใช้ในการดูแลผู้ป่วย
    ขอเน้นย้ำว่า การระบาดซ้ำแบบนี้จะเร็ว กระจายวงกว้าง หาต้นตอลำบาก ทำให้ต้องใช้เวลาสู้นานกว่าเดิม  นอกจากนี้จะทำให้มีการเสียชีวิตมากขึ้นเพราะติดเชื้อจำนวนมากในช่วงเวลาเดียวกันหรือไล่เลี่ยกัน ทำให้เกินศักยภาพที่ระบบจะให้บริการตรวจและดูแลได้อย่างทั่วถึง 
    ดังนั้นหัวใจสำคัญคือ ประชาชนทุกคนควรป้องกันตนเองและสมาชิกในครอบครัวอย่างเต็มที่ 'อย่าให้ติดเชื้อ'
    ลักษณะการระบาดซ้ำมักเกิดในสถานที่ต่างๆ ที่อยู่ในชุมชน และในกิจวัตรประจำวัน ได้แก่ วัด ตลาด ห้าง ร้านอาหาร โรงอาหาร โรงเรียน งานแต่งงาน งานศพ งานบวช  ปาร์ตี้ต่างๆ สถานบันเทิง แหล่งท่องเที่ยว และสำคัญมากคือ ติดในครัวเรือน สมาชิกครอบครัวเอาเชื้อมาแพร่แก่กันโดยไม่รู้ตัว"
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ แสดงความเห็นกรณีปัญหาการระบาดระลอกสองของโควิด โดยระบุว่า "ระบาดรอบแรก จากสนามมวยของกองทัพบก ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง  'ห้ามจัดแข่งขันชกมวย' รอบ 2 เกิดจากการทุจริต ส่วยโควิด รับผลประโยชน์จากขบวนการลักลอบนำแรงงานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ประชาชนการ์ดไม่ตก แต่ต้องมารับกรรม เดือดร้อนกันทั้งประเทศแบบนี้ จะมีใครแสดงความรับผิดชอบมั้ยคะ?"
    น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลควรปรับแผนสั่งซื้อวัคซีนเร่งด่วน เพื่อนำมาป้องกันประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อการเสียชีวิตสูงและบุคลากรทางการแพทย์ เมื่อวัคซีนเพียงพอแล้วจึงควรวางแผนให้ประชาชนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบอย่างเท่าเทียมให้คุ้มกับภาษีประชาชน ไม่ใช่การชิงโชครับภูมิคุ้มกันเหมือนที่รัฐบาลทำมาโดยตลอด รัฐควรเพิ่มทางเลือกวัคซีนตัวอื่นที่มีประสิทธิภาพสูง นอกเหนือจากบริษัท ออกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา (Oxford-AstraZeneca) บริษัทเดียว และรัฐควรให้วัคซีนสังคม (Social Vaccination) ด้วยการปลูกฝังประชาชน เข้มงวดสวมหน้ากากและ Social Distancing ให้เป็นนิสัย
    ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย แกนนำ นปช.ให้สัมภาษณ์ว่า แม้รัฐบาลจะบอกว่ามีการจองวัคซีนไปแล้ว แต่วันนี้ยังไม่สามารถนำมาใช้ได้ ต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ ที่วันนี้เขามีวัคซีนกันแล้ว จึงมองว่าการรอวัคซีนจากบริษัทเดียวที่จองไว้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะฉลาดคิดในการจัดหาวัคซีนจากบริษัทที่สามารถผลิตออกมาใช้กันได้แล้วเหมือนประเทศเพื่อนบ้าน เพราะวิธีนี้จะทำให้เราสามารถรับมือโควิดได้ทันที และเรียกความเชื่อมั่นกลับสู่ประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการท่องเที่ยว การลงทุน 
    "สิ่งที่รัฐบาลต้องทำในทันทีคือ สั่งซื้อวัคซีนจากบริษัทที่เขาผลิตใช้แล้วมาให้ประชาชนคนไทยได้ใช้ทุกคนในทันที วงเงินไม่น่าจะเกิน 6 หมื่นล้าน ถ้าเทียบกับที่กู้มา 2  ล้านๆ บาท ถือเป็นเงินน้อยนิดและได้ประโยชน์มากกว่าโครงการต่างๆ ของรัฐบาลที่ทำไว้หรือกำลังจะทำ" นายวรชัยกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"