
18 ก.พ.64 - เมื่อเวลา 20.51 น. วันที่ 17 ก.พ. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อภิปรายชี้แจงโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า รถไฟฟ้าสาายสีเขียวมีปัญหาเกิดขึ้นในอดีตที่ทำมาและปัจจุบันที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงต้องเข้าใจความเป็นมา โดยรถไฟฟ้าสายสีเขียวมี 3 ช่วง เริ่มที่ 1.สายสีเขียวหลักคือ เอกชน หรือ บีทีเอส สร้างราง และ วางระบบเดินรถ บริหารเดินรถทั้งหมด ถือเป็นสายเดียวที่สร้างเองทั้งหมดแห่งเดียวในโลก และจะสร้างกำไรจากค่าโดยสารเท่านั้น ระยะเวลา 30 ปี คือ 2542 -2572
จากนั้นเมื่อหมดสัมปทานต้องคืนให้กทม. ต่อมาคือส่วนต่อขยายที่1 คือ กทม.ไปสร้างเอง และจ้างเดินบีทีเอสเดินรถ โดย กทม.ไม่มีรถไฟฟ้า จึงควรให้สัมปทาน แต่มีบางรัฐบาลไม่ยอมให้สัมปทาน ก็สร้างปัญหาไปเรื่อยๆ และ มาถึงส่วนต่อขยายที่ 2 อยู่นอกกรุงเทพฯ รัฐบาลยุคหนึ่งก็โอนไปให้รฟม.สร้างและออกแบบพิเรนทร์ไม่เชื่อมโยงกับส่วนต่อขยายที่ 1 ซึ่งถือว่าผิด เพราะจริงๆแล้วต้องให้ กทม. สร้างถือเป็นปัญหาโบราณกันมา กระทั่งมีการโอนส่วนต่อขยายที่2 กลับมาให้ กทม. พร้อมหนี้สิน
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับหนี้สินที่กทม. ที่รับมาจากรฟม. ประกอบด้วยส่วนต่อขยายที่ 2 เกือบ 1 แสนล้านบาท และ ส่วนต่อขยายที่ 1 ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท อยากถามใครจะแก้ไข รัฐบาลไม่สามารถสนับสนุนได้เพราะติดปัญหากฎหมายท้องถิ่น ดังนั้นกทม.ต้องแก้ไขเอง จะกู้เงินก็ไม่ได้เพราะเลยกรอบกฎหมายหนี้สาธารณะของกทม.
ส่วนจะออกตราสารหนี้ ก็ทำไม่ได้ เพราะติดสัมปทาน และเดินรถขาดทุน สุดท้ายเหลือการให้เอกชนเขามา ก็ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย และ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องทั้งหมด แต่จะทำอย่างไรจะไม่ให้เอื้อประโยชน์ ไม่ใช่ระบุว่าเอกชนไปรับหนี้บอกว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ แต่ตนจะบอกว่าไม่มีเอกชนอื่นทำได้ เพราะโครงการสายสีเขียวทั้งหมดบิดมาตั้งแต่ต้น และ เป็นปัญหาจะต้องแก้และหากไม่ทำเกิดการฟ้องร้องแล้วจะเสียค่าโง่
เมื่อถามว่าทำไมรีบต่อสัญญาสัมปทาน เพราะหากปล่อยให้ครบสัญญาปี 2572 หนี้ก็มากขึ้น คสช.จึงหาทางแก้โดยออกมาตรา 44 คือเวลา เพราะเวลาทำให้เกิดหนี้เพิ่มขึ้น และไปทำอย่างไรมาก็ได้เพราะกทม.ไม่มีเงิน แต่ทำให้ประเทศชาติได้ประโยชน์ ค่าโดยสารไม่แพงเหมาะสมกับประชาชน และเป็นธรรมกับเอกชนและ คสช. ให้มีข้อตกลงคุณธรรม จนมาถึงทั้งหมดจบหรือยัง กระทั่งคณะกรรมการเจรจาจบแล้ว เพื่อนำเข้าครม.เพื่อเห็นชอบ และ ยืนยันตนนำเรื่องเข้าครม.ไม่ได้มีนอกมีใน เพราะอัยการสูงสุดก็บอกสามารถทำได้ และ ได้ส่งเรื่องไปที่ครม.แล้วตั้งแต่เดือนก.ย. 62 ต่อมาได้มีหน่วยงานต่างๆตั้งข้อสงสัยตลอดมา 1 ปีกว่า
ส่วนราคาที่ระบุว่าสายสีเขียวแพงกว่าคือ 65 บาทสายสีน้ำเงิน เก็บค่าโดยสาร 42 บาท ขอให้ดูระยะทางควบคู่กับการสนับสนุนกับรัฐซึ่งสายสีเขียวไม่มี ดังนั้นการจะเอื้อหรือไม่เอื้อต้องดูว่าเป็นธรรมหรือไม่ ประเทศชาติ และ ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุดหรือไม่ ส่วนค่าโดยสาร 104 บาทก็ยังทำให้ กทม. ขาดทุนปี 64 จำนวน 3,981 ล้านบาท และถึงปี 2572 จำนวน 37,469 ล้านบาท
"ขอให้ประชาชนเข้าใจที่ไปที่มามันมีปัญหา และก็หาทางแก้ ท่านเห็นหรือไม่ว่าแก้ด้วยร่วมทุนทำไม่ได้ และหนี้เกิดขึ้น ก็ไม่มีใครแก้ไข ผิดถูกอย่างไร ครม.ต้องพิจารณา ประชาชนอย่าได้กังวล"พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |