'เพจมองพม่า' ฟันธง 'รัฐประหาร' กระทบเศรษฐกิจระยะสั้น เผยชื่อประเทศลงทุนสูงสุด


เพิ่มเพื่อน    

3 ก.พ.64 - เพจเฟซบุ๊ก LOOK Myanmar ซึ่งนำเสนอมุมมอง แนวคิดและชีวิตความเป็นอยู่วัฒนธรรมของคนพม่า ได้โพสต์ข้อความว่า ประเทศใด ลงทุนในพม่ามากที่สุด? วันนี้ แอดจะมาวิเคราะห์เกี่ยวกับตัวเลขการลงทุนจากต่างชาติในพม่า พร้อมเหตุผลว่า ทำไมแอดถึงค่อนข้างเชื่อว่า รัฐประหารครั้งล่าสุดนี้ จะไม่กระทบเศรษฐกิจของพม่า

ก่อนอื่นเรามาดูกันก่อนว่า ตัวเลข FDI (การลงทุนโดยตรงจากต่างชาติ - Foreign Direct Investment) ของพม่าเป็นอย่างไร และมีเม็ดเงินลงทุนจากประเทศไหนไหลเข้ามาในพม่าบ้าง

จากรูปประกอบ แอด ได้จัด 10 อันดับ ประเทศที่ลงทุนในพม่ามากที่สุด โดยแบ่งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายคือ ตัวเลขรวมตั้งแต่ปี 2531 จนถึงปัจจุบัน และฝั่งขวาคือ ตัวเลข 10 ปีหลังสุด (2554 - 2563) โดยทั้ง 10 อันดับ ที่ลงทุนในพม่ามากที่สุดไม่ว่าจะตั้งแต่อดีต หรือเอาแค่เฉพาะ 10 ปีหลังสุด ก็ยังเป็น 10 ประเทศเดียวกัน เพียงแต่มีการสลับอันดับเท่านั้น 

ตรงจุดนี้แสดงให้เห็นว่า ประเทศที่มาลงทุนในพม่าในอดีต ก็คงยังลงทุนต่อมาถึงปัจจุบัน สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย เป็นเพื่อนร่วมชาติอาเซียน ซึ่งตามปฏิญญาอาเซียน เราไม่ก้าวก่าย กิจการภายในของกันและกันอยู่แล้ว 

จีน ฮ่องกง ญี่ปุ่น เกาหลี พวกประเทศที่ใช้ตะเกียบทานข้าว เขาสนเรื่องการค้า มาก่อนการเมืองครับ (จีน กับ เวียดนาม เอง ก็เป็นประเทศสังคมนิยม เขาไม่ได้ให้คุณค่าอะไรกับ ประชาธิปไตยอยู่แล้วครับ)

เหลือแค่ สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) กับ เนเธอร์แลนด์ ที่เป็น 2 ชาติจากยุโรป ใน 10 อันดับแรก เนเธอร์แลนด์ แอดยังไม่รู้ท่าทีเหมือนกัน แต่อังกฤษนี่ ตามทัศนะของแอดมิน เรียกได้ว่า เป็นตัวแสบที่สุดของพม่าเลย เพราะนอกจากจะเป็นเจ้าอาณานิคมเก่าแล้ว ยังทิ้งปัญหาไว้ให้พม่า ก่อนที่จะคืนเอกราชให้พม่าเพียบ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาโรฮิงญา หรือปัญหาชาติพันธุ์ (ไว้แอดจะมาขยายความในอนาคตว่า อังกฤษทิ้งปัญหาพวกนี้ไว้ยังไง)

ประเด็นคือ อังกฤษจ้องแต่จะหาประโยชน์กับพม่าอยู่แล้วครับ ดังนั้น ประเทศนี้ไม่มีทางถอนการลงทุนจากพม่าแน่นอน ไม่ว่าการเมืองจะเป็นยังไง

ส่วนประเทศที่ดูจะดิ้นมากที่สุด ออกอาการมากที่สุดน่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา อเมริกานั้น มาลงทุนในพม่า มากเป็นอันดับ 12 ยอดการลงทุนรวมอยู่ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาทเอง (ประมาณ 9.9 พันล้านบาท ในช่วง 10 ปีหลังสุด เฉลี่ยแค่ปีละประมาณ 1 พันล้านบาทเอง ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับ 10 อันดับแรก) คิดเป็นแค่ 0.006% ของ FDI ทั้งหมดของพม่า 

ตัวเลขแค่นี้ พม่าต้องง้อ อเมริกามั๊ย? ถ้าเราดูจากกราฟ FDI จากเว็บไซท์ของธนาคารโลก จะเห็นว่า ช่วงปี 2018 ตัวเลขการลงทุนจากต่างชาติตกลงมาเยอะ (เพราะช่วงนั้นพม่าโดนกดดันเหมือนกัน เรื่องฆ่าโรฮิงญา) แต่ผ่านไปแค่ปีเดียว ตัวเลขการลงทุนก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีก) และถ้าเราวิเคราะห์กราฟต่อไปอีก จะเห็นว่า แนวโน้มการเติบโตของ FDI ในยุครัฐบาลทหาร ดีกว่า ของรัฐบาลพลเรือนอย่าง NLD ด้วยซ้ำ 
https://data.worldbank.org/indicator/BX.KLT.DINV.CD.WD...

สิ่งที่คนพม่ากลัว และน่าจะติดภาพหลอน คือคิดว่า ทหารยึดอำนาจแล้ว จะปิดประเทศเหมือนสมัยยุคนายพล เน วิน ซึ่งแอดมองว่า จะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะพม่าเปิดประเทศในยุคของรัฐบาลทหาร และปัจจุบันกลุ่มธุรกิจใหญ่ๆ ในพม่า ก็ล้วนเกี่ยวพันหรือมีทหารเป็นเจ้าของแทบทั้งนั้น ถ้ารัฐบาลทหารปิดประเทศอีกรอบ นั่นคือการทุบหม้อข้าวตัวเอง 

ดังนั้น แอดจึงเชื่อว่า รัฐประหารรอบนี้ จะกระทบเศรษฐกิจแค่ช่วงสั้นๆ เท่านั้น (ไม่น่าเกิน 1 ปี) ซึ่งในระยะเวลา 1 ปีนี้ เราก็ยังต้องอยู่กับ โควิด ซึ่งผลกระทบจากโควิด ในพม่าเอง แอดว่า มันสาหัสกว่า รัฐประหารแบบเทียบกันไม่ได้

ถ้าเศรษฐกิจของพม่า หรือประเทศพม่าจะพังพินาศไปกว่านี้ มีแค่ทางเดียวเท่านั้น ก็คือ อเมริกาเข้ามาวุ่นวาย เหมือนที่เคยทำกับ ลิเบีย ซีเรีย อิรัก เยเมน อัฟกานิสถาน ฯลฯ มาแล้วนั่นแหละ ไม่ใช่เพราะรัฐประหาร (แอดขอยืนยันว่า ไม่ได้เห็นด้วยกับรัฐประหารครั้งนี้นะ แค่วิเคราะห์ในมุมมองของผลกระทบ ต่อเศรษฐกิจ และวิถีชีวิตของชาวเมียนมา)

#แอดหม่อง
อ้างอิง:
https://www.dica.gov.mm/en/topic/foreign-investment-country
https://data.worldbank.org/indicator/BX.KLT.DINV.CD.WD...


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"