สิ่งสุดท้าย...ที่สามารถดำรง คงอยู่ และยั่งยืน


เพิ่มเพื่อน    

 

                                                                                                                                             (1)

            หมดอาทิตย์นี้...รายการชิงแชมป์แบดมินตัน 3 รายการซ้อนๆ ในเมืองไทย ระดับซูเปอร์ 1,000 ก็น่าจะเสร็จสิ้น เบ็ดเสร็จ ลงไปเป็นที่เรียบโร้ยย์ย์ย์ หลังจากได้ฟาด ได้ตบ ได้จิก  ได้กระแทก กันชนิดมือหงิก มืองอ เอ็นขาด เอ็นกระจุย มาแบบ ต่อเนื่อง ยาวนาน เป็นที่ยอมรับและเป็นที่ฮือฮาต่อบรรดาแฟนกีฬาชาวไทย ไปจนถึงชาวโลก อย่างชนิดน่าชื่นชม น่าประทับใจเอามากๆ...

                                                                                                                                             (2)

            แม้จะต้อง สวมหน้ากาก ปิดปาก-ปิดจมูกกันโดยตลอด...ไม่ว่าตั้งแต่นักกีฬา กรรมการ โค้ช คนถูพื้น ไปยันคนเชิญ คนมอบเหรียญรางวัล ฯลฯ หรือใครต่อใครก็ตาม ที่เข้าไปข้องแวะ เกี่ยวข้อง กับกิจกรรม กิจการต่างๆ ในสนาม  ย่อมต้องตกอยู่ในสภาพ มนุษย์ต่างดาว ไปด้วยกันทั้งสิ้น  คือต้องปิดหน้า ปิดตา หรือถึงขั้นต้องสวมถุงมือเอาเลยก็ยังมี  ส่วน คนดู นั้นไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง หนีไม่พ้นต้อง....ร้างง์ง์ง์และวังเวงง์ง์ง์ หง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขาน อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากการออกฤทธิ์ ออกเดช อย่างชนิดมิรู้หยุด รู้หย่อน ของท่านเชื้อโควิดท่านนั่นแหละ ไม่มีอะไรมาก...

                                                                                                                                 (3)

            แต่หลังจากนี้ไปแล้ว...จะต้องร้างง์ง์ง์และวังเวงง์ง์ง์ ไปอีกถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน ก็ยังมิอาจสรุปได้ เพราะรายการเทนนิสระดับ แกรนด์สแลม อย่าง ออสเตรเลียน โอเพน ที่กำลังจะตามมา ก็ยังไม่รู้หมู่ รู้จ่า รู้สารวัตร ว่าจะออกไปในแนวไหนต่อแนวไหน เพราะเห็นว่าบรรดานักเทนนิส ไม่ว่าระดับมือวาง-มือไม่วาง ต้องถูกต้อนเข้าแถว เข้าคิว กักตัว เ อาไว้ไม่น้อยกว่า 14 วัน เพื่อพิสูจน์เชื้อ ก่อนลงแข่ง ลงสนาม หรือก่อนที่จะไปพ่นละอองเรณู ฮัดชึ่ยย์ย์ย์ๆ เฮ้ยย์ย์ๆ ฮ้ายๆ ใส่ใครต่อใคร ระหว่างที่ออกแรงตีลูกในแต่ละลูก ตามแบบฉบับของนักกีฬาประเภทนี้ ในแต่ละคน แต่ละราย ที่มักต้องพ่น ต้องตะโกน อะไรออกมามั่ง ไม่งั้นอาจตีไม่ออก อะไรทำนองนั้น...

                                                                                                                                 (4)

            ซึ่งก็ต้องถือเป็น โชคดี ที่นักเทนนิสอย่างคุณน้อง มาเรีย ชาราโปวา ผู้ได้ชื่อ ฉายา ว่า มารดาแห่งการครางง์ง์ง์ เธอได้แขวนนวม แขวนแร็กเกต ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่งั้น...โอกาสที่ละอองเรณูจะฟุ้งไปทั่วทั้งสนาม หรือทั่วทั้งทวีปออสเตรเลีย ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย เพราะเสียงร้อง เสียงตะโกน ในระหว่างหวดลูกแต่ละลูกของเธอนั้น น่าจะระดับหลายร้อยเดซิเบล ทั้งโควิด โคไม่หวิด อาจฉวยโอกาสใช้เธอเป็นสื่อ เป็นพาหะ ในระดับ ซูเปอร์สเปรดเดอร์ เอาเลยก็ไม่แน่!!! หนักซะยิ่งกว่าพวกเชียร์มวย พวกแฟนมวยในสนามราชดำเนินบ้านเราคราวที่แล้ว ที่หนีไม่พ้นต้องกู่ก้องร้องตะโกน... ตี...ตี...ตี ในระหว่างเชียร์มวย จนโควิดเชื้อสายอิตาลี ฉวยโอกาสแพร่สะพัดลุกลามไปทั่วทั้งประเทศไทย นับจากนั้นเป็นต้นมา...

                                                                                                                                             (5)

            แต่ก็นั่นแหละ...แม้ไม่มี มวย ให้เชียร์ หรือแม้หัวหน้าสนามมวยยังคงกินดี อยู่ดี ไม่ได้ถูกเล่นงานทางวินัย หรือทางอาญาใดๆ แล้ว การพ่นละอองเรณูกันในหมู่ แรงงานเถื่อน และใน บ่อน ก็ยังคงส่งผลให้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ที่เคยขึ้นชื่อลือชาในเรื่องการรับมือกับเชื้อโควิด  จนก่อให้เกิดความไว้วางใจในการจัดชิงแชมป์แบดมินตันระดับโลก ถึง 3 รายการซ้อนๆ ด้วยกัน กลับตกอยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรไปจากบ้านอื่น เมืองอื่น เขานั่นแหละ คือต้องสวมหมวกกันน็อก ต้องยกการ์ดท่วมหัว ชนิด การ์ดตก ไม่ได้โดยเด็ดขาด เผลอเมื่อไหร่ ตกเมื่อไหร่ มีสิทธิ์ถูกน็อก มีสิทธิ์หลับกลางอากาศได้ทุกเมื่อ...

                                                                                                                                 (6)

            ภายใต้สีสัน บรรยากาศ ในลักษณะเช่นนี้ มันเลยทำให้โลกทั้งโลก ทั้งร้างง์ง์ง์ ทั้งวังเวงง์ง์ง์ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ เพราะไม่ใช่แต่เฉพาะในแวดวงกีฬา อย่างแบดมินตัน เทนนิส ไปจนถึงฟุตบง ฟุตบอล ฯลฯ เท่านั้น ที่ต่างต้องหง่างเหง่งย่ำค่ำระฆังขานไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่ยังลุกลามไปถึงการค้า การลงทุน การเดินทางท่องเที่ยวไปมาหาสู่ระหว่างกันและกัน ฯลฯ ที่ต่างก็ต้องซบเซา ซึมเซา ทั้งร้างง์ง์ง์ ทั้งวังเวงง์ง์ง์ ไม่ต่างอะไรไปจากกัน แม้จะมีวัคซง  วัคซีน ออกมาซักกี่ตัวต่อกี่ตัวไปแล้วก็เถอะ แต่กว่าจะก่อให้เกิด ภูมิคุ้มกันรวมหมู่ ครอบคลุมประชากรจำนวนประมาณ  70 เปอร์เซ็นต์ของพลโลก ที่มีอยู่เกือบ 7,000 ล้านคน มันอาจต้องรอกันเป็นปีๆ อีกไม่รู้กี่ปีต่อกี่ปี มันถึงจะ ชัวร์ ชนิดไม่อาจ มั่วนิ่ม ได้โดยเด็ดขาด...

                                                                                                                     (7)

            สรุปเอาเป็นว่า...ในเมื่อความเป็นไปของโลกมันไปในแนวนี้ ก็คงหนีไม่พ้นต้องอดทน อดกลั้น ต้องหาทาง อนุวัตรไปตามโลก อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าในแง่การกีฬา ไปจนถึงการเศรษฐกิจ หรือการเมืองโน่นเลย อะไรก็ตามที่ ฝืนโลก แปลกแยกและขัดแย้งกับกระแสความเป็นไปของโลก คงต้องหาทางปรับเนื้อ ปรับตัว ปรับสภาพกันไปตามจังหวะและโอกาส เหมือนอย่างที่นักคิด นักปราชญ์ ชาวฮังการี นาย Peter Muller แกได้ประดิษฐ์ คิดค้น เอาไว้เป็น วาทะ นั่นแหละว่าWhat’s lasting is not what resists time, but what wisely changes with it.” หรือ “สิ่งที่ยืนยาว...หาใช่สิ่งที่แสดงออกถึงการต้านทานกาลเวลาแต่อย่างใด แต่คือสิ่งที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาได้อย่างชาญฉลาด...” อะไรประมาณนั้น...

                                                           

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"