ผู้นำสหรัฐไว้อาลัยเหยื่อโควิด-19 เสียชีวิตเกิน500,000คน


เพิ่มเพื่อน    

สหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ผ่านหลัก 500,000 คนเมื่อวันจันทร์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จัดพิธีไว้อาลัยที่ทำเนียบขาว และสั่งให้ลดธงครึ่งเสาถึงวันศุกร์

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยแด่ผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ในสหรัฐ (Photo by Alex Wong/Getty Images)

    จำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการด้วยสาเหตุของโรคโควิด-19 ในสหรัฐมีมากกว่า 500,000 คนเมื่อวันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ หรือราว 1 ปีนับแต่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คร่าชีวิตผู้ป่วยในสหรัฐรายแรกที่ซานตาคลาราเคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ถึงช่วงบ่ายวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ จำนวนผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการในสหรัฐอยู่ที่ 500,264 คน จากผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 28.18 ล้านคนตามฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นส์ฮอปกินส์

    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จัดพิธีที่ทำเนียบขาวเพื่อรำลึกถึงผู้ที่ล่วงลับ และได้สั่งให้หน่วยงานและสถานที่ราชการทั่วประเทศลดธงครึ่งเสาจนถึงวันศุกร์ มหาวิหารแห่งชาติในกรุงวอชิงตันสั่นระฆัง 500 ครั้ง เป็นสัญลักษณ์ระลึกถึง 500,000 ชีวิตที่สูญเสีย

    ในคำกล่าวสุนทรพจน์ ผู้นำสหรัฐกล่าวถึงขนาดของผู้เสียชีวิตเพราะโรคระบาดนี้ว่ามากมายกว่าการสังเวยชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1, สงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเวียดนามรวมกัน เขายังกล่าวถึงประสบการณ์ความสูญเสียส่วนตัวที่ภรรยาและลูกสาวเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถยนต์เมื่อปี 2515 และลูกชายคนหนึ่งเสียชีวิตเพราะมะเร็งสมองเมื่อปี 2558

    "ในขณะที่เรารับรู้ขนาดของการเสียชีวิตจำนวนมากในอเมริกานี้ ขอให้จดจำแต่ละคนและชีวิตที่พวกเขาเคยดำรงอยู่" ไบเดนกล่าวสุนทรพจน์ภายหลังสิ้นเสียงระฆัง

    หลังจากนั้น ไบเดนพร้อมกับภรรยา และรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส พร้อมกับสามี ซึ่งต่างสวมชุดดำและหน้ากากอนามัยสีดำ ยืนสงบนิ่งไว้อาลัยเบื้องหน้าเทียน 500 เล่ม ขณะที่วงดุริยางค์ของกองกำลังนาวิกโยธินบรรเลงเพลง "Amazing Grace”
    
    สหรัฐมีผู้ติดเชื้อคิดเป็นสัดส่วนราว 19% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกที่มีราว 111.7 ล้านคน ในขณะที่ประชากรของสหรัฐคิดเป็นเพียงร้อยละ 4 ของประชากรโลกเท่านั้น และถึงแม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในสหรัฐลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกันแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ, แอฟริกาใต้ และบราซิล กำลังเป็นภัยคุกคามที่อาจทำให้แนวโน้มในทิศทางบวกนี้ตีกลับอีก

    จำนวนผู้เสียชีวิตสหรัฐเพิ่มจาก 400,000 คน เป็น 500,000 คนภายในเวลาเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้นนับจากกลางเดือนมกราคม โดยข้อมูลของเอเอฟพีเปรียบเทียบว่า นับแต่รายงานผู้เสียชีวิตคนแรกเมื่อเดือน
กุมภาพันธ์ 2563 สหรัฐมีผู้เสียชีวิตผ่านหลัก 100,000 คนในอีกราว 3 เดือนต่อมาระหว่างคลื่นการระบาดลูกแรกโดยเฉพาะที่รัฐนิวยอร์ก หลังจากนั้น 4 เดือน สหรัฐก็มีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 100,000 คน รวมเป็น 200,000 คน แล้วเพิ่มเป็น 300,000 คนในอีก 3 เดือนต่อมา

    ประธานาธิบดีไบเดนยังเรียกร้องคนอเมริกันรักษาความตื่นตัวในการต่อสู้กับโรคระบาดนี้ ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย, เว้นระยะห่างทางสังคม และรับวัคซีนเมื่อถึงเวลา "เราต้องยุติการเมืองและการให้ข้อมูลเท็จที่ทำให้ครอบครัวและชุมชนแตกแยก เราต้องสู้ไปด้วยกันแบบเป็นหนึ่งเดียว ในฐานะสหรัฐอเมริกา" เขากล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"