'ไบเดน'ออกคำสั่งประธานาธิบดี10ฉบับ สู้รบกับโควิด-19


เพิ่มเพื่อน    

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เริ่มทำงานเต็มวันวันแรกด้วยการประกาศสู้รบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร 10 ฉบับ ที่รวมถึงบังคับสวมหน้ากากอนามัยขณะใช้ระบบขนส่งสาธารณะและกักกันผู้เดินทางเข้าสหรัฐ พร้อมใช้อำนาจตามกฎหมายภาวะสงครามขยายการฉีดและผลิตวัคซีน

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงข่าวเรื่องแผนตอบสนองต่อการระบาดของโควิด-19 ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 โดยมีรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส และนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี (ไม่อยู่ในภาพ) ร่วมในการแถลงข่าวด้วย

    นับแต่เริ่มแพร่ระบาดในสหรัฐเมื่อต้นปีที่แล้ว ถึงขณะนี้โควิด-19 คร่าชีวิตคนอเมริกันไปมากกว่า 410,000 คน จากผู้ติดเชื้อมากกว่า 24.6 ล้านคน มากมายกว่าทุกประเทศในโลก และในการแถลงข่าวการลงนามคำสั่งประธานาธิบดี 10 ฉบับที่ทำเนียบขาวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวเตือนว่า จำนวนผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ในสหรัฐน่าจะเพิ่มเป็นมากกว่า 500,000 คนในเดือนหน้า และจำเป็นต้องมีการดำเนินการขั้นรุนแรง

    "นี่คือการทำงานในภาวะสงคราม" ไบเดนกล่าว โดยย้ำว่าสหรัฐอยู่ในช่วงภาวะฉุกเฉินแห่งชาติและเขาต้องการรื้อฟื้นความเชื่อมั่นของประชาชนภายหลังความแตกแยกในยุคสมัยของโดนัลด์ ทรัมป์ เขายืนยันด้วยว่า นักวิทยาศาสตร์จะทำงานได้อย่างเสรีในรัฐบาลของเขาโดยไม่มีการเมืองแทรกแซง

    รายงานเอเอฟพีและรอยเตอร์เมื่อวันศุกร์กล่าวว่า คำสั่งฝ่ายบริหารที่เพิ่งผ่านการลงนามนี้รวมถึงการเพิ่มความเข้มข้นของมาตรการเดิมในรัฐบาลทรัมป์ เช่น ผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐ นอกจากจะต้องมีผลตรวจโควิดเป็นลบก่อนออกเดินทางแล้ว เมื่อมาถึงยังต้องถูกกักกันโรคด้วย

    และนอกจากการบังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในสถานที่ราชการของรัฐบาลกลาง ตาม 1 ใน 17 คำสั่งที่ไบเดนลงนามตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งแล้ว ในคำสั่งเมื่อวันพฤหัสบดี เขายังขยายข้อบังคับให้ครอบคลุมถึงการสวมหน้ากากอนามัยในสนามบินและเมื่อใช้ระบบขนส่งมวลชนบางประเภท อาทิ บนรถไฟ, เครื่องบิน และรถโดยสารระหว่างเมือง

    ในคำขอร้องต่อชาวอเมริกันทุกคน ไบเดนเรียกร้องให้สวมหน้ากากอนามัยตลอด 99 วันนับจากนี้ เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของไวรัส "ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกันว่า ด้วยการสวมหน้ากากอนามัยนับจากนี้ไปถึงเดือนเมษายน เราจะรักษาชีวิตได้มากกว่า 50,000 ชีวิต" เขากล่าว

    รัฐบาลของเขายังจะขยายการผลิตวัคซีนและอำนาจในการซื้อวัคซีนเพิ่มเติม โดยใช้ประโยชน์จากหน่วยงานผู้มีอำนาจในสัญญาอย่างเต็มที่ รวมถึงการใช้พระราชบัญญัติการผลิตเพื่อการป้องกันประเทศ รายงานกล่าวว่า รัฐบาลของทรัมป์เคยใช้อำนาจตามกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งให้อำนาจประธานาธิบดีอย่างกว้างขวางในการ "เร่งและขยายการจัดหาทรัพยากรจากฐานอุตสาหกรรมของสหรัฐ" เพื่อชุดป้องกันเชื้อโรค แต่ไม่ได้ใช้กฎหมายนี้สำหรับการทดสอบหรือผลิตวัคซีน

    ไบเดนเคยให้คำมั่นไว้ว่ารัฐบาลของเขาจะจัดหาวัคซีนโควิด 100 ล้านโดส ภายใน 100 วันแรกของการทำงาน เขากล่าวไว้ก่อนหน้าการแถลงครั้งนี้ด้วยว่า การแจกจ่ายวัคซีนในสหรัฐนั้น "จนถึงตอนนี้ล้มเหลวอย่างน่าหดหู่" รัฐบาลของเขามีแผนจะเพิ่มบทบาทของรัฐบาลกลางในเรื่องนี้ และจะขยายสถานที่ฉีดวัคซีนรวมถึงกลุ่มคนที่จะได้รับวัคซีน เช่นให้ครอบคลุมถึงครูและพนักงานร้านสะดวกซื้อ

    จนถึงเช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งสหรัฐกล่าวว่า ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ไปแล้ว 17.5 ล้านโดน จากราว 38 ล้านโดสที่ได้แจกจ่ายไป

    ไบเดนยังได้แต่งตั้งนายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อที่โดนทรัมป์ลดบทบาทในช่วงหลัง ให้เป็นที่หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของเขา ในการแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี เฟาซีอยู่เคียงข้างไบเดนพร้อมกับรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ที่นายแพทย์ผู้ได้รับการเคารพนับถืออย่างสูงท่านนี้มาทำหน้าที่แถลงและตอบคำถามนักข่าวที่ทำเนียบขาว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"