เงินพอคน40ล้าน ‘บิ๊กตู่’ยัน2เดือนมีกิน!ลั่นถ้าแก้ไม่ได้เจอล็อกดาวน์


เพิ่มเพื่อน    

  นายกฯ ยันไม่ล็อกดาวน์ภาคตะวันออก-สมุทรสาคร แต่วันหน้าถ้ายังแก้ไม่ได้ก็คงต้องล็อกแน่ ติงการให้ข่าวยังไม่ค่อยตรงกัน ชี้การที่จะทำให้คนทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกันเข้าใจตรงกัน คือต้องฟังมาตรการของรัฐ ซื่อสัตย์ต่อตนเองครอบครัว สังคม รวมไทยสร้างชาติต้านโควิด ยืนยันมีเงินเพียงพอดูแลคน 40 ล้านในช่วง 2 เดือน

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 5 มกราคม ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเพียงนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และตัวแทนหน่วยงาน ส่วนรัฐมนตรีคนอื่นๆ จะประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์มาจากกระทรวง
    ขณะที่แนวทางการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในการป้องกันโควิด-19 ได้ขอความร่วมมือผู้สื่อข่าวไม่ให้รุมสัมภาษณ์แหล่งข่าวในระยะกระชั้นชิด และมีการกั้นบริเขต (เชือกกั้น) เว้นระยะระหว่างสื่อมวลชนกับรัฐมนตรี นอกจากนี้ ในการแถลงข่าวนายกฯ และทีมโฆษกประจำสำนักนายกฯ ภายหลังการประชุม จะใช้ถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เพจไทยคู่ฟ้า
    โดยก่อนการประชุม ครม. ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์เดินจากตึกไทยคู่ฟ้ามายังตึกบัญชาการ 1 ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข โพสต์เฟซบุ๊กระบุที่ประชุม ศบค.มีมติล็อกดาวน์ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ได้แก่ จ.สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด นายกฯ กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า "ไปอ่านเอาให้เข้าใจว่าอะไรคือล็อกดาวน์ ไม่ล็อกดาวน์"
    ต่อมาในที่ประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เราคาดการณ์ว่าความรุนแรงน่าจะน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ปรากฏว่าปีนี้มากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งเกิดปัญหาทั่วโลก ต้องรีบแก้ให้ได้โดยเร็ว ซึ่งเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ได้ประชุมรายละเอียดที่ ศบค.ไปแล้ว ทั้งนี้ ในช่วงวันหยุดยาวที่ผ่านมาต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ดูแลความปลอดภัยคนไทยเต็มที่
    รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในที่ประชุม ครม.ใช้เวลาหารือถึงมาตรการที่ ศบค.เสนอ ในการดูแลพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือสีแดง 28 จังหวัด และกำหนด 5 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยเบื้องต้นประกาศของ ศบค.ให้ดำเนินการตามมาตรการระยะที่ 1 เป็นภาพรวมของทั้ง 28 จังหวัด
    ขณะที่ 5 จังหวัด ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณา และสามารถประกาศมาตรการที่เข้มข้นกว่า ศบค. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ โดยจะขอดูสถานการณ์การแพร่ระบาดไปจนถึงสิ้นเดือน ม.ค. ก่อนที่จะประเมินอีกครั้งว่ามาตรการจะเข้มข้นขึ้นหรือสามารถผ่อนลงได้ ทั้งนี้ หากประกาศล็อกดาวน์ในเวลานี้ จะส่งผลให้รัฐบาลต้องมีมาตรการเยียวยาในทันที
    “นายกฯ ย้ำในที่ประชุม ครม.หลังจากที่นายสาธิตระบุว่า ศบค.ให้ล็อกดาวน์ 5 จังหวัดจนเกิดความสับสน ว่าไม่ได้ตำหนิใคร และชี้แจงให้ ครม.รับทราบว่าทั้ง 5 จังหวัดแค่เป็นการเข้มงวดเฉยๆ เพราะไม่อยากใช้คำว่าล็อกดาวน์ ที่ทำให้เกิดความรู้สึกกังวล”
    รายงานข่าวแจ้งว่า นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงการคลังไปพิจารณาเพิ่มเติม ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือขยายมาตรการ อาทิ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน โครงการคนละครึ่ง และมาตรการอื่นๆ ที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ ที่บางส่วนไม่สามารถเดินทางหรือประกอบกิจการตามปกติ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการควบคุมการแพร่ระบาด
สั่งทุกกระทรวงเตรียมพร้อม
    นอกจากนั้นนายกฯ ยังให้แต่ละกระทรวงเตรียมมาตรการที่จะช่วยเหลือในโอกาสต่อไป ซึ่งอาจจะสอดคล้องกับมาตรการที่เคยมีมาก่อน และสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อเสนอ ครม.พิจารณาในเร็วๆ นี้
    สำหรับงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการ เบื้องต้นนำเงินส่วนหนึ่งที่เหลือจาก พ.ร.ก.กู้เงินเมื่อปีที่ผ่านมา โดยยังไม่ได้ลงรายละเอียดของมาตรการที่จะช่วยเหลือ รวมทั้งอาจจะพิจารณาจากงบประมาณปี 65 ด้วย
    หลังการประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์แถลงข่าวผ่านไลฟ์สดเพจเฟซบุ๊กไทยคู่ฟ้าว่า ต้องทำความเข้าใจกับมาตรการที่ ศบค.ได้ให้มีการดำเนินการเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ขอเรียนว่าทุกอย่างที่ประกาศออกไป หรือมีมาตรการออกไป ได้มีการปรึกษาหารือกับหลายหน่วยงาน และทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันต้องรับฟังฝ่ายเศรษฐกิจด้วย สมาคมหอการค้า สมาคมอุตสาหกรรม สมาคมภัตตาคารไทย สมาคมโรงแรม เพื่อหามาตรการที่เหมาะสมดำเนินการในปัจจุบัน เพราะเราต้องบริหารคนหมู่มาก บริหารความเข้าใจ บริหารการตื่นตระหนกของสังคม ของประชาชน หลายอย่างไม่ได้คิดง่ายๆ ต้องเอาทุกอย่างมาประมวล และหาหนทางปฏิบัติที่ดีที่สุด  
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ผลกระทบจากโควิดที่เกิดขึ้น ได้มอบหมายนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน  กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดูว่าจะช่วยเหลืออย่างไรในช่วง 2 เดือนต่อจากนี้ ซึ่งมาตรการต่างๆ ก็ออกมาเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ส่วนมาตรการที่มีอยู่แล้ว เช่น โครงการเที่ยวด้วยกัน จะขยายเวลาโครงการออกไป ซึ่งมีการจองโรงแรม จ่ายค่ามัดจำไปแล้ว ตนได้ปรึกษาสมาคมโรงแรมไทย ขอความร่วมมือว่าอย่าเพิ่งไปเก็บเงินผู้ใช้บริการตอนนี้ ทุกเรื่องที่เคยให้ไปแล้วต้องหาวิธีการบริหารจัดการให้ได้ ในส่วนการดูแลช่วง 2 เดือน ดูแลคน 40 ล้านคน จะทำอย่างไร ต้องใช้เงินอีกจำนวนมาก แต่รัฐบาลยืนยันว่ายังมีเงินพอเพียงอยู่
    นายกฯ กล่าวว่า พื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัด เรื่องของการศึกษา เป็นเรื่องของโรงเรียนและสถาบันการศึกษา การงดใช้อาคารเรียน ให้เรียนออนไลน์ได้ ให้กระทรวงสาธารณสุขไปดูในโรงเรียนที่ไม่สามารถใช้การสอนออนไลน์ได้ ให้หาวิธีอื่น ตรงนี้ฝากทุกคนช่วยกันคิดด้วย ตอนนี้ให้กระทรวงศึกษาฯ กำลังดำเนินการอยู่ นอกจากนี้ ห้ามจัดกิจกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น การประชุมสัมมนา จัดเลี้ยง เป็นต้น เว้นแต่ได้รับการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งมีมาตรการที่ดีอย่างที่เคยทำมาแล้วในครั้งแรก สำหรับสถานบันเทิง คลับ บาร์ คาราโอเกะ ปิดทั้งหมด
    ส่วนร้านอาหารจำเป็นต้องปรับ เพื่อเศรษฐกิจเดินไปได้ โดยทางสมาคมภัตตาคารไทยได้รับรองที่เรามีข้อกำหนดไป ถือเป็นการกำกับดูแลช่วยเราอีกทางหนึ่ง เราต้องช่วยกันแบบนี้ การที่เราปลดล็อกให้ถึงเวลา 21.00 น. ก็ต้องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบมากขึ้น สถานประกอบการต้องมีมาตรการควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาด  
    นายกฯ กล่าวต่อไปว่า สำหรับ 28 จังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุด ให้งดหรือชะลอการเดินทางข้ามพื้นที่จังหวัด เว้นต้องมีเหตุจำเป็น โดยต้องแสดงเหตุผลและหลักฐานตามด่านจุดตรวจต่างๆ ทั้งระหว่างทางและในพื้นที่ที่จะเข้าไปในแต่ละจังหวัด ต้องดำเนินการเข้มข้น ต้องมีการลงทะเบียนใช้แอปฯ เพิ่มเติม
ไม่ใช่การล็อกดาวน์
    "ในกรณี 5 จังหวัดที่ยังสับสนกันอยู่ การให้ข่าวต่างๆ ยังไม่ค่อยตรงกัน ฉะนั้นผมขอยืนยันตรงนี้ว่า 5 จังหวัดที่ว่ามาไม่ใช่การล็อกดาวน์ การล็อกดาวน์ที่เคยทำมาก่อนคือการห้ามเดินทาง อยู่แต่ในบ้าน และบ้านเมืองเหมือนบ้านร้าง แต่เรายังไม่ไปถึงตรงโน้น เพราะเรามีมาตรการระหว่างทาง และมาตรการเดินทางเข้าพื้นที่ ไม่ใช่การล็อกดาวน์ แต่วันหน้าถ้ายังแก้ไม่ได้ก็คงต้องล็อกดาวน์ จึงต้องพูดให้ชัดเจน"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนไม่ต้องปิดบัง ไปไหนมาไหนก็ให้ไปรายงานต่อเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นจะมีการแพร่ระบาดในสถานที่รักษาพยาบาลและสถานที่คัดกรอง ต้องรับผิดชอบต่อคนอื่นด้วย สงสารเจ้าหน้าที่หน้างาน แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน บางคนนอนอยู่ในห้องทำงาน ไม่ได้กลับบ้าน ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง มีความอ่อนเพลีย ร่างกายอ่อนแอ น่าเป็นห่วง ทุกอย่างจะสำเร็จได้ด้วยน้ำมือของพวกเรา ถ้าเราทำดีช่วยกันก็จะแก้ได้ทุกเรื่อง แต่ถ้าไม่ร่วมมือกัน ปกปิดแอบพลางอยู่อย่างนี้ ทุกอย่างก็จะแก้ไขไม่ได้ทั้งหมด เพราะเราต้องบริหารคนถึง 66 ล้านคน ตามยอดประชากรที่มีอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้นการที่จะทำให้คนทั้งหมดไปในทิศทางเดียวกัน เข้าใจตรงกันคือต้องฟังมาตรการของรัฐ ซื่อสัตย์ต่อตนเอง ครอบครัว สังคม รวมไทยสร้างชาติต้านโควิด-19
    ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลี่ยงใช้คำว่าล็อกดาวน์ในพื้นที่ 5 จังหวัด เพราะเกรงว่าจะต้องจ่ายเงินเยียวยาตามที่มีบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบว่า พูดไปหมดแล้ว ก่อนหันมาบอกกับสื่อมวลชนว่า ดูแลตัวเองกันด้วยนะจ๊ะ
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ระบุจะมีการล็อกดาวน์ 5 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ว่าตนไม่รู้ว่าจะเรียกว่าล็อกดาวน์หรือไม่ แต่จะมีการเข้มข้นมาตรการใน 5 จังหวัดดังกล่าว ซึ่งไม่ถึงกับเข้มข้น 100 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่เหมือนกับการล็อกดาวน์เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา
    รองนายกฯ กล่าวต่อว่า แต่หากไปถึงจุดหนึ่งที่จะกลายเป็นระยะที่ 2 อาจต้องเพิ่มความเข้มข้นขึ้น โดยไม่ได้ยึดกรอบเวลา แต่ยึดที่สถานการณ์ หากพื้นที่สีแดง มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น และพื้นที่สีส้ม และสีเหลืองเปลี่ยนเป็นพื้นที่สีแดงมากขึ้น และการแพร่ระบาดของเชื้อทวีความรุนแรง ก็ต้องประเมินสถานการณ์ และมีโอกาสเพิ่มมาตรการเข้มข้นมากกว่าระยะที่ 1  
คืนอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัด
    "ขอให้ใช้คำสั้นๆ ว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการใช้มาตรการระยะที่ 1 ซึ่งมีความหนักเบาในแต่ละพื้นที่สลับกันไป เมื่อครั้งโควิด-19 ระบาดใน 1 ปีที่ผ่านมา อำนาจจะเข้ามาอยู่ที่ ศบค. ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ครั้งนี้เราคืนอำนาจให้ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ เพียงแต่มีข้อความให้ผู้ว่าราชการจังหวัดมั่นใจว่าจะไม่ถูกฟ้องและได้รับการคุ้มครอง โดยใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปคุ้มครองให้ออกคำสั่ง แต่ไม่ได้สั่งตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งปัญหาที่ตามมาคือความลักลั่นในแต่ละพื้นที่ โดยในระยะที่ 1 ให้เป็นเช่นนี้ไปก่อน ซึ่งปัญหานี้ในที่ประชุม ศบค.ก็มีการพูดถึง คงต้องปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไประยะหนึ่ง แล้วค่อยปรับเข้าไปสู่มาตรฐานเดียวกันในระยะที่ 2 เป็นการเรียกอำนาจกลับคืนมาเป็นของนายกฯ ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน"
    เมื่อถามว่า มาตรการต่างๆ กระทบกับภาคเอกชน รัฐบาลมีเงินเพียงพอในการเยียวยาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดถึงในส่วนนั้น
       ขณะที่ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า ในที่ประชุมนายสาธิตเสนอให้เพิ่มมาตรการเข้มข้นในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดอยู่แล้ว ซึ่งนายกฯ พูดในที่ประชุมว่าให้พื้นที่ 5 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยเพิ่มมาตรการต่างๆเข้าไปมากกว่าพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อต้องการจำกัดกรอบการติดเชื้อ
    โฆษก ศบค.กล่าวว่า พื้นที่เหล่านี้ต้องใช้แอปพลิเคชันหมอชนะตลอดเวลา และผู้ว่าราชการจังหวัดสามารถใช้ดุลพินิจออกมาตรการควบคุมโรคที่เข้มข้นขึ้นได้ เช่น อาจเพิ่มระยะเวลางดการนั่งรับประทานอาหารในร้าน แต่จะย่อหย่อนกว่ามาตรการของศบค.ไม่ได้
    อย่างไรก็ตาม การเพิ่มมาตรการตรงนี้จะไม่เรียกว่าล็อกดาวน์ เพราะการล็อกดาวน์คือห้ามออกจากบ้านหลัง 22.00 น. สนามบินปิด ห้ามเดินทาง แต่ตอนนี้ยังสามารถเดินทางได้อยู่ เพียงแต่ขอให้มีการตรวจสอบคนที่เดินทางเข้า-ออก และติดตั้งจุดตรวจประชาชนเข้าพื้นที่ อย่างเช่นรถบัส อาจจะต้องตรวจทุกคนอย่างละเอียด และยืนยันที่เราใช้คำนี้ไม่ใช่เป็นการเล่นคำ แต่เป็นการอำนวยความสะดวก ออกแบบให้สอดคล้องเพื่อคนส่วนใหญ่ไม่เดือดร้อน แต่จังหวัดที่เสี่ยงโรคสูงต้องเดือดร้อน
    ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า "ผมต้องขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรี และที่ประชุม ศบค. ที่ตัดสินใจตามข้อเสนอแนะของผมและกระทรวงสาธารณสุข ในการที่จะล็อกดาวน์ 5 จังหวัดที่มีตัวเลขการแพร่ระบาดโควิด19 จำนวนมากและมีความเสี่ยงสูง ได้แก่ สมุทรสาคร-ชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี-ตราด".

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"